2687 จำนวนผู้เข้าชม |
โปรแกรมพัฒนาเทคโนโลยีและนวัตกรรมเครื่องมือแพทย์วัสดุฝังใน หรือ ADTECภายใต้ศูนย์ความเป็นเลิศด้านชีววิทยาศาสตร์ (องค์การมหาชน) สังกัดกระทรวงวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี ร่วมสานต่อพระราชปณิธาน พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวภูมิพลอดุลยเดชฯ ในหลวงรัชกาลที่ ๙ เปิดตัว “โครงการบริการฝังรากฟันเทียมผู้สูงอายุ” ช่วยลดปัญหาต่างๆ ในช่องปาก อาทิ ปัญหาเรื่องการบดเคี้ยวอาหาร ปัญหาเรื่องการใส่ฟันปลอม ตั้งเป้า 3 ปี 6,000 ราย ทั่วประเทศ เพื่อช่วยเหลือให้ผู้สูงอายุมีคุณภาพชีวิตที่ดีขึ้น
ผศ.ทพ. วิจิตร ธรานนท์ ผู้อำนวยการโปรแกรมพัฒนาเทคโนโลยีและนวัตกรรมเครื่องมือแพทย์วัสดุฝังใน (ADTEC) กล่าวว่า จากความสำเร็จของ “โครงการรากฟันเทียมเฉลิมพระเกียรติ พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว เนื่องในวโรกาสมหามงคลเฉลิมพระชนมพรรษา ๘๐ พรรษา ๕ ธันวาคม ๒๕๕๐” สู่ “โครงการรากฟันเทียมเฉลิมพระเกียรติพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว เนื่องในโอกาสพระราชพิธีมหามงคลเฉลิมพระชนมพรรษา ๗ รอบ ๕ ธันวาคม ๒๕๕๔” ที่ให้บริการฝังรากฟันเทียมแก่ผู้สูงอายุโดยไม่คิดค่าใช้จ่าย จำนวน 10,000 ราย และ 8,400 รายทั่วประเทศตามลำดับ ซึ่งเกิดจากพระราชดำริของในหลวงรัชกาล9 ที่ทรงห่วงใยประชาชนในเรื่องของสุขภาพฟัน โดยทรงมีพระราชดำรัส ว่า “เวลาไม่มีฟัน กินอะไรก็ไม่อร่อย ทำให้ไม่มีความสุข จิตใจก็ไม่สบาย ร่างกายก็ไม่แข็งแรง” และยังได้รับสั่งต่ออีกว่า “คนเรานั้นถ้าสุขภาพในช่องปากไม่ดี ก็จะทำให้สุขภาพด้านอื่นๆ ด้อยไปด้วย”
จากพระราชดำรัสในครั้งนั้น กระทรวงวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี และกระทรวงสาธารณสุข จึงได้ร่วมมือจัดทำโครงการขึ้น ซึ่งโครงการที่ผ่านมานั้นสำรวจพบว่า ผู้สูงอายุที่ฟันหลุดหมดปาก จะนิยมใส่ฟันเทียม เมื่อใส่ไปแล้วเวลาพูด ฟันเทียมมักจะหลุดออกมา หรือเวลาเคี้ยวอาหารก็จะทำให้รู้สึกเจ็บ การใส่รากฟันเทียมลงไป จะทำให้ฟันเทียมทั้งปากแน่นขึ้น สามารถบดเคี้ยวอาหารได้ดีขึ้น โดยให้ผู้สูงอายุที่ขาดโอกาสในการรักษาสุขภาพช่องปาก ได้มีโอกาสเข้ารับบริการฝังรากฟันเทียมบริเวณขากรรไกรล่าง รายละ 2 ชุดรวมฟันปลอมด้วย ทำให้ผู้ป่วยที่เข้ารับการฝังรากฟันเทียมสามารถบดเคี้ยวอาหารได้ และมีคุณภาพชีวิตที่ดีขึ้น
สำหรับ “โครงการบริการฝังรากฟันเทียมผู้สูงอายุ” ในครั้งนี้ นับเป็นการสานต่อพระราชปณิธานของพระองค์ท่านอีกครั้ง ซึ่งโปรแกรมพัฒนาเทคโนโลยีและนวัตกรรมเครื่องมือแพทย์วัสดุฝังใน (ADTEC) ได้เล็งเห็นงานทันตกรรมรากเทียม เพื่อผู้สูงอายุ ซึ่งสอดคล้องกับแผนทันตกรรมสุขภาพ สำหรับผู้สูงอายุประเทศไทย พ.ศ.2558-2564 ที่ต้องการให้มีการเพิ่มการเข้าถึงการบริการ การส่งเสริม การรักษา และฟื้นฟูสภาพช่องปากของผู้สูงอายุให้เพิ่มมากขึ้น โดยในปีนี้เราจะเปิดโอกาสให้ผู้สูงอายุจากทั่วประเทศ จำนวน 700 ราย ซึ่งในปีนี้จะแตกต่างจาก 2 โครงการที่ผ่านมาคือเราจะใส่รากฟันเดี่ยวให้กับผู้สูงอายุที่สูญเสียฟันในบางส่วน โดยเฉพาะฟันบดเคี้ยว หรือ ฟันกราม ให้คนละ 2 ราก ตั้งเป้า 3 ปี จำนวน 6,000 ราย เฉลี่ยปีละ 2,000ราย รวมจำนวน 4,000 ราก ซึ่งรากฟันที่ใส่ให้คนไข้จะมีอายุการใช้งานอย่างต่ำ 10 ปี หรืออาจมากกว่านั้น ขึ้นอยู่กับการรักษา
โดยคุณสมบัติของผู้ที่จะเข้าร่วมโครงการ จะต้องเป็นผู้ที่มีอายุตั้งแต่ 60 ปีขึ้นไป ซึ่งผู้ที่สมัครเข้าร่วมโครงการจะต้องผ่านการคัดกรองจากทันตแพทย์ในโรงพยาบาลที่เข้าร่วมโครงการ ซึ่งมีทั้งหมด 20 แห่งทั่วประเทศ ดังนี้ ภาคเหนือ ได้แก่ รพ.เชียงคำ จ.พะเยา, รพ.เชียงรายประชานุเคราะห์ จ.เชียงราย, รพ.แพร่ จ.แพร่ รพ.ลำปาง จ.ลำปาง, รพ.น่าน จ.น่าน ภาคตะวันออกเฉียงเหนือ ได้แก่ รพ.เทพรัตน์ จ.นครราชสีมา, รพ.สิรินธร จ.ขอนแก่น, คณะทันตแพทยศาสตร์ มหาวิทยาลัยขอนแก่น จ.ขอนแก่น, รพ.สรรพสิทธิประสงค์ จ.อุบลราชธานี ภาคใต้ ได้แก่ รพ.ค่ายธนะรัชต์ จ.ประจวบคีรีขันธ์, รพ.หาดใหญ่ จ.สงขลา, รพ.สตูล จ.สตูล, รพ.ตรัง จ.ตรัง, รพ.ตะกั่วป่า จ.พังงา, รพ.สุราษฎร์ธานี จ.สุราษฎ์ธานี ภาคตะวันออก ได้แก่ รพ. ขลุง จ.จันทบุรี, รพ.ระยอง จ.ระยอง ส่วนภาคกลาง ได้แก่ โรงพยาบาลลาดหลุมแก้ว จ.ปทุมธานี,สถาบันประสาทวิทยา กรุงเทพฯ และ คลินิกทันตกรรม ADTEC จ.ปทุมธานี
ผศ.ทพ. วิจิตร กล่าวอีกว่า จากการดำเนินงานโครงการบริการรากฟันเทียมผู้สูงอายุ ทำให้ทราบถึงปัญหาต่างๆ มากมาย โดยส่วนใหญ่พบว่า ผู้สูงอายุในต่างจังหวัดจะไม่ใส่ใจในการดูแลรักษาสุขภาพช่องปาก เนื่องจากไม่มีความรู้ และอีกอย่างคือ ทุกคนต้องทำงาน เพื่อหาเลี้ยงครอบครัว จึงคิดว่า “ไม่มีฟัน” ก็ไม่เป็นไร แต่ในความเป็นจริงแล้ว “ฟัน” คือสิ่งที่สำคัญมาก นอกจากจะทำให้เรามีความมั่นใจ ฟันยังช่วยให้เราบดเคี้ยวอาหาร เพื่อไปเลี้ยงส่วนต่างๆ ของร่างกาย เพราะฉะนั้นการมีสุขภาพฟันที่ดี สุขภาพร่างกายก็จะดีตามไปด้วย ซึ่งปัญหาเรื่องสุขภาพช่องปาก ถือเป็นปัญหาใหญ่ของผู้สูงอายุ จากผลสำรวจพบว่าปัจจุบันประเทศไทย มีผู้สูงอายุจำนวน 14 ล้านคน โดย 88%สูญเสียฟันไปบางส่วน และอีก 12%ไม่มีฟันเลย ดังนั้นอาจพูดได้ว่าผู้สูงอายุทุกคนจะมีปัญหาเรื่องการบดเคี้ยว เพราะฟันบางส่วนหลุดหายไป และต้องใช้ฟันหน้าเคี้ยวอาหารแทน ซึ่งเป็นวิธีที่ผิด เพราะรากฟันจะค่อยๆ สึกไปเรื่อยๆ ดังนั้นจึงอยากให้ทุกคนใส่ใจสุขภาพปากและฟัน ด้วยวิธีง่ายๆ คือ แปรงฟันให้สะอาดและถูกวิธี หมั่นไปตรวจสุขภาพฟันทุกๆ 6 เดือน สำหรับผู้ที่สนใจเข้าโครงการสามารถสอบถามรายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่0-2564-6960-1,0-2564-7000หรือ www.adtec.or.th