719 จำนวนผู้เข้าชม |
“เคยไหมเรียนมาไม่ได้ใช้ ส่วนสิ่งที่ใช้ไม่ได้เรียนจากในห้องเรียน” เชื่อว่าประโยคนี้ใช้ได้กับใครหลายคน ไม่เว้นแม้แต่แชมป์บาริสต้าหนุ่มคนนี้ ซึ่งเขาได้แรงบันดาลใจมาจากการทำงานระหว่างเรียน สิ่งที่ต้องทำทุกวันๆ ถูกกลั่นผ่านความรู้สึกจนกลายเป็นความชื่นชอบ ความหลงรัก และวันนี้เขาไม่ได้ประกอบเป็นเพียงอาชีพ แต่ยังนำความสามารถตรงนี้ไปใช้ในการแข่งขันจนประสบความสำเร็จเป็นแชมป์เปี้ยนกันเลยทีเดียว
นายเอกลักษณ์ อนันท์เสน ศิษย์เก่าสาขาวิชาภาษาไทย คณะศิลปศาสตร์ มหาวิทยาลัยรังสิต หรือที่ปัจจุบันหลายคนเรียกขานเขาว่า “จารย์เก๋ แห่งคัฟฟ่า คอฟฟี่แม็คเกอร์” แชมป์ World Es- Yenn Championship กล่าวว่า ผมเริ่มต้นเกี่ยวข้องกับกาแฟจริงจังเลย ตอนทำงานพาร์มไทม์ระหว่างเรียนครับ ผมเป็นเด็กเสิร์ฟคลุกคลีครูพักลักจำอยู่ประมาณสองปีครึ่ง พอมีบาริสต้าลาออก ผมจึงได้โอกาสพิสูจน์ตัวเองตอนช่วงเวลานั้น หลังจากนั้นได้ผันตัวเองมาเป็นเทรนเนอร์ในการสอนชงกาแฟ แต่ก็เรียนรู้พักใหญ่ครับ ไม่ง่ายเลยกว่าจะได้มาสอนครับ
“ตอนนั้นศึกษาเกี่ยวกับเรื่องเทรนเนอร์ ผมเรียนอยู่ปี 4 ครับ พอเรียนจบมาก็ยังไม่ได้แตะกาแฟนะครับ ไปทำงานที่โฮมโปรก่อน 2 ปี แต่ใจก็เรียกร้องอยากกลับมาทำสิ่งที่เราชอบดีกว่า จึงไปสมัครเป็นพนักงานตามร้านกาแฟแบรนด์ดังต่างๆ แต่สุดท้ายก็ได้มาทำร้านกาแฟจากคำชักชวนของพี่ที่รู้จักกันครับ พี่เขาเปิดบริษัทคัฟฟ่า คอฟฟี่แม็คเกอร์ ผมจึงมาเป็นทีมบุกเบิกด้วยคนครับ บริษัทคัฟฟ่าเริ่มต้นจากการขาย เน้นขายอุปกรณ์เกี่ยวกับกาแฟแบบครบวงจรครับ และเปิดเป็นโรงเรียนสอนชงกาแฟด้วย ที่นี่จึงเป็นโอกาสที่ผมได้กลายมาเป็นเทรนเนอร์เต็มตัวครับ หลังจากทั้งฝึกฝนตัวเองและหาความรู้เพิ่มเติมจากการสอนผู้อื่นแล้ว ผมก็เริ่มเข้าสู่การแข่งขันครับ งาน Meiji Speed Latte Art เป็นงานแรกที่ลงแข่งขัน ซ้อมหนักมาก แต่ก็มีเหตุปัจจัยหลายอย่าง ทั้งตื่นเต้น ทั้งประหม่า พอหน้างานเหมือนคนจับเครื่องไม่เป็น เทน้ำมือไม่นิ่ง ตกรอบครับ
ผมจึงตั้งตั้งปณิธานไว้ว่า ผมต้องแข่งอีก งานไหนก็จะไปเข้าร่วม การแข่งขันจะเป็นตัวบ่มประสบการณ์ให้เราได้ดีที่สุด และการแข่งขันล่าสุด World Es-Yenn Championship ผมเตรียมตัวคิดค้นหาสูตร ศึกษาเรื่องนมที่ต้องใช้ กาแฟตัวไหนที่จะได้มาชง หน้างานเราจะต้องเจอกับน้ำแบบไหน อุณหภูมิน้ำจะเป็นยังไงบ้าง จึงต้องพยายามที่ซ้อม หลังเลิกงานก็ซ้อม ผลลัพธ์ที่ได้ต้องเรียกว่าคุ้มค่าครับ ไม่เพียงได้รางวัล มันได้ทั้งเพื่อน ทั้งคอนเนคชั่น และที่สำคัญได้ความมั่นใจ ผมเป็นเทรนเนอร์ เป็นครู ผมต้องสร้างความมั่นใจให้กับคนที่จะมาเรียนกับผม ว่าพวกเขาจะไม่เสียเวลาเปล่าครับ ก่อนจะไปทุกคนมักจะคิดว่าเรามาเพื่อแข่งกับคนอื่นๆ แต่ผมจะย้ำกับตัวเองไว้ทุกๆ นาทีเลยว่า วันนี้เรามาแข่งกับใคร มาแข่งกับตัวเองนะ สติ สมาธิต้องนิ่ง ซ้อมมายังไงบ้า ทำตามนั้น ซึ่งสำหรับผมพอใจครับ ทางกติกาเขาจะกำหนดสูตรมาให้ งานนี้คือตรงกับสเป็คที่ผมซ้อมมาครับ มันอยู่มือ มันคงที่ ผมมองว่านี่คือรางวัลที่ได้รับครับ นอกจากนี้ ผมยังเข้ามาดูแลในส่วนของผลิตภัณฑ์ทุกตัวของคัฟฟ่าครับ มีตำแหน่ง Product Manager เพิ่มเข้ามาครับ ตรงนี้ผมต้องศึกษาทุกผลิตภัณฑ์ เพื่อจะได้รู้ว่าเครื่องไหนตัวไหนเป็นอย่างไร เหมาะกับใคร เหมาะกับงานแบบไหน เพื่อจะได้เลือกหรือแนะนำลูกค้าได้”
สำหรับ “จารย์เก๋ แห่งคัฟฟ่า คอฟฟี่แม็คเกอร์” นั้น เขาคลุกคลีกับกาแฟหลายประเภท ชิมกาแฟมาก็ไม่น้อย เมื่อให้เขาเปรียบเทียบตัวเองเป็นกาแฟนั้น เขาเลือกที่จะเป็นคาราเมล ลาเต้ กาแฟแบบนุ่มๆ เบาๆ จารย์เก๋ เล่าต่อว่า กาแฟเป็นอะไรที่พิสูจน์ได้ตามหลักวิทยาศาสตร์ กาแฟเป็นเรื่องของการศึกษา หากเราหยุดที่จะเรียนรู้ เท่ากับว่าเราหยุดตัวเองในวงการนี้ครับ
“ผมตั้งใจจะอยู่กับเรื่องของกาแฟไปจนกว่าจะไม่มีแรง กาแฟคือความรัก กาแฟคือทุกอย่าง ที่ผ่านมาไม่ว่าจะเป็นประสบการณ์ เพื่อนมิตรภาพ รางวัล และที่สำคัญอนาคตของผมก็คือกาแฟครับ อยากจะเปิดร้านกาแฟเล็กๆ อยากเป็นเจ้าของ ผมอยากเป็นมากกว่าคนขายกาแฟ ผมอยากเป็นคนรักกาแฟ สำหรับผมแล้วมันแตกต่างกันนะครับ ผมอยากคิดค้นกาแฟสูตรดีๆ เพื่อคอกาแฟ กาแฟที่ผมเลือกทานจะเป็นกาแฟที่มีเนื้อนุ่ม มี Taste Nose ส่วนตัวผมมองว่ากาแฟที่อร่อยที่สุดคือกาแฟที่เราดื่มแล้วเราจดจำได้ และอยากจะดื่มแต่รสชาติแบบนี้ต่อไป”