1448 จำนวนผู้เข้าชม |
เรื่อง : อัฐฒา นายเรือ
ภาพ : MG
เอ็มจี3 ได้มีการปรับโฉมใหม่ เปลี่ยนแปลงเพื่อความสวยงาม ทันสมัยในหลายจุดด้วยกัน มาพร้อมเกียร์ชุดใหม่ที่เปลี่ยนจากระบบอัตโนมัติคลัทช์ไฟฟ้าแบบเดี่ยว 5 จังหวะ มาเป็น เกียร์อัตโนมัติ 4 จังหวะ กระจังหน้าสไตล์ใหม่ พร้อมไฟหน้าแบบโปรเจคเตอร์ขนาดใหญ่ หลังคาซันรูฟปรับไฟฟ้า (เฉพาะรุ่น X และV) ไฟท้ายแบบแอลอีดี ประตูบานท้ายเปลี่ยนรูปแบบใหม่หมด ล้อแม็คใหม่แบบทูโทนขนาด 16 นิ้ว ภายในห้องโดยสารกว้างขวางในระดับ บี-เซคเมนต์ เบาะนั่งด้านหลังพับแยกส่วนได้ 60:40 เพื่อเพิ่มพื้นที่จัดเก็บสัมภาระพร้อมการก้าวสู่เทคโนโลยียนตรกรรมที่เหนือกว่าด้วยระบบอัจฉริยะ i-SMART สามารถรองรับการสั่งการด้วยเสียงภาษาไทย หน้าจอแสดงผลอัจฉริยะ Multi-Function Display
หลังจากที่ได้รับฟังการบรรยายเรื่องผลิตภัณฑ์และเส้นทางที่จะวิ่งกันเรียบร้อยแล้ว เราก็เริ่มออกสตาร์ทจากเกษรพลาซา ย่านใจกลางเมืองหลวง ขึ้นทางด่วนเพชรบุรีมุ่งตรงไปยังถนนพระราม 2 กันเลย ช่วงสายๆ การจราจรไม่ค่อยติดขัดนัก ยังคงไหลลื่นดี เอ็มจี3 เป็นรถที่คล่องตัวในการใช้งานในเมือง ทัศนวิสัยโดยรวมค่อนข้างดี มีแค่การออกตัวในช่วงตีนต้นอาจจะช้าไปบ้าง แต่พอรถลอยตัวแล้วการตอบสนองคันเร่งเป็นไปได้ดั่งใจ เช่นเดียวกับพวงมาลัยระบบพาวเวอร์ไฮดรอลิกที่เซทมามีน้ำหนักค่อนข้างเยอะในขณะใช้ความเร็วต่ำ โดยเฉพาะการหมุนพวงมาลัยเพื่อเข้าจอดอาจต้องใช้แรงเยอะหน่อย แต่พอวิ่งลอยตัวหรือวิ่งเร็วๆ แล้ว น้ำหนักกำลังพอดี ไม่เบาหวิวจนเกิดความไม่มั่นใจ เรามาจอดแวะพักดื่มกาแฟกันแถวพระราม2 กันสักครู่ ก่อนจะขับยาวไปจนถึงจุดรับประทานอาหารกลางวันแถวเพชรบุรี
เอ็มจี3 ที่ติดตั้งเครื่องยนต์ 1.5 ลิตร 4 สูบ DOHC 16 วาล์ว พร้อมระบบแปรผันวาล์ว VTi-TECH ให้กำลัง 112 แรงม้าที่ 6,000 รตน. แรงบิด 150 นิวตัน-ม. ที่ 4,500 รตน. เป็นเครื่องยนต์ตัวเดียวกับที่วางอยู่ในเอสยูวี เอ็มจี แซดเอส สามารถใช้น้ำมันได้ถึง แกสโซฮอลล์ อี85 ส่งกำลังด้วยเกียร์อัตโนมัติแบบทอร์คคอนเวอร์เตอร์ 4 จังหวะ อัตราทดเกียร์และเฟืองท้ายเท่ากันกับ แซดเอส โดยมีโหมดแมนวลที่สามารถเปลี่ยนเกียร์เองได้ตามที่ผู้ขับขี่ต้องการ ในช่วงที่ขับขี่บนถนนพระราม2 ซึ่งต้องมีการแซง เปลี่ยนเลนวิ่ง การเร่งแซงทำได้ทันใจ ตีนต้นอาจจะขึ้นช้าหน่อย แต่พอมาถึงอัตราเร่งในช่วงรอบกลางและรอบปลายไหลลื่นดี ขับสนุก เป็นรถที่ใช้รอบเครื่องค่อนข้างสูงจึงจะมีพละกำลัง ที่ความเร็ว 100 กม./ชม. ใช้รอบอยู่ที่ 2,500 รตน. และความเร็ว 120 กม./ชม. ใช้รอบอยู่ที่ 3,000 รตน. ถือว่าอยู่ในเกณฑ์ปานกลาง รอบเครื่องไม่สูงหรือต่ำเกินไป
ระบบรองรับด้านหน้าแม็กเฟอร์สันสตรัทพร้อมเหล็กกันโคลง ส่วนด้านหลังแบบทอร์ชั่นบีม เซทมาได้ดีทีเดียว รถเล็กๆ ขนาดนี้ บางช่วงเราลองวิ่งกันที่ 140 กม./ชม. รถค่อนข้างนิ่งจนนึกว่าเรากำลังขับอยู่ที่ 100-110 กม./ชม. การทรงตัวยังเป็นไปด้วยดี ไม่เครียด เสียงรบกวนจากภายนอกโดยเฉพาะเสียงลมอยู่ในระดับต่ำ น่าพอใจ เครื่องยนต์ตัวนี้ความเร็วตั้งแต่ประมาณ 60-70 กม./ชม.ขึ้นไปแล้วไหลลื่นดีมากไปจนถึงความเร็วสูงๆ แต่ในขณะใช้ความเร็วสัก 160 กม./ชม. จะรู้เริ่มรู้สึกไม่ค่อยมั่นใจ และถ้ามีเหตุฉุกเฉินอาจควบคุมรถได้ยาก แต่ผู้ใช้รถประเภทนี้ก็คงไม่ใช้ความเร็วเดินทางในระดับนี้กันบ่อยนัก การควบคุมบังคับในการเดินทางไกลที่ต้องขับด้วยความเร็วถือว่าอยู่ในเกณฑ์ที่น่าพอใจและดีกว่าที่เราคาดคิดไว้ อัตราการบริโภคน้ำมันโดยเฉลี่ยอยู่ที่ประมาณ 13-15 กม./ลิตร ในขณะที่เราใช้ความเร็วสูงบ้างต่ำบ้างตามสภาพการจราจร ถือว่าอยู่ในเกณฑ์ปานกลาง จะให้ประหยัดมากกว่านี้คงต้องเพิ่มอัตราทดเกียร์เป็น 5 จังหวะแต่ก็จะทำให้ค่าตัวเพิ่มสูงขึ้นและแข่งขันในตลาดได้ยาก หรือหากเปลี่ยนเป็นเกียร์ซีวีทีก็จะทำให้อารมณ์ในการขับแบบสปอร์ทก็จะหายไป การเซทเกียร์แบบนี้ก็ถือว่าเป็นจุดที่ลงตัวในเหตุผลต่างๆ ที่มาประกอบกัน
และที่น่าชมอีกเรื่องหนึ่งคือระบบเบรก แม้ว่าด้านหน้าจะเป็นแบบดิสค์ หลังดรัม ไม่ใช่แบบดิสค์ทั้ง 4 ล้อ แต่ประสิทธิภาพการหยุดรถทำได้ดีมาก มีหลายๆ ครั้งที่เราต้องเบรคเพื่อลดความเร็วอย่างกะทันหัน การหยุดรถเป็นไปด้วยดี ให้ความมั่นใจสูง ไว้ใจได้ในขณะเดินทางไกลที่ต้องใช้ความเร็ว
อุปกรณ์ทั้งในเชิงป้องกันและแก้ไขใส่ให้มาครบทีเดียว เช่น โครงสร้างตัวถังนิรภัย USD (Ultimate Stiffness Design), ABS ป้องกันล้อล็อค, EBA ช่วยเพิ่มแรงเบรก, EBD กระจายแรงเบรก รวมทั้ง CBC ควบคุมการเบรกขณะเข้าโค้ง, SCS ควบคุมเสถียรภาพ, TCS ป้องกันล้อหมุนฟรี, MSR ป้องกันการลื่นไถลขณะเปลี่ยนเกียร์ลงต่ำ, HAS ช่วยออกตัวบนทางลาดชัน, ถุงลมนิรภัยคู่หน้า, แกนพวงมาลัยยุบตัวได้ ฯลฯ
ก่อนเข้าตัวเมืองเพชรบุรี เราได้แยกจากถนนเพชรเกษมเข้าสู่ อ.หนองหญ้าปล้อง ทางที่จะไปสู่ อ.แก่งกระจาน สภาพถนนเป็น 2 เลนสวน พื้นถนนไม่ค่อยเรียบมาก บางช่วงเป็นลอนๆ การซับแรงสั่นสะเทือนของช่วงล่างจะมีอาการโยนตัวอยู่บ้าง แต่การวิ่งบนทางเรียบๆ เช่นบนถนนเพชรเกษมจะให้ความรู้สึกว่าระบบรองรับเซทมากำลังดีทีเดียว เราได้ลองขับด้วยความเร็วกันอีกครั้งในช่วงถนนกว้างๆ จากชะอำเข้าไปที่ตัวเมืองหัวหิน ทางโล่งๆ เรียบๆ แบบนี้ เอ็มจี3 จะให้ความรู้สึกที่เป็นรถขับสนุก มีชีวิตชีวา การตอบสนองของอัตราเร่งเป็นไปด้วยดี เร้าใจ เบรกไว้ใจได้ ให้ความรู้สึกที่ปลอดภัยและคล่องตัวในการขับขี่ ความประหยัดเชื้อเพลิงอยู่ในเกณฑ์ปานกลาง
เอ็มจี3 มี 4 รุ่นย่อย ราคาเริ่มต้นตั้งแต่ 519,000 – 629,000 บาท รับประกันคุณภาพนานถึง 4 ปี หรือ 120,000 กม. สีตัวถังมีทั้งหมด 5 สี คือ สีเหลืองหลังคาดำ Tudor Yellow – Blacktop, สีแดงหลังคาดำ Ruby Red - Black Top, สีฟ้าหลังคาขาว Marina Blue - White Top, สีขาว Arctic White และ สีดำ Black Knight (รุ่น C จะมีเฉพาะสีขาว Arctic White และสีดำ Black Knight)
สำหรับผู้ที่สนใจสามารถสัมผัส และทดลองขับ MG3 ใหม่ ได้ที่โชว์รูม เอ็มจี ทั้ง 83 แห่งทั่วประเทศ หรือ ติดตามข้อมูลเพิ่มเติมได้ที่ http://www.mgcars.com
ระบบสั่งการอัจฉริยะ i-SMART - THE INTELLIGENT SYSTEM FOR SMART LIFE
ระบบรองรับการสั่งการภาษาไทยด้วย i-SMART นวัตกรรมอัจฉริยะ นวัตกรรมเอกสิทธิ์เฉพาะรถยนต์ MG ที่ช่วยให้คุณกับรถสื่อสารกันได้เสมอด้วยเทคโนโลยีอัจฉริยะที่เรียนรู้จากคำสั่งและการใช้งานของคุณ ด้วยการตรวจสอบข้อมูลจากรถและการใช้งาน
ผู้ใช้สามารถควบคุมระบบการสั่งการด้วยเสียง (Voice Command) เพียงแค่พูด “ฮัลโหล เอ็มจี” (Hello MG) เพื่อเริ่มต้นใช้งานซึ่งสามารถสั่งการฟังก์ชันต่างๆในตัวรถ รวมถึงระบบเอ็นเตอร์เทนเมนต์ และระบบช่วยนำทางทำให้ผู้ขับขี่สะดวกสบายในการใช้งานและไม่ต้องละมือจากพวงมาลัยเพื่อความปลอดภัย นอกจากนี้ยังสามารถควบคุมสั่งการผ่านหน้าจอภายในรถ และการสั่งการผ่านโมบายแอปพลิเคชั่นในอุปกรณ์สื่อสารเคลื่อนที่อย่างสมาร์ทโฟนหรือแท็บเล็ต
ทั้งนี้ระบบ i-SMART ใน ALL NEW MG3 (เฉพาะรุ่น V) มีฟังก์ชั่นเด่นที่ช่วยอำนวยความสะดวก พร้อมทั้งให้ข้อมูลรถยนต์ผ่านช่องทางการสั่งการ 3 ทาง ได้แก่