Honda Civic 2019 เพิ่มเติมความปลอดภัยด้วยระบบ Honda Sensing

6484 จำนวนผู้เข้าชม  | 

ถ้าจะพูดถึง Honda Civic ในสยามประเทศของเรา ถือได้ว่าเป็นรถยอดนิยมอีกหนึ่งรุ่น ตั้งแต่เจอเนเรชั่นแรกจนถึงเจอเนเรชั่นใหม่ถือว่าเป็นเจเนเรชั่นที่ 10 ของ Honda Civic ที่ขายในบ้านเราและกว่า 170 ประเทศทั่วโลกมากกว่า 25 ล้านคันทั่วโลก เรียกได้ว่าเป็นรถยอดนิยมอีกรุ่นหนึ่งก็ว่าได้ และในปี 2019 นี้ทางค่ายฮอนด้า ได้ “เสริม เพิ่มและเติม” เรื่องของระบบความปลอดภัยเข้าไปในตัวเจ้า “Honda Civic” ทางฮอนด้าเรียกระบบความปลอดภัยนี้ว่า “Honda Sensing” เป็นระบบความปลอดภัยที่ “ช่วย เตือนและลด” อุบัติเหตุให้กับผู้ขับขี่และคนรอบข้างได้

สำหรับ Honda Civic ยังใช้เครื่องยนต์เเบบเดียวกับรุ่นเจนฯ 2016 มี 2 ขุมพลัง ที่ประหยัดน้ำมันและสมรรถนะในการขับขี่ ได้แก่ เครื่องยนต์ขนาด 1.5 ลิตร (ในรุ่น TURBO RS เเละ TURBO) พร้อมด้วยระบบเกียร์อัตโนมัติ CVT ให้กำลังสูงสุด 173 แรงม้า ที่ 5,500 รอบต่อนาที ด้วยแรงบิดสูงสุดที่ 220 นิวตัน-เมตร ที่ 1,700 – 5,500 รอบต่อนาที อัตราประหยัดเชื้อเพลิงที่ 17.9 กม./ลิตร และรุ่นเครื่องยนต์ขนาด 1.8 ลิตร (รุ่น 1.8 E  เเละ 1.8 EL )SOHC i-VTEC พร้อมด้วยระบบเกียร์อัตโนมัติ CVT ที่ได้รับการพัฒนาภายใต้เทคโนโลยีเอิร์ธดรีม ให้การขับขี่ที่เร้าใจและช่วยเพิ่มประสิทธิภาพการประหยัดน้ำมันยิ่งขึ้น โดยให้กำลังสูงสุด 141 แรงม้า ที่ 6,500 รอบต่อนาที ด้วยแรงบิดสูงสุดที่ 174 นิวตัน-เมตร ที่ 4,300 รอบต่อนาที อัตราประหยัดเชื้อเพลิงที่ 16.1 กม./ลิตร ทั้งยังรองรับพลังงานทางเลือก E85

ส่วนรูปลักษณ์ภายนอกที่เน้นดีไซน์ “สปอร์ตพรีเมียม โฉบเฉี่ยวเเละงดงาม” ตั้งแต่เเรกเห็น กันชนหน้าและกระจังหน้าในสไตล์สปอร์ตใหม่แบบ RS เชื่อมต่อกับไฟหน้าดีไซน์สปอร์ตแบบ LED DRL ไฟตัดหมอกแบบ LED ตกแต่งด้วยคิ้วโครเมียม โดดเด่นยิ่งกว่าด้วยไฟท้าย LED รูปทรงตัว C (C-Identity) ที่เป็นเอกลักษณ์ กันชนหลังตกแต่งด้วยโครเมียมใหม่, เสาอากาศแบบครีบฉลาม (Shark Fin) ให้อารมณ์โฉบเฉี่ยวและหรูหรา บวกกับล้ออัลลอย 17 นิ้ว ดีไซน์สปอร์ตใหม่ พร้อมสีใหม่ น้ำเงินบริลเลียนท์ สปอร์ตตี้ (Brilliant Sporty Blue) เเละขาว Platinum white Pearl

ภายในห้องโดยสารดีไซน์ได้รับการผสมผสานกันระหว่างความหรูหราพรีเมี่ยมเเละสปอร์ตเข้ากันอย่างตัว ไฮไลท์อยู่ที่แผงคอนโซลด้านหน้าด้วยวัสดุ Piano Black รวมถึงลายเบาะนั่งใหม่ ระบบเครื่องเสียงหน้าจอสัมผัสขนาด 7 นิ้ว แบบ Advanced Touch ง่ายต่อการใช้งานรองรับการเชื่อมต่อ Apple CarPlay และระบบสั่งการด้วยเสียง SIRI เเละมาตรฐานความปลอดภัยล้ำสมัย อาทิ ระบบแสดงภาพมุมอับสายตาขณะเปลี่ยนเลน (Honda LaneWatch) ระบบเบรกมือไฟฟ้า (Electric Parking Brake) ระบบ Auto Brake Hold และระบบล็อกรถอัตโนมัติเมื่อกุญแจรีโมทอยู่ห่างจากตัวรถ (Walk Away Auto Lock)

ระบบความปลอดภัย HONDA Sensing มีอะไรบ้าง

Honda Sensing เป็นเทคโนโลยีความปลอดภัยอัจฉริยะที่ยกมาจากรุ่น Honda Accord (เพิ่ม Low-Speed Follow เเละAuto High-Beam เข้ามาใน Honda Civic 2019) มีให้ครบในรุ่นท็อป 1.5 TURBO RS จากนั้นฟังค์ชั่นจะลดหลั่นลงมาตามรุ่น Honda Sensing คือ เทคโนโลยีความปลอดภัยอัจฉริยะจากฮอนด้า ที่ผสานการทำงานของเรดาร์กับกล้องด้านหน้าในการตรวจจับสภาวะแวดล้อมบนท้องถนน เริ่มจากระบบแรก

  • ระบบเตือนการชนรถและคนเดินถนนพร้อมระบบช่วยเบรก (Collision Mitigation Braking System – CMBS) เป็นระบบที่ช่วยเตือนผู้ขับขี่ให้ลดความเร็วของรถเมื่อมีรถคันข้างหน้า หรือคนเดินถนนอยู่ในระยะที่ไม่ปลอดภัย โดยระบบจะแจ้งเตือนผ่านหน้าจอแสดงข้อมูลและสัญญาณเสียงรวมถึงมีการสั่นเตือนของพวงมาลัยในกรณีที่มีรถสวนทาง ซึ่งหากผู้ขับขี่ยังไม่ตอบสนองหรือในกรณีที่อยู่ในระยะที่เสี่ยงต่อการชน ระบบจะช่วยเสริมแรงเบรกให้อัตโนมัติ เพื่อหลีกเลี่ยงการชนหรือลดความรุนแรงจากอุบัติเหตุ
  • ระบบควบคุมความเร็วอัตโนมัติแบบแปรผันพร้อมระบบปรับความเร็วตามรถยนต์คันหน้าที่ความเร็วต่ำ(Adaptive Cruise Control with Low-Speed Follow – ACC with LSF) เป็นระบบช่วยควบคุมความเร็วของรถให้คงที่ตามที่ผู้ขับขี่ตั้งค่าไว้ และระบบจะปรับความเร็วอัตโนมัติ โดยมีกล้องและเรดาร์ตรวจจับรถคันหน้า เพื่อรักษาระยะห่างจากรถคันหน้าอย่างเหมาะสม และในการขับขี่ที่ความเร็วต่ำ ระบบจะช่วยปรับความเร็วให้รถเคลื่อนที่ตามรถคันหน้า รวมถึงเบรกและหยุดตามรถคันหน้าอัตโนมัติ ระบบจะเริ่มทำงานอีกครั้งเมื่อผู้ขับขี่กดปุ่มที่พวงมาลัยหรือเหยียบคันเร่ง
  • ระบบช่วยควบคุมรถให้อยู่ในช่องทางเดินรถ (Lane Keeping Assist System – LKAS) กล้องด้านหน้าจะทำการตรวจจับเส้นแบ่งช่องทางเดินรถ และระบบจะช่วยเพิ่มแรงหน่วงของพวงมาลัย เพื่อช่วยผู้ขับขี่ให้ควบคุมรถอยู่ภายในช่องทางปกติรวมทั้งช่วยลดอาการเหนื่อยล้าของผู้ขับขี่จากการขับขี่
  • ระบบเตือนและช่วยควบคุมเมื่อรถออกนอกช่องทางเดินรถ(Road Departure Mitigation System with Lane Departure Warning – RDM with LDW) เป็นระบบที่ใช้กล้องด้านหน้าในการตรวจจับเส้นแบ่งช่องทางจราจร หากพบว่ารถอยู่ในสภาวะเบี่ยงออกนอกช่องทางโดยไม่ตั้งใจ ระบบจะส่งสัญญาณเตือนที่หน้าจอแสดงข้อมูลพร้อมการสั่นเตือนของพวงมาลัย  และในกรณีที่รถเริ่มเบี่ยงออกนอกช่องทางมากยิ่งขึ้น ระบบจะช่วยหน่วงพวงมาลัยเพื่อให้รถกลับเข้าสู่ช่องทาง หากรถยังคงเบี่ยงออกนอกช่องทางอย่างไร้การควบคุมจนอาจเกิดอุบัติเหตุ ระบบเบรกจะทำงานเพื่อชะลอความเร็ว (ในกรณีเส้นแบ่งถนนเป็นเส้นทึบ) เพื่อช่วยลดความเสี่ยงที่รถจะออกนอกช่องทางจราจร
  • ระบบปรับไฟสูงอัตโนมัติ(Auto High-Beam – AHB) เป็นระบบปรับไฟสูง-ต่ำอัตโนมัติด้วยกล้อง โดยจะปรับเป็นไฟสูงเมื่อขับขี่ในที่มืด และจะปรับเป็นไฟต่ำเมื่อตรวจจับได้ว่ามีรถสวนทางหรือมีรถยนต์ด้านหน้า

หลังจากที่เราได้เรียนรู้เกี่ยวกับอุปกรณ์ใหม่ๆ ที่ใส่เข้าไปใน Honda Civic 2019 คราวนี้เรามาดูกันในส่วนของสมรรถนะของเจ้าตัว “Civic 2019” ดีกว่าว่า ระบบ “Honda Sensing” ที่ใส่เข้าไปแล้วเอาไปใช้จริงบนท้องถนน อาการของรถเป็นยังไง ทางฮอนด้า ออโตโมบิล (ประเทศไทย) จำกัด ได้เชิญบรรดาสื่อมวลชนไปร่วมทดสอบเจ้า “Honda Civic 2019” ซึ่งทางทีมงาน “Lifestyle224.com และSave Safe Drive คลื่นวิทยุ 89.5” ได้ร่วมทดสอบไปในครั้งนี้ด้วย 

การทดสอบคราวนี้ออกสตาร์ทจากศูนย์ฮอนด้าบางชันไปทานข้าวเที่ยงและร่วมทำกิจกรรมที่เขาใหญ่ ก่อนจะขับมาที่ศูนย์ฮอนด้าบางชันเช่นเดิม โดยรถที่ทีมงานใช้ขับขี่เป็นรถ Honda Civic 2019 รุ่น Turbo RS สีน้ำเงินบริลเลียนท์ สปอร์ตตี้ (เมทัลลิก) เป็นสีใหม่อีกด้วย หลังจากที่ทีมงานขึ้นรถจัดท่านั่งเรียบร้อยได้เริ่มทำการขับขี่ โดยระบบความปลอดภัยแรกที่เราเริ่มทำการทดสอบคือ ระบบควบคุมความเร็วอัตโนมัติแบบแปรผันพร้อมระบบปรับความเร็วตามรถยนต์คันหน้าที่ความเร็วต่ำ(Adaptive Cruise Control with Low-Speed Follow – ACC with LSF) ระบบตัวนี้จะต้องตั้งคลุยคอนโทรล และตั้งความเร็วเอาไว้ตามที่เราต้องการ ทีมงานได้ตั้งตามความเร็วที่กฎหมายกำหนดในแต่หละเส้นทาง และก็ตั้งระยะห่างจากรถคันหน้าสามารถตั้งได้ 3 ระดับ ใกล้ กลางและไกล ทีมงานจัดการตั้งระบบทั้งหมด จากนั้นยกขาออกจากคันเร่งเลยปล่อยให้รถวิ่งไปเองตามโปรแกรมที่ตั้งเอาไว้ พอเรดาร์ตรวจจับรถคันหน้าได้ ตัวรถจะชะลอความเร็วให้เท่าคันข้างหน้าและระยะห่างตามที่เราตั้งเอาไว้ และก็จะขับตามไปเรื่อย พอคันหน้าชะลอความเร็วลงช้า รถเราก็จะค่อยๆ ชะลอความเร็วลงตามคันหน้าเช่นกัน แต่พอคันหน้าเบี่ยงเลนออกไป ความเร็วก็จะกลับมาสู่ความเร็วปรกติที่เราได้ตั้งเอาไว้

คราวนี้ทีมงานลองปล่อยมือแล้วขับรถดูบ้าง(ไม่ควรทำตามนะ) เพราะทางทีมงานจะทดลอง ระบบช่วยควบคุมรถให้อยู่ในช่องทางเดินรถ (Lane Keeping Assist System – LKAS) ระบบนี้ทำได้ดีเลยทีเดียว อย่างที่บอกทีมงานปล่อยมือออกจากพวงมาลัย แล้วปล่อยให้รถวิ่งไปตามเลนที่กำหนด พอรถกำลังจะเบนไปทางขวาเพื่อออกนอกเลน ระบบจับเจอเส้นถนนระบบจะบังคับให้กลับมาซ้ายเองโดยอัตโนมัติ เวลาเราขับขี่จังหวะที่เราหันไปคุยกับคนข้างๆ หรือก้มมองโทรศัทพ์ระบบจะช่วยเราได้ ส่วนระบบเตือนและช่วยควบคุมเมื่อรถออกนอกช่องทางเดินรถ(Road Departure Mitigation System with Lane Departure Warning – RDM with LDW) การทดสอบระบบนี้ทีมงานได้ขับรถไปในเส้นทางเดิม ระบบนี้จะทำงานก็ต่อเมื่อเราหลับในหรือออกนอกเลนโดยที่ไม่เปิดไฟเลี้ยวนั้นเอง ทางทีมงานจึงแกล้งเปลี่ยนเลนโดยที่ไม่เปิดไฟเลี้ยวดูบ้าง สัญญาณเตือนมาครบเลยครับ เริ่มจากสัญญาณเสียงก่อน จากนั้นพวงมาลัยจะสั่นเตือนเรา หลังจากเตือนที่พวงมาลัยแล้วรถยังไม่หยุดมีท่าที่จะวิ่งต่อไปแล้วอาจจะทำให้เกิดอุบัติเหตุได้ระบบเบรกจะเริ่มทำงานเพื่อชะลอความเร็วของป้องกันไม่ให้เกิดอุบัติตุนั้นเอง (แต่ต้องบอกก่อนเลยครับว่าเส้นแบ่งถนนต้องเป็นเส้นทึบชัดเจน)

อีกระบบที่ทางทีมงานทดสอบความนี้คือ ระบบเตือนการชนรถและคนเดินถนนพร้อมระบบช่วยเบรก (Collision Mitigation Braking System – CMBS) การทดสอบระบบนี้จะเสียวๆ หน่อยเพราะเราต้องขับเข้าไปจี้คันหน้ามากๆ พอถึงระยะที่ไม่ปลอดภัยจะสัญญาณเสียงเตือนมาที่หน้าจอก่อน พอสัญญาณเสียงเตือนมาที่หน้าจอแล้วเรายังวิ่งต่อไป ระบบเบรกก็จะชะลอความเร็วของรถให้ช้าลง ระบบนี้ทำงานได้จริงและเบรกได้จริงด้วย แต่ต้องขึ้นอยู่กับความเร็วที่ใช้ ถ้ามาไม่เร็วมากระบบก็จะสามารถหยุดรถได้ แต่ถ้ามาเร็วมากๆ ระบบอาจจะช่วยได้แค่ชะลอ ทั้งนี้ทั้งนั้นระบบ “Honda Sensing” ที่ติดมาให้กับ Honda Civic 2019 นี้ คือระบบตัวช่วยนะครับ ระบบมีหน้าที่ช่วยเราเท่านั้น คนขับต้องเป็นคนควบคุมเองทั้งหมด อย่าเพิ่งระบบเยอะมากเพราะความประมาทเป็นเหตุก่อให้เกิดอุบัติเหตุ

Honda Civic 2019 มีให้เลือกทั้งหมด 4 รุ่น ได้แก่

- รุ่น TURBO RS ราคา 1,219,000 บาท

- รุ่น TURBO ราคา 1,104,000 บาท

- รุ่น 1.8 EL ราคา 964,000 บาท

- รุ่น 1.8 E ราคา 874,000 บาท

มีให้เลือกทั้งหมด 5 สี ได้แก่ สีเงินลูนาร์ (เมทัลลิก) สีเทาโมเดิร์นสตีล (เมทัลลิก) สีดำคริสตัล (มุก) และ 2 สีใหม่ ได้แก่ สีน้ำเงินบริลเลียนท์ สปอร์ตตี้ (เมทัลลิก) และสีขาวแพลทินัม (มุก)

*สีขาวแพลทินัม (มุก) เพิ่ม 10,000 บาท และสีดำคริสตัล (มุก) เพิ่ม 6,000 บาท

 

Powered by MakeWebEasy.com
เว็บไซต์นี้มีการใช้งานคุกกี้ เพื่อเพิ่มประสิทธิภาพและประสบการณ์ที่ดีในการใช้งานเว็บไซต์ของท่าน ท่านสามารถอ่านรายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ นโยบายความเป็นส่วนตัว  และ  นโยบายคุกกี้