1764 จำนวนผู้เข้าชม |
New BMW 5 Series ตัวถังซีดานใช้รหัส ‘G30’ ขณะที่ตัวถังทัวร์ริ่ง มาพร้อมรหัส ‘G31’ ทั้ง 2 รูปแบบตัวถัง ถูก BMW M GmbH จับมาอัพเกรดสมรรถนะด้วยขุมพลังดีเซล 6 สูบ ที่แรงที่สุดในโลก เป็นเครื่องยนต์ดีเซลที่ใช้งานในรถตระกูล M หลายโมเดล และหนึ่งในนั้นคือ ‘X5 M50d’ (F15) สำหรับ BMW แล้ว ‘ตัวอักษร M’ คือสัญลักษณ์ที่บ่งบอกคุณสมบัติรถสมรรถนะสูงประจำค่าย เป็นรถแรงที่พัฒนาจนสมบูรณ์แบบมาจากโรงงาน ทว่ายังรองรับการใช้งานในชีวิตประจำวัน และการบำรุงรักษาที่ไม่แตกต่างจากรถยนต์ BMW รุ่นพื้นฐาน
สำหรับ BMW X5 M50d นำร่องมาก่อนใคร ด้วยขุมพลังดีเซลที่มีแรงม้าในระดับ 381 hp ที่ 4,000-4,400 รอบ/นาที กับแรงบิดขั้นมหาศาลระดับ 740 Nm ที่ 2,000-3,000 รอบ/นาที ทั้งหมดถูกต่อยอดมาจากเครื่องยนต์แถวเรียง 6 สูบ 3 ลิตร พร้อมระบบคอมมอนเรล และหัวฉีด Piezo ที่ปลดปล่อยแรงดันน้ำมันในระดับ 2,000 บาร์ ปิดท้ายด้วยเทคโนโลยี BMW TwinPower Turbo ตำแหน่งการจัดวางเทอร์โบทั้ง 2 ตัว อยู่ในรูปแบบ Sequential เป็นการอัดอากาศแบบต่อเนื่องกันด้วยเทอร์โบต่างขนาด ตัวเล็กเป็นเทอร์โบแปรผันช่วยเรียกกำลังในรอบต่ำถึงรอบปานกลาง ส่วนตัวใหญ่เป็นเทอร์โบธรรมดา จะรับช่วงต่อในย่านรอบสูง
ใน ‘X5 M50d’ วิศวกร M GmbH โมเครื่องยนต์ ด้วยการใส่เทอร์โบตัวเล็กเพิ่มเข้าไปอีก 1 ตัว (รวมเป็น 3 ตัว) สำหรับเพิ่มความต่อเนื่องในการลำเรียงอากาศเข้าห้องเผาไหม้ จากชื่อ ‘BMW TwinPower Turbo’ ถูกเปลี่ยนไปเป็น ‘M Performance TwinPower Turbo’ การทำงานของเทอร์โบเป็นแบบ Multi-stage เทอร์โบตัวเล็กตัวแรก เริ่มทำงานตั้งแต่รอบเดิบเบา เทอร์โบตัวเล็กตัวที่สอง เสริมแรงอัดต่อมาจนถึง 2,700 รอบ/นาที รอบสูงเกินกว่านั้นเป็นหน้าที่ของเทอร์โบตัวใหญ่ การลำเรียงอากาศในเครื่องยนต์ดีเซลบล็อคนี้จึงปราศจากความล่าช้า รอบการทำงานของเครื่องยนต์ไต่เพดานไปได้ถึง 5,500 รอบ/นาที และระบบคอมมอนเรลถูกเพิ่มแรงดันไปที่ 2,200 บาร์
แม้ BMW จะมีเครื่องยนต์ดีเซลที่สมบูรณ์แบบอยู่แล้ว แต่วิศวกรไม่ได้หยุดอยู่เพียงเท่านั้น เพราะขุมพลังดีเซลใต้ฝากระโปรงหน้าของ ‘M550d xDrive Touring’ ถูกอัพเกรดขึ้นไปอีกสเต็ป จากเทอร์โบ 3 ตัว เพิ่มไปเป็น 4 ตัว พร้อมแยกวงจรการทำงานของระบบอัดอากาศออกมาเป็น 2 วงจร ใช้เทอร์โบแปรผันจำนวน 2 ตัว สำหรับวงจร High-pressure และใช้เทอร์โบอีก 2 ตัว ในส่วนของวงจร Low-pressure
เทอร์โบทั้ง 2 ตัว ในส่วนของ Low-pressure จะเริ่มทำงานตั้งแต่รอบเดินเบา โดยมีเทอร์โบแปรผัน 1 ตัวของ High-pressure ช่วยเสริมแรงดันตามโหลด ที่ความเร็วเดินทางปกติ เทอรโบทั้ง 3 ตัว จะช่วยกันทำงานตลอดเวลา กระทั่งรอบเครื่องสูงกว่า 2,500 รอบ/นาที เทอร์โบแปรผันของ High-pressure ตัวที่เหลือ จึงรับหน้าที่ต่อในย่านรอบสูง นอกจากปรับปรุงวงจรของระบบอัดอากาศใหม่ แรงดันน้ำมันเชื้อเพลิงจากระบบคอมมอนเรล และหัวฉีด Peizo ขยับเพิ่มขึ้นไปที่ 2,500 บาร์
หัวฉีด Piezo สามารถฉีดน้ำมันเชื้อเพลิงได้อย่างรวดเร็ว และแบ่งระดับการทำงานได้ละเอียดกว่าเดิม การจุดระเบิดแต่ละรอบ หัวฉีดจะฉีดนำร่องไปก่อนถึง 3 ครั้ง ตามด้วยการฉีดหลัก 1 ครั้ง ปิดท้ายด้วยการฉีดหลังการเผาไหม้อีก 4 ครั้ง ทั้งหมดเพื่อลดเสียง และแรงสั่นสะเทือนอันเป็นบุคลิกพื้นฐานของเครื่องยนต์ดีเซลลง
ผลลัพธ์คือ เครื่องยนต์ดีเซลที่มีขนาดความจุ 2,993 ซีซี ใต้ฝากระโปรงหน้า ‘M550d xDrive Touring’ มีพละกำลังมหาศาลถึง 400 hp ที่ 4,400 รอบ/นาที แรงบิดสูงสุดมาในรูปแบบ Flat-torque ระดับ 760 Nm ที่ 2,000-3,000 รอบ/นาที ขับเคลื่อนผ่านเกียร์อัตโนมัติ Steptronic 8 สปีด พร้อมระบบขับเคลื่อน ‘xDrive’ ทำอัตราเร่งจาก 0-100 กม./ชม. ด้วยเวลา 4.6 วินาที กับท็อปสปีดซึ่งถูกล็อคไว้ที่ 250 กม./ชม. แรงระดับนี้ แต่มีอัตราสิ้นเปลือง 16.12 กิโลเมตร/ลิตร และปล่อย CO2 ต่ำเพียง 163 กรัม/กิโลเมตร เท่านั้น
ภาพ/ภาพยนตร์ : BMW Group
เรียบเรียง : Pitak Boon