บีเอ็มดับเบิลยู กรุ๊ป ประเทศไทย ทำสถิติใหม่ เติบโตกว่า 43% สูงสุดเมื่อเทียบกับบีเอ็มดับเบิลยูทั่วโลก

522 จำนวนผู้เข้าชม  | 

บีเอ็มดับเบิลยู กรุ๊ป ประเทศไทย ประกาศความสำเร็จครั้งยิ่งใหญ่ด้วยยอดขายรวมในปี 2560 จากจำนวนการส่งมอบรถยนต์และรถมอเตอร์ไซค์ แบรนด์บีเอ็มดับเบิลยู บีเอ็มดับเบิลยู มอเตอร์ราด และมินิ รวมสูงสุดกว่า 11,030 คัน เติบโตขึ้นถึง 39% จากปีก่อนหน้า ถือเป็นครั้งแรกที่สร้างสถิติยอดขายรวมต่อปีด้วยตัวเลขหลักหมื่น และเป็นยอดขายต่อปีที่ดีที่สุดของบริษัทสำหรับทั้งสามแบรนด์ โดยเฉพาะ บีเอ็มดับเบิลยู ในประเทศไทย ที่สร้างผลงานน่าประทับใจด้วยตัวเลขอัตราการเติบโตปีต่อปีถึง 43% ซึ่งถือว่าสูงที่สุดในเครือข่ายบีเอ็มดับเบิลยูทั่วโลก

ส่วนในระดับโลก บีเอ็มดับเบิลยู กรุ๊ป ยังคงครองความเป็นผู้นำในตลาดรถยนต์พรีเมียม สร้างสถิติยอดขายที่ดีที่สุดในปี 2560 ติดต่อกันเป็นปีที่เจ็ด เติบโตขึ้น 4.1% ด้วยยอดขายรวมถึง 2,463,526 คันทั่วโลก โดยทั้งแบรนด์บีเอ็มดับเบิลยู และมินิ ก็ต่างประสบความสำเร็จและเป็นส่วนหนึ่งของสถิติยอดขายใหม่นี้ ด้วยยอดการส่งมอบรถยนต์บีเอ็มดับเบิลยูกว่า 2,088,283 คันทั่วโลก เติบโตขึ้นถึง 4.2% ปีต่อปี ขณะที่ยอดการส่งมอบรถยนต์มินิ สูงกว่า 371,881 คัน คิดเป็นอัตราการเติบโตต่อปีที่ 3.2% เมื่อเทียบกับปี 2559 ส่วนบีเอ็มดับเบิลยู มอเตอร์ราด สร้างสถิติยอดขายสูงสุดต่อเนื่องเป็นปีที่ 7 ส่งมอบรถมอเตอร์ไซค์ให้แก่ลูกค้ารวม 164,153 คันทั่วโลกในปี 2560 สูงกว่าปีก่อนหน้าถึง 13.2%

มร. สเตฟาน ทอยเชอร์ต ประธาน บีเอ็มดับเบิลยู กรุ๊ป ประเทศไทย กล่าวว่า “ในปี 2560 ที่ผ่านมา
เป็นอีกครั้งที่บีเอ็มดับเบิลยู กรุ๊ป ประเทศไทย สร้างผลงานที่น่าประทับใจด้วยตัวเลขยอดขายตามเป้าหมายจากทั้ง 3 แบรนด์ ทั้งบีเอ็มดับเบิลยู มินิ และบีเอ็มดับเบิลยู มอเตอร์ราด โดยนอกจากบีเอ็มดับเบิลยู ประเทศไทย ที่ประสบความสำเร็จด้วยอัตราการเติบโตสูงที่สุดในเครือข่ายบีเอ็มดับเบิลยูทั่วโลกแล้ว  เซกเมนต์ของรถยนต์ปลั๊กอินไฮบริดยังมีการเติบโตอย่างก้าวกระโดดเพิ่มขึ้นจากปีก่อนหน้าถึง 269% โดยเราเชื่อมั่นว่าตลาดรถยนต์ปลั๊กอินไฮบริดในประเทศไทย ยังคงมีศักยภาพที่จะเติบโตขึ้นอีกมากในอนาคตอันใกล้นี้ ซึ่งสอดคล้องกับยอดขายของบีเอ็มดับเบิลยู กรุ๊ป ที่มียอดการส่งมอบรถยนต์บีเอ็มดับเบิลยูในตระกูลบีเอ็มดับเบิลยู i และ บีเอ็มดับเบิลยู iPerformance กว่า 100,000 คันทั่วโลก เป็นอีกหนึ่งข้อพิสูจน์ว่าเทคโนโลยีแห่งอนาคตของเรา คือสิ่งที่ตอบโจทย์ผู้ใช้งานรถยนต์ทั่วโลก”

ในปี 2560 บีเอ็มดับเบิลยู ประเทศไทย มีการส่งมอบรถยนต์ให้แก่ลูกค้าในประเทศไทยจำนวนทั้งหมด 10,020 คัน เติบโต 43% จากปีก่อนหน้า และนับว่าเป็นสถิติการเติบโตที่สูงที่สุดในปี 2560 ในเครือข่ายบีเอ็มดับเบิลยูทั่วโลก ทั้งยังปิดศักราชปี 2560 ลงอย่างสวยงาม ด้วยการส่งมอบรถยนต์บีเอ็มดับเบิลยูให้แก่ลูกค้าถึง 1,422 คันในเดือนธันวาคม นับว่าเป็นการสร้างสถิติตัวเลขยอดขายที่สูงที่สุดของบีเอ็มดับเบิลยู ประเทศไทย สำหรับเดือนธันวาคมเท่าที่เคยมีมา

ในขณะเดียวกัน ยอดขายของมินิ ประเทศไทย ก็เติบโตขึ้นอย่างเห็นได้ชัดเช่นกันเมื่อเทียบกับปีที่ผ่านมา ด้วยจำนวนการส่งมอบรถยนต์รวม 1,010 คันในปี 2560 เพิ่มขึ้น 11% จากปีก่อนหน้า และสำหรับ บีเอ็มดับเบิลยู มอเตอร์ราด ประเทศไทย ก็ยังคงรักษาระดับความสำเร็จอย่างต่อเนื่องด้วยตัวเลขการเติบโตต่อปีในระดับสองหลักถึงหกปีซ้อน กับยอดส่งมอบรถมอเตอร์ไซค์ถึง 2,001 คัน คิดเป็นอัตราการเติบโตต่อปีที่ 10% โดยทั้งสองแบรนด์ต่างก็ได้สร้างสถิติใหม่สำหรับเดือนธันวาคม 2560 ด้วยจำนวนการส่งมอบรถยนต์มินิให้แก่ลูกค้าในประเทศไทยรวม 168 คัน ซึ่งเป็นยอดขายที่สูงที่สุดนับตั้งแต่เดือนธันวาคมปี 2558 และยอดการส่งมอบรถมอเตอร์ไซค์จากบีเอ็มดับเบิลยู มอเตอร์ราด ประเทศไทยกว่า 300 คันในเดือนเดียวกัน

นอกจากความสำเร็จครั้งประวัติการณ์ในด้านยอดขายแล้ว บีเอ็มดับเบิลยู กรุ๊ป ประเทศไทย ยังได้นำเสนอทางเลือกในการบริการหลังการขายรูปแบบใหม่ในปี 2560 ที่ผ่านมา ด้วยการปรับโฉมโปรแกรมบำรุงรักษารถยนต์ BMW Services Inclusive (BSI) และ MINI Service Inclusive (MSI) ซึ่งมาพร้อมตัวเลือกแพ็คแกจการบริการและการรับประกันรูปแบบใหม่ ที่ผ่านการคัดสรรให้เหมาะสมกับความต้องการในการขับขี่อันเฉพาะตัวของแต่ละบุคคลได้ดียิ่งขึ้น

ในด้านของประสบการณ์ในการเป็นเจ้าของรถยนต์บีเอ็มดับเบิลยู ได้มีการเปิดตัวโปรแกรมสุดเอ็กซ์คลูซีฟ “The Ultimate JOY Experience” นำเสนอที่สุดของประสบการณ์ ครบครันทั้งกิจกรรมไลฟ์สไตล์ด้านยนตรกรรมและกีฬา พาลูกค้าสู่จุดหมายอันสุดตระการตาทั่วโลก ไม่ว่าจะเป็นการพาเจ้าของรถยนต์บีเอ็มดับเบิลยูบินลัดฟ้าไปสัมผัสกับประสบการณ์การขับรถบนพื้นผิวหิมะและน้ำแข็งบนยอดเขาในประเทศนิวซีแลนด์ หรือการเข้าร่วมแข่งขันวิ่งมาราธอนระดับโลกในกิจกรรม BMW Berlin Marathon

“โปรแกรมทั้งสองโปรแกรมข้างต้นนี้ สะท้อนให้เห็นถึงความมุ่งมั่นในการนำเสนอประสบการณ์ในการขับขี่แบบเหนือระดับให้แก่ลูกค้า ผ่านการต่อยอดด้วยความมั่นใจบนทุกเส้นทาง และความเร้าใจที่ได้รับเมื่อสิ้นสุดการเดินทาง” มร. สเตฟาน กล่าว “แน่นอนว่าเรายังมีกิจกรรมสุดพิเศษอีกมากมาย ที่เตรียมไว้สำหรับลูกค้าของบีเอ็มดับเบิลยูในปี 2561 นี้”

นอกจากนี้ บีเอ็มดับเบิลยู กรุ๊ป ประเทศไทย ยังได้ตอกย้ำความเป็นผู้นำด้านเทคโนโลยียานยนต์ไฟฟ้าในโลกของบีเอ็มดับเบิลยู ผ่านทาง ChargeNow เครือข่ายสถานีชาร์จไฟฟ้าสาธารณะสำหรับรถยนต์ไฟฟ้าและรถยนต์ปลั๊กอิน ไฮบริดที่ใหญ่ที่สุดในโลก ซึ่งนับเป็นอีกก้าวอันสำคัญยิ่งของการดำเนินภารกิจตามวิสัยทัศน์เพื่ออนาคตอันยั่งยืนอย่างแท้จริง

“การเติบโตอย่างก้าวกระโดดของบีเอ็มดับเบิลยู กรุ๊ป ในปี 2560 เป็นผลมาจากความมุ่งมั่นที่จะพัฒนาอย่างต่อเนื่อง ไม่ว่าจะเป็นในด้านของการปรับโฉมและการเปิดตัวรถยนต์และรถมอเตอร์ไซค์รุ่นใหม่ๆ การขยายทางเลือกด้านบริการหลังการขาย และการเปิดประสบการณ์ใหม่ๆ ให้กับลูกค้า จนสามารถตอบสนองความต้องการของลูกค้าในยุคนี้ได้ดียิ่งขึ้น และด้วยเครือข่ายผู้แทนจำหน่ายที่ครอบคลุมหลากหลายพื้นที่มากขึ้นทั่วประเทศไทย และวิสัยทัศน์ที่ชัดเจนในการขับเคลื่อนนวัตกรรมยานยนต์ไฟฟ้าและปลั๊กอิน ไฮบริด เราจึงพร้อมที่จะทำให้ปี 2561 เป็นอีกหนึ่งปีแห่งความสำเร็จอันยอดเยี่ยมของเรา” มร. สเตฟาน กล่าว

ในส่วนของบีเอ็มดับเบิลยู ไฟแนนเชียล เซอร์วิส ประเทศไทย ปี 2560 ที่ผ่านมาถือเป็นอีกหนึ่งปีสำคัญสำหรับบีเอ็มดับเบิลยู ไฟแนนเชียล เซอร์วิส ประเทศไทย หลังจากที่บริษัทได้ทำการเปิดตัว BMW FREEDOM CHOICE ผลิตภัณฑ์ทางการเงินใหม่ที่มอบอิสระในการขับขี่รถยนต์บีเอ็มดับเบิลยูด้วยทางเลือกหลากหลาย ทั้งการรับประกันมูลค่ารถยนต์บีเอ็มดับเบิลยูในอนาคต รวมทั้งให้ความยืดหยุ่นเมื่อถึงวันสิ้นสุดสัญญา ไม่ว่าจะเลือกเป็นเจ้าของรถยนต์บีเอ็มดับเบิลยูคันเดิม หรือเปลี่ยนเป็นคันใหม่

“การทำงานประสานกันอย่างแข็งแกร่งของทุกฝ่ายภายใต้บีเอ็มดับเบิลยู กรุ๊ป ประเทศไทย และเครือข่ายผู้ให้จำหน่ายของเรา ช่วยให้เราสามารถสร้างสถิติใหม่ได้อีกครั้งในปีที่ผ่านมา” มร. บียอร์น แอนทอนส์สัน ประธานกรรมการบริหาร บีเอ็มดับเบิลยู ไฟแนนเชียล เซอร์วิส ประเทศไทย กล่าว “เรามียอดสัญญาเช่าซื้อรวมเป็นมูลค่าสูงสุดเป็นประวัติการณ์ถึง 4.04 หมื่นล้านบาทในปี 2560 และเราก็เชื่อมั่นว่าจะสามารถรักษาแนวโน้มการเติบโตอย่างแข็งแกร่งนี้ไว้ต่อไปในปีนี้ ด้วยผลิตภัณฑ์และบริการที่โดดเด่นและแตกต่างเช่นเดียวกับ BMW FREEDOM CHOICE”

นอกจากนี้ บีเอ็มดับเบิลยู กรุ๊ป ประเทศไทย ยังเดินหน้าสร้างโอกาสในการเข้าถึงน้ำสะอาดให้กับผู้ยากไร้ในหลายพื้นที่ ผ่านทางโครงการ แคร์ ฟอร์ วอเตอร์ (Care4Water) ซึ่งเป็นความร่วมมือกับผู้จำหน่ายบีเอ็มดับเบิลยูอย่างเป็นทางการ และ Waves 4 Water องค์กรไม่แสวงหาผลกำไรจากสหรัฐอเมริกา เพื่อยกระดับคุณภาพชีวิต ส่งเสริมสุขภาพที่ดี และลดปัญหาด้านสุขลักษณะ ผ่านทางการมอบอุปกรณ์และทักษะที่เอื้อต่อการเข้าถึงน้ำสะอาดในชุมชนที่ขาดแคลน รวมถึงได้ถ่ายทอดความรู้ด้านคุณประโยชน์ของน้ำที่สะอาด วิธีการติดตั้ง และดูแลระบบกรองน้ำ เพื่อใช้ชาวบ้านสามารถนำไปต่อยอดได้ด้วยตนเอง

ในปี 2560 บีเอ็มดับเบิลยู กรุ๊ป ประเทศไทย ได้ส่งมอบเครื่องกรองน้ำจำนวน 3,434 เครื่อง และแบ่งปันความรู้เกี่ยวกับการบริหารจัดการน้ำให้แก่ 38 ชุมชนทั่วประเทศ ภายใต้โครงการ แคร์ ฟอร์ วอเตอร์ โดยเครื่องกรองน้ำหนึ่งเครื่องสามารถผลิตน้ำสะอาดสำหรับชาวบ้าน 100 คนได้ในแต่ละวัน หรือเท่ากับว่าปัจจุบัน บริษัทได้ช่วยสร้างโอกาสในการเข้าถึงน้ำสะอาดให้กับชาวไทยแล้วกว่า 343,400 คน ยิ่งไปกว่านั้น ทีมงานและอาสาสมัครจากบีเอ็มดับเบิลยู กรุ๊ป ประเทศไทยยังมีการติดตามผลเป็นระยะ เพื่อให้มั่นใจว่าสมาชิกของชุมชนที่เข้าร่วมโครงการดังกล่าว มีน้ำสะอาดและคุณภาพชีวิตดีขึ้นอย่างแท้จริง โดยสามารถร่วมเป็นส่วนหนึ่งและติดตามข้อมูลเพิ่มเติมของโครงการ แคร์ ฟอร์ วอเตอร์ ได้ที่ www.care4water.org/thailand

“นี่คือความมุ่งมั่นของเราในฐานะบรรษัทพลเมืองที่ดีของประเทศไทย” มร. บียอร์น แอนทอนส์สัน สรุป

 

Powered by MakeWebEasy.com
เว็บไซต์นี้มีการใช้งานคุกกี้ เพื่อเพิ่มประสิทธิภาพและประสบการณ์ที่ดีในการใช้งานเว็บไซต์ของท่าน ท่านสามารถอ่านรายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ นโยบายความเป็นส่วนตัว  และ  นโยบายคุกกี้