477 จำนวนผู้เข้าชม |
กู๊ดเยียร์ เผยโฉม เอฟฟิเชี่ยนกริป เพอร์ฟอร์มแมนซ์ (EfficientGrip Performance) ยางรถยนต์ต้นแบบที่มาพร้อมเทคโนโลยีใหม่ล่าสุด ในงาน เจนีวา อินเตอร์เนชั่นแนล มอเตอร์โชว์ 2018 เพื่อรองรับตลาดยานยนต์ที่ขับเคลื่อนด้วยระบบไฟฟ้า โดยพร้อมโลดแล่นบนถนนในทวีปยุโรปภายในปี พ.ศ. 2562
จากผลการทดสอบสมรรถนะยางรถยนต์ทั่วไปกับยานยนต์ขับเคลื่อนด้วยระบบไฟฟ้า ชี้ให้เห็นว่าเมื่อใช้ยางรถยนต์ทั่วไปทำให้เกิดการสึกหรอเร็วกว่าถึงร้อยละ 30 เมื่อเทียบกับการใช้ยางกู๊ดเยียร์เอฟฟิเชี่ยนกริป เพอร์ฟอร์มแมนซ์รุ่นใหม่ล่าสุด เนื่องจากแรงบิดของเครื่องยนต์ที่ใช้กำลังแรงสูง รวมถึงชุดแบตเตอรี่ที่ทำให้ยานยนต์ขับเคลื่อนด้วยระบบไฟฟ้ามีน้ำหนักมากยิ่งขึ้น
มร. คริส เดอลานีย์ ประธานบริหารประจำภูมิภาคยุโรป ตะวันออกกลาง และแอฟริกา (EMEA) เผยว่า “เมื่อมีกฎระเบียบข้อบังคับให้สนับสนุนการลดการปล่อยก๊าซคาร์บอนฯ ผนวกกับความมุ่งมั่นในการลดการใช้เชื้อเพลิงฟอสซิล รวมถึงเทคโนโลยีพลังงานแบตเตอรี่สำหรับยานยนต์ที่ขับเคลื่อนด้วยระบบไฟฟ้าที่ก้าวหน้าอย่างรวดเร็ว และเป็นมิตรกับสิ่งแวดล้อม กู๊ดเยียร์จึงร่วมมือกับบริษัทผู้ผลิตยานยนต์ เพื่อคิดค้น พัฒนา และนำเสนอเทคโนโลยีการขับเคลื่อนด้วยระบบไฟฟ้า เพื่อรองรับความต้องการด้านสมรรถนะของยางรถยนต์ในตลาดยานยนต์ขับเคลื่อนด้วยระบบไฟฟ้าที่กำลังเติบโตขึ้นเรื่อยๆ”
นอกจากบริษัทผู้ผลิตยานยนต์จะมองหายางรถยนต์ที่มีประสิทธิภาพความคงทนสูงแล้ว ยังมองหายางรถยนต์ที่มีความเงียบและนุ่มสบาย เพราะยานยนต์ที่ขับเคลื่อนด้วยระบบไฟฟ้าจะเคลื่อนที่ในอัตราความเร็วต่ำ ก่อให้เกิดเสียงดังเพียงครึ่งหนึ่งเมื่อเทียบกับเสียงที่ดังจากยานยนต์ทั่วไป อีกทั้ง มองหายางรถยนต์ที่โดดเด่นด้านแรงต้านทานการหมุนของล้อในยานยนต์ที่ขับเคลื่อนด้วยระบบไฟฟ้าอีกด้วย เหล่านี้นับเป็นสิ่งสำคัญที่กลุ่มผู้บริโภคคำนึงถึง
เทคโนโลยีการขับเคลื่อนด้วยระบบไฟฟ้า
ยางรถยนต์ต้นแบบ เอฟฟิเชี่ยนกริป เพอร์ฟอร์มแมนซ์ที่มาพร้อมเทคโนโลยีขับเคลื่อนด้วยระบบไฟฟ้า นำเสนอโซลูชั่นด้านสมรรถนะต่างๆ ที่เข้ามาช่วยจัดการปัญหา อาทิ:
มร. เดอลานีย์ เสริมว่า “ในฐานะที่กู๊ดเยียร์เป็นบริษัทผู้ผลิตยางรถยนต์และนำเสนอนวัตกรรมยางที่เปลี่ยนโลกแห่งการเคลื่อนที่มายาวนานกว่า 120 ปี ทั้งนี้ ยางรถยนต์ต้นแบบ เอฟฟิเชี่ยนกริป เพอร์ฟอร์มแมนซ์ที่มาพร้อมเทคโนโลยีการขับเคลื่อนด้วยระบบไฟฟ้า นับเป็นการพิสูจน์ที่ชัดเจนว่า กู๊ดเยียร์ยังคงมุ่งมั่นพัฒนานวัตกรรมด้านเทคโนโลยีแห่งการเคลื่อนที่ในอนาคต”