สตรอแมนน์จัดงานเปิดตัวเป็นทางการในประเทศไทย เชิญทันตแพทย์ผู้เชี่ยวชาญร่วมให้ความรู้ “รากฟันเทียม” สำคัญอย่างไร

845 จำนวนผู้เข้าชม  | 

นอกจากจะมีสุขภาพจิตที่ดี สุขภาพกายแข็งแรงแล้ว สุขภาพของช่องปากและฟัน นับเป็นเรื่องสำคัญอย่างหนึ่งที่ไม่ควรมองข้าม และเป็นที่รู้กันดีโดยทั่วไปว่า การดูแลรักษาช่องปากและฟันไม่ใช่เรื่องยาก แค่ดูแลเหงือกและฟันด้วยการแปรงฟันวันละ 2-3 ครั้งหลังมื้ออาหาร บ้วนปากให้สะอาดอยู่เสมอ แต่หากเมื่อเอ่ยถึง “รากฟัน” หรือ “รากฟันเทียม” คนที่สุขภาพฟันแข็งแรงเป็นปกติอาจไม่ค่อยคุ้นเคยเท่าไรนักว่ารากฟันแท้เป็นอย่างไร แล้วรากฟันเทียมมีไว้เพื่ออะไร

เพื่อให้ทุกคนได้เข้าใจว่ารากฟันคืออะไร รากฟันเทียมมีความสำคัญอย่างไร ทำไมจึงต้องใส่รากฟันเทียม และควรดูแลรักษาทั้งรากฟันแท้และรากฟันเทียมอย่างไร บริษัท สตรอแมนน์ กรุ๊ป (ประเทศไทย) จำกัด ผู้นำเข้ารากฟันเทียมภายใต้แบรนด์ “สตรอแมนน์” (Straumann) จึงได้จัดงานเปิดตัวบริษัทอย่างเป็นทางการไปเมื่อเร็วๆ นี้ ณ โรงแรม ฮิลตัน สุขุมวิท โดยภายในงานได้เชิญทันตแพทย์ผู้เชี่ยวชาญมาให้ความรู้ และสร้างความเข้าใจเรื่องรากฟันได้อย่างถ่องแท้ยิ่งขึ้น

ผศ.ทพ.สุรกิจ วิสุทธิวัฒนากร อธิบายถึงรากฟันว่า “ฟันแบ่งออกเป็น 3 ส่วน ได้แก่ ส่วนที่ฝังเข้าไปในกระดูกเรียกว่ารากฟัน ส่วนที่ต่อยอดขึ้นจากรากเหนือกระดูกเรียกว่าแกนฟัน และส่วนที่สามคือ  ครอบฟัน ซึ่งจะครอบอยู่บนแกนเพื่อให้เกิดเป็นรูปทรงของฟัน ซึ่งการดูแลรากฟันแท้มีข้อจำกัดนอกเหนือจากการดูแลปากและฟันให้สะอาดด้วยการแปรงฟัน เพราะถึงแม้เราจะดูแลรักษาความสะอาดฟันเป็นอย่างดีแล้ว แต่ยังมีปัจจัยอื่นๆ อย่างเช่น ฟันแตกจากการบดเคี้ยว ฟันแตกจากอุบัติเหตุ หรือแม้แต่กรณีที่เกิดมาแล้วไม่มีฟันในซี่นั้นๆ หรืออาจจะจัดฟันแล้วเกิดช่องว่างจำเป็นต้องมีฟันเพิ่มเติม เหล่านี้จึงเป็นเหตุให้ต้องมีการสร้าง “รากฟันเทียม” ขึ้นมาทดแทนรากฟันจริง”

ทันตแพทย์ผู้เชี่ยวชาญ ผศ.ทพ.สุรกิจ อธิบายถึง “รากฟันเทียม” ต่อว่า “คือวัสดุทางทันตกรรมที่มีไว้สำหรับทดแทนฟันแท้ที่สูญเสียไป โดยจะเป็นวัสดุที่ปลูกฝังเข้าไปในกระดูกส่วนที่เคยมีฟันแท้อยู่ ซึ่งรากฟันเทียมจะทำหน้าที่เป็นฐานสำหรับต่อยอดขึ้นมาเป็นตัวฟันที่นำมาครอบบนแกนของรากเทียมอีกชั้นหนึ่ง ทำให้เราสามารถใช้ฟันบดเคี้ยวได้ หรือหากเป็นฟันหน้าที่เสียหายไปรากฟันเทียมจะช่วยทำให้คนไข้กลับมามีฟันที่มีความใกล้เคียงกับฟันแท้ที่สูญเสียไปได้”

ผศ.ทพ.สุรกิจ ยังให้คำแนะนำการดูรักษารากฟันเทียมว่า “เริ่มต้นคือควรเลือกทันตแพทย์ที่มีความเชี่ยวชาญในการผ่าตัดเปลี่ยนรากฟันเทียมโดยเฉพาะ เลือกใช้รากฟันเทียมคุณภาพสูง และดูแลรักษาความสะอาดช่องปากและฟันอย่างสม่ำเสมอ ระมัดระวังการบดเคี้ยวด้วยการเลี่ยงการบดเคี้ยวของแข็งมากๆ เพื่อช่วยรักษารากฟันเทียมให้ยืนยาว ส่วนคนที่ไม่ต้องเปลี่ยนรากฟันเทียมก็ควรดูแลรักษาความสะอาดของช่องปากและฟันให้ดีที่สุด เมื่อฟันสะอาด ไม่เกิดฟันผุ ไม่เป็นโรคเหงือกอักเสบ ฟันแข็งแรง รากฟันก็แข็งแรงด้วยเช่นกัน หากมีความจำเป็นไม่ต้องการเปลี่ยนรากฟันเทียม ยังสามารถเลือกใช้วิธีใส่ฟันปลอม หรือทำสะพานฟันแทนได้ แต่ทั้งสองอย่างก็จะมีข้อเสีย ที่นอกจากความรำคาญในการถอดเข้า-ออกของฟันปลอมแล้วนั้น อาจทำให้เหงือกอักเสบ ฟันข้างเคียงผุ และการบดเคี้ยวอาจไม่มีประสิทธิภาพเพียงพออีกด้วย”

ด้าน ผศ.ร.ท.ทพ.ชัชชัย คุณาวิศรุต ทันตแพทย์ผู้เชี่ยวชาญอีกท่านหนึ่งได้ให้คำแนะนำเกี่ยวกับการเลือกรากฟันเทียมว่า “ปัจจุบันรากฟันเทียมมีให้เลือกหลากหลาย มีตั้งแต่ผลิตในประเทศ   ผลิตต่างประเทศ โดยจะใช้โลหะไทเทเนียมเป็นวัสดุหลักในการทำรากฟันเทียม ซึ่งเป็นวัสดุที่ดีที่สุดในการทำเครื่องมือแพทย์ แต่ปัจจัยที่ทำให้ราคาแตกต่างกันขึ้นอยู่กับนวัตกรรมต่างๆ กระบวนการผลิตที่ละเอียดอ่อน รวมถึงกระบวนการเชิงวิทยาศาสตร์ขั้นสูง

สำหรับวิธีที่ดีสุดในการเลือกรากฟันเทียมคือ ศึกษาหาข้อมูลของรากฟันเทียมแต่ละยี่ห้อ และปรึกษาทันตแพทย์ ซึ่งทันตแพทย์จะเลือกรากฟันเทียมที่เหมาะสมให้คนไข้แต่ละคนได้ดีที่สุด โดยส่วนใหญ่แล้วคนไข้ที่มีสุขภาพแข็งแรงทุกคนสามารถเข้ารับการเปลี่ยนรากฟันเทียมได้ แต่สำหรับคนไข้อายุน้อย ทันตแพทย์จะไม่แนะนำ หากมีการผ่าตัดใส่รากฟันเทียมให้กับเด็กที่ร่างภายยังมีภาวะการเติบโต ฟันซี่ใหม่ที่งอกขึ้นมาอาจเบียดกับรากฟันเทียมซึ่งไม่สามารถขยับได้เหมือนกับฟันจริง ทำให้ฟันผิดรูปหรือผิดระดับได้ และสำหรับผู้ป่วยที่มีข้อจำกัดด้านสุขภาพ ไม่สามารถเข้ารับการผ่าตัด หรือต้องรับประทานยาบางชนิดที่มีผลกับการผ่าตัดก็เป็นกลุ่มคนที่ไม่สามารถเปลี่ยนรากฟันเทียมได้”

Powered by MakeWebEasy.com
เว็บไซต์นี้มีการใช้งานคุกกี้ เพื่อเพิ่มประสิทธิภาพและประสบการณ์ที่ดีในการใช้งานเว็บไซต์ของท่าน ท่านสามารถอ่านรายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ นโยบายความเป็นส่วนตัว  และ  นโยบายคุกกี้