รถซิ่ง รถแต่ง “มือสอง” ต้องรู้ก่อนโดนเชือด !!! ไม่รู้ก็ต้องอ่าน รู้แล้วก็ควรอ่าน

6502 จำนวนผู้เข้าชม  | 

เรื่อง : Retro_Sky

 

กลับมาพบกันอีกครั้ง กับเรื่องราวเกี่ยวกับรถแต่ง รถซิ่ง ซึ่งเราจะแนะนำในเกร็ดน่ารู้ต่างๆ กับคนที่ชอบแต่งรถ โดยเฉพาะเหล่า “มือใหม่” ที่อยากจะได้รถพวกนี้ที่แต่งมาแล้ว เรียกว่าซื้อมาเลยจะได้ไม่ต้องแต่งตั้งแต่แรกเริ่ม และก็จะต้องเป็น “รถมือสอง” แน่นอน (เพราะรถป้ายแดงคงไม่แต่งมาแล้วแน่ๆ) ดังนั้น จึงต้องพิจารณากันดีๆ เพราะแน่นอนว่า ขึ้นชื่อว่ารถมือสอง มันก็ต้อง “มีประวัติ” บางคันประวัติดีก็โชคดีไป แต่ “ความเสี่ยง” ไปเจอรถประวัติแปลกๆ เล่นอะไรมานั้นคนซื้อก็ต้องรับสภาพไป แต่ว่า ถ้าเรามีความรู้ติดตัวสักหน่อย ถึงปานกลาง เราก็จะสามารถพิจารณาได้มากขึ้น และลดความเสี่ยงในการ “โดนเชือด” โดยความรู้เท่าไม่ถึงการณ์...

ตั้งสติก่อนสตาร์ท (ไปดูรถ)

ก่อนอื่นเลยครับ ขอให้ “ตั้งสติ” ก่อน เพราะการไปดูรถนั้น เราควรจะต้องไปด้วยสติจริงๆ อย่าใช้ “อารมณ์” รถคันนึงไม่ใช่บาทสองบาท เป็นหลักแสนอย่างน้อย ถ้าพลาดไปนั่นคือคุณต้องมานั่งเครียดและปวดกบาลกับมัน ทำให้ชีวิตไม่มีสุข เผลอๆ อาจจะเป็นคดีความอะไรตามมาก็ได้ ดังนั้น ต้องตั้งสติไปก่อน “อย่าให้ความอยากได้นำจนหน้ามืดตาบอด” ประการแรก ขอให้ “ตั้งงบ” และ “สเป็กรถ” ไว้ก่อน ศึกษาไว้ครับว่า รถแต่งรุ่นนี้ แต่งสไตล์นี้ มีของเท่านี้ จะแท้จะเทียม สภาพรถเป็นอย่างนี้ “ราคาควรจะเท่าไร” คุณมีงบเท่านี้ จะซื้อรถแต่งรุ่นไหน ทำแค่ไหนได้ เพราะว่ารถแต่งจริงๆ มันไม่มีราคาตายตัว มันอยู่กับองค์ประกอบหลายอย่าง เช่น ปริมาณและเกรดของของแต่งที่ใส่เข้าไป สภาพของตัวรถ รถทำมาดีมั้ย หรือทำมาลวกๆ สภาพรถช้ำมั้ย ต้องเข้าใจว่ารถแต่งซิ่งพวกนี้เหล่า “ว่าไงวัยรุ่น” ก็จะขับกันเต็มตีนอยู่แล้ว (ไม่งั้นจะแต่งไปทำไม) โอกาสเสี่ยงรถช้ำ รถอุบัติเหตุ ซ่อมพอลวกๆ แล้วก็ขายต่อไปมันก็มีมากอยู่ เครื่องยนต์เป็นยังไงบ้าง สบายดีไหม หลังจากโดนขยี้มานักต่อนัก มันก็มีหลายๆ จุดที่จะต้องพิจารณาให้มากทีเดียว...

กลับมาที่เรื่อง “งบประมาณ” กันก่อน คุณต้องตั้งงบแน่ๆ ไว้เลยว่า “ไหวเท่าไหร่” ไม่แนะนำให้ซื้อรถที่ “ตึงงบ” เกินไป ให้มัน “หย่อนๆ” ไว้หน่อย คุณอย่าลืมนะว่า ไอ้ที่บอกไปตะกี้เนี่ย คุณจะต้องเผื่อ “ความเสี่ยง” ในการ “ซ่อมรถ” ด้วย เว้นแต่โชคดีไปเจอรถ “มาม่า” สภาพดีๆ ที่ทำมาแล้วเจ้าของขาย อาจจะเบื่ออยากเปลี่ยนคันใหม่ หรือ ช็อตตังค์ ก็ถือว่าเฮงไป เพราะไม่ต้องทำอะไรมาก แต่ “ยาก” เพราะพวกนี้ราคาก็สูงกว่าปกติ ถ้าคุณซื้อไหวและมั่นใจว่าสภาพโอเคแน่ๆ ก็ว่าไป แต่ถ้าทั่วๆ ไป ควรศึกษางบประมาณในการซ่อมด้วยว่าต้องจ่ายอีกเท่าไร ถ้าคุณซื้อราคาตึงมือมากไป เรียกว่าตึงเป๊ะไม่มีเผื่อเลย เกิดมันเป็นหรือมันเจ๊งอะไรขึ้นมาแล้วจะเป็นปัญหาชีวิต ต้องไปกู้หนี้ยืมสินคนอื่นมาทำรถอีก มันไม่สนุกแน่ๆ ไม่เชื่อก็ลองดู...

อีกอย่าง “อย่าอยากได้จนเกินเหตุ” แน่นอนครับ ถ้าคุณไปแสดงอาการอยากได้จนออกนอกหน้า “ช่างไม่รู้อะไรบ้างเลย” ว่าคนขายเขาก็ต้อง “ดันราคา” ไว้เพราะคิดว่ายังไงคุณก็ต้องยอมซื้อแพงกว่าคนที่เขา “เก็บอาการ” แน่ๆ แล้วก็มีโอกาสจะตกเป็นเหยื่อได้ง่ายๆ เพราะความอยากได้มันทำให้คุณมองข้ามไอ้ข้อเสียๆ เรียกว่า “อะไรแม่มก็ดีไปหมด” พยายามคิดว่า “รถมันไม่ได้มีคันเดียวในโลก” คนขายจะปั่นจะ “บิ๊ว” (Built) คุณยังไงก็อย่าไปเชื่อมาก จะนั่นนู่นนี่อะไรก็เรื่องของมัน ทุขเดิมๆ ที่ชอบใช้กับพวกมือใหม่ที่แสดงอาการ “อยาก” ก็จะประมาณว่า “พี่ ว่ายังไง มีคนมาดูเยอะนะเนี่ย พี่ต้องรีบตัดสินใจเลยนะ เดี๋ยวจะนัดคนมาดูอีกต่อจากพี่เนี่ย เขาเอาแน่นอน ฯลฯ” เออ งั้นกูตัดสินใจแล้วว่า “ไม่เอา” จากประสบการณ์ของผม ไอ้พวกพูดแบบนี้ก็มุขเดิมๆ เอาไว้หลอกเด็กนะน้อง หรือเวลาต่อรองราคา ก็จะมุขซ้ำซาก “ลดไม่ได้หรอก มีอีกเจ้าจะมาให้สูงกว่านี้อีก” เออ งั้นมึงก็ขายไอ้เจ้านั้นไปเหอะ คือ คำพูดพวกนี้มันใช้สำหรับ “ทำให้เราสูญเสียการควบคุมตัวเอง” ถ้ามีความอยากนำเหนือสติก็เสร็จมัน ดังนั้น เราใช้ “วิจารณญาณส่วนบุคคล” ให้ดีก็แล้วกัน ค่อยๆ ดู นิ่งๆ เนียนๆ เก็บอาการหน่อย...

อย่าโลเล

ถ้าเจอ “ไม่ถูกใจ” ก็จงอย่าเสียเวลา ถ้าไม่เอาคือไม่เอาจบ แต่การพูดจาก็สำคัญนะครับ ส่วนตัวผมเอง ถ้าไปดูรถแล้วไม่ถูกใจ จะปฏิเสธก็ “ถนอมน้ำใจ” เจ้าของรถเขาหน่อยครับ คำพูดที่ฟังแล้วรื่นหูที่สุด ประมาณว่า “เดี๋ยวขอปรึกษา...ก่อนนะครับ” ก็อ้างๆ ไปนิดหน่อย แม่ พี่ พ่อ คนจ่ายตังค์อะไรก็ได้ (แต่ไม่ต้องอ้างมากจะน่ารำคาญ) พูดแค่นี้ก็พอ คือ แค่นี้คนขายฟังก็รู้แล้วล่ะว่าคุณยังไม่โอเค มันก็คือการปฏิเสธนั่นแหละ แต่ฟังแล้วมันยังแบบรักษาน้ำใจไง แม้ว่าจะไม่ได้รู้จักอะไรกัน อย่างน้อยผูกมิตรไว้ดีกว่าสร้างศัตรูนะ...

อีกเรื่องที่ “อันตราย” กว่า คือ อย่าคิดคำว่า “ไหนๆ ก็นัดมาดูแล้ว เกรงใจเขา” เหมือนกดดันตัวเองว่า “กูต้องซื้อ” ไม่ดีแน่ เราไม่ซื้อก็ไม่ผิดครับ ถ้าคุณออกลูกโลเล ไม่อยากซื้อแต่ก็จะซื้อเพราะเกรงใจ หรือ กลัวเสียเที่ยว หรือ กลัวหาคันใหม่ไม่ได้ หรือ อยากได้โดยไม่คิดหน้าคิดหลัง สูดลมหายใจลึกๆ แล้ว “คิดใหม่” ครับ ว่าคุณเป็นคนกำเงิน คุณย่อมเลือกของถูกใจได้ อย่าให้คนขายหรือคนอื่นมีอำนาจเหนือคุณ เว้นแต่คนที่ช่วยคุณตัดสินใจได้จริงๆ หากคุณ “อ่อน” เองก็ช่วยไม่ได้ เจอบ่อยประเภทซื้อมาแบบงงๆ ว่ากูซื้อมาทำไม สภาพก็ไม่ถูกใจ แล้วก็มานั่งดราม่าปวดกบาลกัน คิดหน้าคิดหลังให้ดี...

“ติ” ให้เป็น

อีกเรื่อง คือ “ลูกอีช่างติ” อันนี้อันตรายครับ ถ้าเจออะไรที่ไม่ถูกใจก็จง “เฉยๆ” ไว้ ไม่ต้องไปติไปพูดมากนัก เก็บไว้ชั่งน้ำหนักในใจก็พอ เดี๋ยวจะ “หมี่เหลือง” กับคนขายซะก่อน ไม่ดีครับ อย่าสร้างศัตรูจะดีที่สุด แน่นอนว่ารถมันก็จะมีจุดที่ไม่ดีบ้าง แต่เรารับได้ไหม ขอให้ “ติแบบสุภาพ” เพื่อ “ต่อรองราคา” ประมาณว่า “เออ พี่ พอดีผมเห็นมันมีจุดตรงนี้ๆ ต้องทำใหม่อ่ะครับ ช่วยลดราคาให้ผมอีกหน่อยนะครับ” มันก็จะฟังแล้ว “รื่นหู” กว่าไปด่าเขา แม่มจุดนี้ห่วย จุดนี้เห่ย ไอ้นั่นไม่ดี ไอ้นี่ไม่ได้ รับรอง “มีเรื่อง” ก่อนจบการขายแน่นอน ใจเขาใจเราครับ ถ้าคุณพูดจาดีๆ เผลอๆ มี “ลดแลกแจกแถม” อย่างที่คุณไม่คาดคิดนะ...

อย่าด่วนตัดสินใจ จนกว่าจะได้เห็นรถจริง

หลายคนเห็นรูปแล้ว “หลง” เฮ้ย !!! โดน เฮ้ย !!! เทพ เฮ้ย !!! งาม “ของมันต้องมี” คำนี้บรรลัยมาเยอะแล้ว !!! ส่วนใหญ่ก็ “พวกยุ” ทั้งนั้น มีปัญหาขึ้นมามันก็ไม่ได้รับผิดชอบอะไรกับเรานี่หว่า ตอนนี้ก็จะมี “ช่างภาพรถซิ่ง” ที่สามารถ “เสกรูปงามๆ” กันได้จนเป็นเรื่องปกติประเทศไทยไปแล้ว ไม่ต้องอะไรหรอก แค่ “ถือหมือ” เอ้ย “มือถือ” ดีๆ หน่อย ก็แต่งรีทัชรูปงามๆ ได้ละ ไม่ได้ว่ากันนะ คนถ่ายรูปก็อยากจะให้รถตัวเองออกมาสวยทั้งนั้นแหละ ตอนขายก็ต้องเอารูปสวยๆ ลงสิ เอารูปเน่าๆ ลงใครจะสนใจล่ะ เอาเป็นว่า “นัดดูเลย” ดีกว่า ว่ามัน “ตรงปกมั้ย” ถ้าสวยจริงก็ว่ากันต่อ ถ้าไม่ใคร่น่าดูก็เผ่นเถอะ เพราะมีโดนกันเยอะ เห็นรูปแล้วหลง เจอปั่นเข้าไปทีก็รีบโอนเงินเลย ไม่ได้ดูรถจริงก่อน แบบนี้ก็ “เสียค่าโง่” ก้อนโตล่ะครับ แล้วก็มาดราม่ากันเหมือนเดิม จะสงสารดีมั้ยเนี่ย...

ตัด ต่อ ยำ สับขาหลอก ดูให้ดี

เอาแบบสรุปละกัน ไม่ว่าจะรถเดิมๆ หรือ รถซิ่งๆ ต่างก็มี “แผลใจ” กันได้ทั้งนั้น แต่รถซิ่งจะมีโอกาสเกิดอุบัติเหตุเยอะหน่อยเพราะ “มันต้องซิ่ง” แต่ไม่ทั้งหมด เพราะคนขับรถซิ่งส่วนใหญ่ก็จะรักรถ บางคนถนอมยิ่งกว่า “ไอ้นั่น” ของตัวเอง (ใบหน้าไง อย่าคิดมาก) อีกประการ รถอาจจะมีการ “แปลงตัวนอก” มา เช่น CIVIC Coupe สลับตูด EK9 3 ประตู มาใส่ ไอ้ที่แปลกๆ พวกนี้ต้อง “เช็คเอกสาร” ดูให้ดี ว่า “แจ้งดัดแปลงอย่างถูกต้องหรือไม่” รถบางคันก็นิยม Face Off แปลงหน้าเป็นตัวนอก หรือ แปลงเป็นรุ่นใหม่ขึ้น บางทีต้องมีการตัดต่อ ก็ต้องดูร่องรอยการทำว่าเรียบร้อยหรือไม่ บางคันก็ “หมั่ง” มา ไหนๆ จะตัดทิ้งแล้วก็เปลี่ยนไปเลยทีเดียว ถ้าคุณชอบแนวนี้ และรถทำมาเรียบร้อย สวยงาม แจ้งถูกต้อง ก็ไม่เป็นไร แต่ถ้าดูทำมั่วๆ หยาบๆ กลบๆ เอกสารก็คลุมเครือ ไม่แจ้ง แจ้งไม่ครบ ใครจะเอาก็เอาเลย ผมไม่คนนึงล่ะ...

นอกจากจะดูด้านนอกโดยรอบแล้ว สิ่งหนึ่งที่คุณห้ามพลาดเด็ดขาด ก็คือ “ดูใต้ท้อง” พวกนี้แหละจะทำเหมือนเดิมได้ยากหากเกิดอุบัติเหตุหนักมา เพราะมันเป็นชิ้นส่วนที่เปลี่ยนไม่ได้ ยกเว้น “เปลี่ยนคัน” ถ้าใต้ท้องมีรอย “กระแทก” บุบ อันนี้เป็นไปได้สูงเพราะรถซิ่งก็ต้อง “โหลดเตี้ย” มนิดหน่อยพอทนแต่ถ้า “เยิน” มาก แสดงว่าเล่นมาหนักแบบไม่รักษา แต่ถ้าขนาดแนวแชสซีส์มัน “เบี้ยว” หรือ “เสียทรง” หรือดูแล้วแหม่งๆ “ไม่เดิม” รวมถึงการทำสีหรือพ่นกันสนิมแบบหนาๆ ผิดปกติมา ก็แสดงว่า “เล่นลีลา” มาแล้ว ต้องดูนะครับ เพราะบางคันไม่คว่ำ แค่ “ไปเป็นชาวเกาะ” โครมเดียวเบี้ยวหมด ตัวถังด้านบนดูดี แต่ด้านหลังเละตุ้มเป๊ะ ถ้าดูแค่ด้านบนอย่างเดียวก็ลิเกเลิก ยังไงควรจะดูด้านล่างด้วย ถ้าไม่แน่ใจก็ให้หา “คนเป็นงาน” จริงๆ มาช่วยดู เว้นแต่พวกน้ำลายไม่ต้องเอามารำคาญ...

“เช็คของ” ให้แน่ชัด

การลงขายรถซิ่ง เจ้าของเดิมก็จะต้องโพสต์ “แจง” ของแต่งต่างๆ ที่ใส่ลงไป ว่ามีอะไรบ้างงี้ๆๆๆๆๆ แต่ก็ต้องเช็คให้ละเอียดนะครับ ว่า “มีอย่างที่ว่าจริงมั้ย” ไม่ใช่ถ่ายรูปมี แต่ตอนไปดูรถจริงๆ ดันไม่ใช่ และ “ของแท้ของปลอม” บางทีลงแค่ยี่ห้อ แต่ไม่บอกว่าแท้หรือปลอม ที่ระยำไปกว่านั้น ตอนถ่ายรูปหรือลงดีเทลน่ะเป็นของแท้ แต่พอรับรถเสือกสลับใส่ของ “เหมื๊อนนนน เหมือนนน” มาให้ หรือไม่ก็สลับเอาของที่สภาพแย่กว่ามาใส่ อันนี้ต้องเช็คให้ละเอียดจริงๆ เพราะเคยโดนกันมาแล้ว ส่วนบางอย่างที่เราสังเกตไม่ได้ เช่น ไส้ในเครื่อง เฟืองเกียร์ คลัตช์ ฯลฯ อันนี้มันก็พูดยาก ต้องอาศัยความเชื่อถือ “ดูทรง” เอา บอกยากจริงๆ เว้นแต่จะได้ “ลองขับ” กัน ซึ่งเราจะพูดถึงในขั้นต่อๆ ไป...

“ลองขับ” ด้วยสติ

เช่นเดียวกันครับ ถ้าทุกอย่างเรียบร้อย เราตัดสินใจอยากได้คันนี้จริงๆ ละ ก็ถึงเวลาลองขับกันจริงๆ อันนี้แหละที่เราจะตัดสินใจได้ว่ารถมันถูกใจเราหรือเปล่า ต้องสังเกตตั้งแต่ “สตาร์ทเครื่องเดินเบา” กันเลย ปกติแล้วเครื่องต้องสตาร์ทติดได้ง่าย ถ้าติดยากผิดสังเกตก็ต้องยั้งใจไว้ก่อนว่ามันยากเพราะอะไร ติดแล้วก็ต้องเดินเบาได้อย่างราบเรียบ รอบเดินเบาควรอยู่ในเกณฑ์ปกติ ถ้าเจอรถที่ตั้งรอบเดินเบาสูงผิดปกติไปเยอะ อันนี้ต้องรู้ทันว่าอาจจะมีการตั้งรอบสูงไว้เพื่อ “กันดับ” หรือ “กันสั่น” จากข้อผิดพลาดอะไรบางอย่าง เว้นแต่พวกรถ “แคมซิ่ง” สเต็ปสูงๆ ก็จะเดินเบาหอบๆ หืดๆ เป็นปกติ ต้องดูให้ดีนะไม่ใช่รถที่ “ออกซิเจนเซนเซอร์เจ๊ง” มันก็จะเดินหอบๆ แบบนี้เหมือนกัน !!!

ตอนขับก็อย่าสักแต่กระทืบ ให้ดูการ “ตอบสนอง” ของเครื่องยนต์ในทุกช่วงรอบด้วย กดคันเร่งน้อยๆ รถก็ต้องตอบสนอง กดคันเร่งไล่ลงไปมันก็ต้องตอบสนองดีขึ้นเรื่อยๆ ไม่ใช่แม่มกดคันเร่งครึ่งนึงรถยังไม่ยอมไป ต้องกระทืบๆ ให้รถมันวิ่ง แบบนี้แรงไม่จริง ได้แต่อุปทาน เว้นแต่รถทำสเต็ปสูงๆ ที่ต้องแรดรอบสูงอย่างเดียว อันนั้นเต็มที่เลย มันก็ต้องแรงให้จริงๆ นะ แต่ถ้ารถระดับโมเต็มๆ ก็มักจะมี “โชว์กราฟแรงม้า” กับ “โชว์ส่งเวลา” บางคนจะซื้อก็ให้เอาไปลองวิ่งสนามดูด้วย ถ้าไม่ได้เวลาไม่ต้องซื้อไป แต่ก็ไม่ใช่ทุกคนหรอก ไอ้แบบนี้ต้องเจอพวกคุ้นๆ กันถึงจะให้ลองขนาดนั้น ถ้าแปลกหน้ากันคงยาก เพราะคนขายก็กลัวคนจะมาดูรถไปกระทืบรถเขาพัง...

เรื่อง “มารยาท” พกไปเยอะๆ ครับ ลองรถกดเต็มที่น่ะได้ แต่ขอให้ “อยู่ในลิมิตความปลอดภัย” ลองพอรู้ว่ามันโอหรือไม่โอก็พอ ไม่ใช่ไปกระทืบรถเขาโหดๆ อยู่นั่น รถพังแถมเสี่ยงตาย ผมเป็นเจ้าของเจอไอ้คนขับประเภทนี้ก็ต้องมี “โบก” กันแน่ เพราะมีพวกโรคจิตชอบไปหารถซิ่งมือสอง ทำทีจะซื้อ แต่ไปขอลองขับโหดๆ เหี้ยมๆ แล้วก็ไม่ซื้อ ถ้าเจตนาอยากได้รถจริงๆ ลองแล้วไม่ถูกใจก็ว่าไปอีกเรื่อง แต่แบบนี้คือ “มันเจตนาไม่ซื้ออยู่แล้ว” เอาว่าขอได้ระบายความเสี้ยนคันเร่งโดยไม่ใช่รถตัวเอง มีเยอะนะครับ ไอ้เรื่องพวกนี้มันพูดยาก ดราม่ากันเยอะมากแล้วเหมือนกัน...

อีกอย่างนึงต้องระวัง เวลาลองก็อย่าบ้าแรงอย่างเดียว ลองหลายๆ อย่าง เช่น ฟังเสียงผิดปกติจากเครื่องยนต์ด้วย เช่น เสียงน็อก เสียงเขก เสียงอะไรที่ฟังแล้วไม่ปกติ ใช้บางทีฟังยากเพราะ “ท่อลั่น” ก็พยายามจับอาการหน่อยแล้วกัน ใช้ “ตาดู” หมั่น “แลกระจกหลัง” เพื่อสังเกต “ควัน” ด้วย ว่า “ดำ” หรือ “ขาว” ถ้าควันดำก็ “เผาไหม้ไม่สมบูรณ์” ถ้าเป็นเครื่องเบนซินนี่ไม่ดีแน่ๆ ถ้าเป็นดีเซลก็เรื่องปกติ อยู่ที่ทำปั๊มทำหัวฉีดมาขนาดไหน แต่ถ้า “ดำเกินไป” แล้วแม่ม “ไม่วิ่ง” อันนั้นแสดงว่าจูนหนาเกินไป ส่วนควันขาว ก็ “เครื่องหลวม” ถ้าเครื่องติดหอยก็ “หอยพัง” ว่ากันไป...

“เอกสาร” คือเรื่องสำคัญ

พอจบที่สภาพรถ ลองขับดูโอเคถูกใจแล้ว ส่วนสำคัญที่สุด ก็จะต้องมีการ “เช็คเอกสาร” ให้ครบถ้วน เรื่อง “เลขตัวถัง” ว่าไอ้ที่แจ้งมันตรงกับบอดี้รถหรือไม่ ไม่ใช่ตัวรถอย่างหนึ่ง เลขตัวถังเป็นอีกรุ่นหนึ่ง ส่วนเรื่องการแจ้งโอน แจ้งดัดแปลง แจ้งเปลี่ยนสี แจ้งเปลี่ยนเครื่อง หรืออะไรต่างๆ ที่ไม่เดิม เพราะรถซิ่งโดยมากก็มีการเปลี่ยนแปลงบ่อยตามอารมณ์เจ้าของ ไม่ว่าจะเปลี่ยนสี เปลี่ยนเครื่อง เปลี่ยนหน้าเปลี่ยนตูด เปลี่ยนเจ้าของบ่อยๆ ถ้าไม่แจ้งไว้ให้ถูกต้อง เรานี่แหละที่จะเดือดร้อนเพราะต้องไปตามล้างตามเช็ดเรื่องเอกสารซึ่งมันก็ไม่ใช่เรื่องสนุก โดยเฉพาะเรื่องการแจ้งโอนนี่แหละที่เป็นเรื่องกันมามากมาย เซ็นโอนลอยมาจริงแต่รถเกิดโอนไม่ได้ ติดนั่นนู่นนี่ ทะเบียนขาด ต่อภาษีไม่ได้ โดนอายัดเรื่องคดีอะไรสักอย่างมา ฯลฯ ยิ่งรถซิ่งก็ยิ่งเป็นเป้าสายตา “พี่โป” โดนตรวจค้นขึ้นมาทีล่ะมึงเอ๊ยยย ยิ่งเรื่องเอกสารไม่ถูกต้องก็ยิ่งหนัก เพราะเป็น “คดีความ” ถ้าจะให้ชัวร์ “โอนที่ขนส่ง” กันไปเลย จะได้เช็คประวัติด้วยว่ารถคันนี้มัน “เล่นแร่แปรธาตุ” อะไรกันมาหรือเปล่า คุณต้องเช็คเพื่อป้องกันตัวเองครับ...

เอาเป็นว่า นี่เป็นหลักๆ ในการพิจารณา “ซื้อรถแต่งมือสอง” จะมือสาม มือสี่ มือสิบห้า มันก็เป็นไปได้เพราะรถพวกนี้เปลี่ยนมือกันบ่อย เราก็ยิ่งต้องดูให้ดีว่ามันสมควรที่จะซื้อมาหรือไม่ ทั้งในด้านสภาพ ราคา และอื่นๆ เรียกว่าเราต้องใช้ “วิจารณญาณ” กันมากหน่อย เพราะรถแต่งดีเทลมันเยอะ แต่งมาก แต่งน้อย แต่งแรง แต่งสวย ฯลฯ แต่ละแบบก็จะมีดีเทลต่างกัน ขึ้นอยู่กับว่าคุณต้องการอะไร อย่าซื้อเพราะแรงยุ อย่าซื้อเพราะคำว่า “ของมันต้องมี” ซื้อเพราะความชอบของตัวเองจริงๆ นะครับ หลักการนี้ จริงๆ ใช้ได้หมดเลยครับกับ “รถมือสอง” ทุกประเภท เดือนหน้าติดตามกันครับ กับเรื่องไลฟ์สไตล์รถยนต์สนุกๆ จาก www.lifestyle224.com รับรองเพลิดเพลินและมีความรู้ด้วยครับ...

Powered by MakeWebEasy.com
เว็บไซต์นี้มีการใช้งานคุกกี้ เพื่อเพิ่มประสิทธิภาพและประสบการณ์ที่ดีในการใช้งานเว็บไซต์ของท่าน ท่านสามารถอ่านรายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ นโยบายความเป็นส่วนตัว  และ  นโยบายคุกกี้