403 จำนวนผู้เข้าชม |
บริษัท เมอร์เซเดส-เบนซ์ (ประเทศไทย) จำกัด เปิดตัวสองยนตรกรรมสปอร์ตสุดหรู อย่าง Mercedes-Benz S-Class Coupé และ Mercedes-Benz S-Class Cabriolet ที่รวบรวมความเป็นที่สุดของสมรรถนะเหนือชั้นกับประสิทธิภาพในทุกๆ ด้านไว้อย่างครบครัน ทั้งดีไซน์ อันเป็นเอกลักษณ์ที่ยกระดับมาตรฐานการออกแบบของรถยนต์สปอร์ตขึ้นไปอีกขั้น รวมถึงระบบเทคโนโลยี ความปลอดภัย และนวัตกรรมอันล้ำสมัยที่จะเติมเต็มประสบการณ์แห่งการขับขี่ให้สมบูรณ์แบบยิ่งขึ้น
มร.ไมเคิล เกรเว่ ประธานบริหาร บริษัท เมอร์เซเดส-เบนซ์ (ประเทศไทย) จำกัด กล่าวว่า “รถยนต์ตระกูล S-Class ถือเป็นหนึ่งในรถยนต์รุ่นที่ประสบความสำเร็จมากที่สุดของเมอร์เซเดส-เบนซ์ ซึ่งนับตั้งแต่ได้มีการเปิดตัวสู่สาธารณชนเป็นครั้งแรกในปีพ.ศ. 2515 รถยนต์ตระกูลนี้ได้สร้างยอดขายให้กับเมอร์เซเดส-เบนซ์รวมแล้วกว่า 4,000,000 คัน ดังนั้นเพื่อเป็นการสานต่อเจตนารมณ์ในการมอบ “สิ่งที่ดีที่สุด” ให้แก่ลูกค้าอย่างต่อเนื่อง พร้อมสะท้อนคุณค่าของแบรนด์ ทั้งในด้านความหลงใหล (Fascination) และความสมบูรณ์แบบ (Perfection) ทางบริษัทฯ จึงได้นำเสนอสมาชิกรุ่นใหม่ล่าสุดของรถยนต์ตระกูล S-Class ในกลุ่ม Dream Car อย่าง Mercedes-Benz S-Class Coupé และ Mercedes-Benz S-Class Cabriolet ยนตรกรรมหรูเหนือระดับที่ได้ยกระดับมาตรฐานของรถยนต์ในกลุ่มลักชัวรี่คูเป้ และลักชัวรี่คาบริโอเลต์ ขึ้นไปอีกขั้น เพื่อรองรับความต้องการของผู้ที่ชื่นชอบความหรูหรา โฉบเฉี่ยว และทรงพลัง รวมถึงเป็นการสะท้อนคำว่า ‘หรูหราร่วมสมัย’ ของเมอร์เซเดส-เบนซ์ได้เป็นอย่างดี”
มร.ฟรังค์ ชไตน์อัคเคอร์ รองประธานบริหารฝ่ายขายและการตลาด บริษัท เมอร์เซเดส-เบนซ์ (ประเทศไทย) จำกัด กล่าวเพิ่มเติมว่า “นับตั้งแต่เดือนมกราคมถึงกรกฎาคมของปีนี้ เมอร์เซเดส-เบนซ์ยังคงครองตำแหน่งผู้นำอันดับหนึ่งของตลาดรถยนต์ระดับพรีเมี่ยม ด้วยจำนวนยอดขายรถยนต์ทั่วโลกสูงถึง 1,356,350 คัน หรือเพิ่มขึ้น 2.3% เมื่อเทียบกับช่วงเวลาเดียวกันของปีก่อนหน้า ในขณะที่ในประเทศไทยมียอดขายมากกว่า 8,600 คัน หรือเพิ่มขึ้น 9% โดยรถยนต์ของเมอร์เซเดส-เบนซ์เติบโตเพิ่มขึ้นในทุกกลุ่ม ไม่ว่าจะเป็น Compact Car, Contemporary Luxury, Dream Car, SUV, Mercedes-AMG, และ EQ – Electric Intelligence by Mercedes-Benz ที่สำคัญแบรนด์เมอร์เซเดส-เอเอ็มจียังได้รับการตอบรับเป็นอย่างดีด้วยยอดขายเติบโตสูงกว่า 250% เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีก่อนหน้า ทั้งหมดนี้เป็นผลมาจากการเดินหน้ารุกตลาดกลุ่มรถยนต์สปอร์ตสมรรถนะสูงอย่างต่อเนื่อง ทั้งการเปิดตัวผู้จำหน่ายรถยนต์ เมอร์เซเดส-เอเอ็มจี อย่างเป็นทางการทั้ง 12 แห่งทั่วประเทศ หรือการเปิดตัวรถยนต์ เมอร์เซเดส-เอเอ็มจีรุ่นประกอบในประเทศเป็นครั้งแรก รวมถึงความเชื่อมั่นของผู้บริโภคในรถยนต์ภายใต้แบรนด์ EQ – Electric intelligence by Mercedes-Benz ที่มีเพิ่มมากขึ้นผ่านการลงทุนสร้างโรงงานผลิตแบตเตอรี่แห่งที่ 6 ของโลกในประเทศไทย โดยรถยนต์ที่อยู่ภายใต้แบรนด์นี้มียอดขายสูงขึ้นประมาณ 40%”
“ดังนั้น ในช่วงครึ่งปีหลังนี้ เราจึงยังคงเดินหน้านำเสนอรถยนต์รุ่นใหม่ๆ เพื่อมาตอบสนองความต้องการของลูกค้าเมอร์เซเดส-เบนซ์อย่างต่อเนื่อง โดยรถยนต์ที่เรานำมาเปิดตัวในวันนี้ คือ Mercedes-Benz S 560 Coupé AMG Premium และ Mercedes-Benz S 560 Cabriolet AMG Premium ซึ่งเป็นรถยนต์สปอร์ต 2 ประตูที่มาพร้อมกับรูปลักษณ์ภายนอกอันโดดเด่นและการตกแต่งด้วยวัสดุคุณภาพสูงที่สุด เพื่อยกระดับงานออกแบบให้ดูสปอร์ตและเน้นย้ำงานวิศวกรรมอันล้ำหน้าไปอีกขั้น ซึ่งถือเป็นการนิยามที่สุดของรถยนต์ในกลุ่ม Dream Car อย่างแท้จริง โดยรถยนต์ 2 รุ่นนี้มาพร้อมกับการผสมผสานสุดยอดดีไซน์ ความสะดวกสบาย และเทคโนโลยี เข้าไว้กับนวัตกรรมอันล้ำสมัยแบบเดียวกับรถยนต์ The S-Class รุ่นซาลูน และ ความอัจฉริยะของรถยนต์สไตล์สปอร์ตได้อย่างลงตัว ไม่ว่าจะเป็น ระบบช่วยเหลือผู้ขับขี่ รุ่นที่พัฒนาขึ้นใหม่ หน้าจอกว้างแบบ Widescreen Cockpit พวงมาลัยรุ่นใหม่สำหรับการขับขี่ที่สะดวกสบายมากยิ่งขึ้น รวมถึงระบบ ENERGIZING Comfort Control เพื่อความผ่อนคลายในห้องโดยสาร พร้อมระบบอินโฟเทนเมนต์รุ่นล่าสุด และโดดเด่นด้วยไฟท้ายดีไซน์ใหม่ที่มาพร้อมกับเทคโนโลยี OLED สวยงามในทุกมุมมอง”
ข้อมูลผลิตภัณฑ์
ดีไซน์ภายนอกของ Mercedes-Benz S 560 Coupé AMG Premium และ Mercedes-Benz S 560 Cabriolet AMG Premium รุ่นใหม่ เป็นรถยนต์สไตล์สปอร์ต 2 ประตู หรูหราแบบรถยนต์ตระกูล S-Class ด้วยไฟหน้าแบบ LED Intelligent Light System ที่ประดับด้วยคริสตัลสวารอฟสกี้ (Swarovski crystals) จำนวนรวมทั้งสิ้น 47 ชิ้น ซึ่งประกอบด้วยไฟ daytime running lamps ที่ส่องสว่างด้วยคริสตัลสวารอฟสกี้ 17 ชิ้น ให้แสงที่สวยใสชัดเจน และไฟเลี้ยวที่ตกแต่งด้วยคริสตัลสวารอฟสกี้ 30 ชิ้น รวมถึงยังเป็นเพียงรถยนต์ 2 รุ่นในตระกูล S-Class ที่ติดตั้งไฟท้ายแบบ OLED (Organic Light Emitting Diode) ซึ่งเป็นหลอดไดโอดเปล่งแสงขนาดบางที่เคลือบใต้กระจกของไฟหลัง จำนวนรวมทั้งสิ้น 33 ชิ้นต่อ 1 ข้าง ทำหน้าที่ควบคุมตำแหน่งและความสว่างของแสงได้อย่างแม่นยำ อีกทั้งยังโดดเด่นด้วยเส้นสายลวดลายอันเป็นเอกลักษณ์ กระจังหน้า Diamond grille สีเงิน พร้อมลายโครเมียม 1 แถบ และตราสัญลักษณ์ เมอร์เซเดส-เบนซ์ ฝากระโปรงหน้าที่ยาว เพิ่มความดุดันด้วยชุดแต่งสปอร์ตแบบ AMG พร้อมคิ้วโครเมียมตกแต่งบริเวณชายกันชนด้านหน้า, ปลายท่อไอเสียคู่, ดิสก์เบรกแบบมีช่องระบายความร้อน, สัญลักษณ์เมอร์เซเดส-เบนซ์ บนคาลิปเปอร์เบรก และล้ออัลลอยดีไซน์สปอร์ตจาก AMG แบบ 10-spoke ขนาด 20 นิ้ว ตกแต่งด้วยสี Titanium Grey
โดย Mercedes-Benz S 560 Coupé AMG Premium มาพร้อมกับหลังคาพาโนรามิคซันรูฟแบบ MAGIC SKY CONTROL ขนาดใหญ่ ที่สามารถปรับความเข้มของกระจกได้เพียงกดสวิตช์เพื่อกรองแสงที่เข้ามาได้ โดยพาโนรามิคซันรูฟนี้ มีความยาวถึง 2 ใน 3 ของความยาวหลังคา หรือมีพื้นที่ประมาณ 1.32 ตารางเมตร ในขณะที่ Mercedes-Benz S 560 Cabriolet AMG Premium มาพร้อมกับหลังคาแบบ fabric soft-top ที่มีความหนาถึง 3 ชั้น ชั้นนอกสุดเคลือบสารบูทีล (butyl) ซึ่งทำให้รถยนต์มีระดับเสียงรบกวนภายในห้องโดยสารน้อยที่สุด โดยหลังคาสามารถกางเปิดหรือพับปิดได้ในเวลาเพียง 19 วินาที ขณะที่รถวิ่งที่ความเร็วสูงสุด 50 กม./ชม. อีกทั้งยังมาพร้อมกับแผงบังคับทิศทางลม(AIRCAP) อีกด้วย
สำหรับ ดีไซน์ภายใน นั้น สร้างนิยามอีกขั้นของความสะดวกสบาย เช่นเดียวกับ Mercedes-Maybach S 560 ด้วยระบบ ENERGIZING Comfort Control ที่ควบคุมการทำงานของระบบต่างๆ เข้าไว้ด้วยกัน เช่น การปรับโทนสีของไฟภายในห้องโดยสาร Premium Ambient Light ระบบปรับอากาศ ระบบเครื่องเสียง รวมถึงโปรแกรมนวดของเบาะที่นั่งด้านหน้า 4 แบบ เพื่อช่วยให้คุณผ่อนคลายตลอดการเดินทาง พร้อมการตกแต่งด้วยวัสดุที่แข็งแรง มีระดับ และได้รับมาตรฐานจากเมอร์เซเดส-เบนซ์ทั่วโลก ทั้งเบาะนั่งหุ้มหนัง Nappa แบบ Exclusive package ตัดเย็บลายเบาะแบบ diamond design, หน้าจอกว้างแบบ Widescreen Cockpit และพวงมาลัยมัลติฟังก์ชั่นแบบสปอร์ต
สำหรับเทคโนโลยีและระบบมัลติมีเดีย ภายในห้องโดยสารมาอย่างครบครัน ทั้งระบบ Night View Assist Plus ระบบที่จะช่วยให้ผู้ขับขี่ เห็นคนเดินถนน หรือสัตว์ขนาดใหญ่ในที่มืดโดยการใช้แสงอินฟราเรด และกล้องอินฟราเรดระยะใกล้และไกล ในการมองเห็นเพื่อลดอุบัติเหตุในที่มืด, ระบบ Crosswind Assist ระบบที่จะช่วยประคองรถยนต์ให้ไม่หลุดออกนอกเส้นทางเมื่อมีลมแรง, ระบบ MAGIC VISION CONTROL ระบบปัดน้ำฝนอัตโนมัติที่ช่วยให้ผู้ขับขี่มีทัศนวิสัยในการมองเห็นได้อย่างดีเยี่ยมขณะขับขี่ ด้วยระบบฉีดน้ำกระจกหน้าจากก้านปัดน้ำฝนที่น้ำจะฉีดไปที่บริเวณด้านหน้าของใบปัดขณะทำการปัด รวมถึงระบบแสดงผลข้อมูลการขับขี่บนกระจกบังลมหน้า (Head-up display), ระบบป้อนเข็มขัดนิรภัยอัตโนมัติสำหรับผู้ขับขี่และผู้โดยสาร, ฟังก์ชั่นปรับสมดุลอากาศภายในห้องโดยสาร (AIR BALANCE package), ระบบ COMAND Online, ฟังก์ชั่นเชื่อมต่อโทรศัพท์มือถือ Apple CarPlay™ & Android Auto, ระบบชาร์จโทรศัพท์มือถือแบบไร้สาย (Wireless charging), ระบบสำหรับเชื่อมต่อโทรศัพท์เคลื่อนที่ Bluetooth ระบบควบคุมและสั่งงานด้วย touchpad และระบบเสียงรอบทิศทาง Burmester® high end 3D surround sound system
นอกจากนี้ Mercedes-Benz S 560 Coupé AMG Premium และ Mercedes-Benz S 560 Cabriolet AMG Premium ยังมาพร้อมกับระบบช่วยเหลือการขับขี่และระบบความปลอดภัยสูงสุด ทั้งสำหรับผู้ขับขี่ ผู้โดยสาร และผู้ร่วมใช้ถนน ที่ไม่เคยมีในรถยนต์รุ่นนี้มาก่อน อาทิ
Mercedes-Benz S 560 Coupé AMG Premium และ Mercedes-Benz S 560 Cabriolet AMG Premium มาพร้อมกับระบบส่งกำลังแบบ 9G-TRONIC และเครื่องยนต์แบบ V8 เทอร์โบคู่ และระบบปรับรูปแบบขับขี่ DYNAMIC SELECT ที่ผู้ขับขี่สามารถเลือกได้ทั้งหมด 5 แบบตามสไตล์การขับขี่ของตนเอง คือ ECO, Comfort, Sport, Sport+ และ Individual ส่วนเครื่องยนต์ทั้ง Mercedes-Benz S 560 Coupé AMG Premium และ Mercedes-Benz S 560 Cabriolet AMG Premium นั้นจะใช้เครื่องยนต์เบนซิน 8 สูบ เทอร์โบคู่ พร้อมอินเตอร์คูลเลอร์ ขนาดความจุ 4.0 ลิตร (3,982 ซี.ซี.) ให้กำลังแรงม้าสูงสุด 469 แรงม้าที่ 5,250 - 5,500 รอบต่อนาที พร้อมแรงบิดสูงสุด 700 นิวตัน - เมตร ที่ 2,000 - 4,000 รอบต่อนาที สามารถทำอัตราเร่ง 0 -100 กม. / ชม. ได้ภายในเวลา 4.6 วินาที และทำความเร็วสูงสุดได้ถึง 250 กม./ชม. ด้านราคาจำหน่าย สำหรับ Mercedes-Benz S 560 Coupé AMG Premium จะอยู่ที่ราคา 15,990,000 บาท ส่วน Mercedes-Benz S 560 Cabriolet AMG Premium นั้นราคาจะขยับสูงขึ้นไปอยู่ที่ 16,720,000 บาท
สำหรับท่านที่สนใจสามารถสอบถามรายละเอียดเพิ่มเติม่ได้ที่ผู้จำหน่ายเมอร์เซเดส-เบนซ์ อย่างเป็นทางการทั้ง 32 แห่งทั่วประเทศ