1045 จำนวนผู้เข้าชม |
ภาพ : BMW Group.
เรียบเรียง : Pitak Boon
โรดสเตอร์จาก BMW ในชื่อรุ่น Z4 เริ่มต้นจากรหัส E85 (2002-2008) ก่อนที่จะส่งไม้ต่อมาให้ Z4 โมเดลปัจจุบัน ภายใต้รหัส E89 (2009-2018) หากนับจำนวนปี Z4 จึงถึงเวลาเปลี่ยนโมเดลอย่างเป็นทางการอีกครั้ง ซึ่งก่อนหน้านี้ได้โชว์ตัวรถต้นแบบ Concept Z4 ในงาน Frankfurt International Motor Show ปี 2017 ภายใต้คอนเซ็ปต์ ‘Freedom on four wheels’ หรืออิสระภาพบนล้อทั้งสี่ ซึ่งหมายถึง ความสนุก และความตื่นเต้น หลังพวงมาลัย Z4 โมเดลใหม่
All-new Z4 นับเป็นรถเจเนอเรชั่นใหม่ของ BMW ใช้รหัสโมเดล G29 งานออกแบบเข้าถึงอิสระในการสร้างสรรค์อย่างแท้จริง เป็นการผนวกรวมความคลาสสิคตามรูปแบบของตัวรถ เข้ากับดีไซน์ใหม่ของรถยนต์ BMW ในเจเนอเรชั่นต่อไปได้อย่างลงตัว ตัวถังโรดสเตอร์ไร้หลังคา ดูสวยงามในทุกมิติ พื้นผิว ส่วนโค้ง และส่วนเว้าบนตัวถังถูกขับออกมาจนเด่นชัด ให้อารมณ์เสมือนมัดกล้าม ดูแข็งแรง หนักแน่น ทว่าปราดเปรียว และสื่อถึงความคล่องแคล่ว พร้อมพุ่งทะยานไปข้างหน้า เป็นดีไซน์ที่ถูกส่งต่อมาจาก E89 ที่ถูกเรียกขานว่า ‘Three-dimensional Surface’
งานออกแบบตัวถังของ G29 ยังคงสไตล์ retro ด้วยรูปแบบหน้ายาว ท้ายสั้น มาพร้อมมิติความกว้าง 1,864 มม. (+74 มม.), ความยาว 4,324 มม. (+85 มม.) และความสูง 1,864 มม. (+13 มม.) ความเปลี่ยนแปลงในวงเล็บเมื่อเทียบกับ Z4 E89 ตำแหน่งของเบาะนั่งขยับเข้ามาใกล้ล้อหลังมากยิ่งขึ้น สุดท้ายยกระดับความกระฉับกระเฉงในการบังคับควบคุม ด้วยการลดระยะโอเวอร์แฮงค์ จากการวางตำแหน่งล้อให้ชิดขอบตัวถังมากที่สุด โดยต้องไม่กระทบกับดีไซน์โดยรวมทั้งหมดของตัวรถ แต่เมื่อเทียบกับ E89 ท่อนหน้ารถของ G29 จะสั้นลงเล็กน้อย เหตุผลมาจากเรื่องการกระจายน้ำหนัก ที่ต้องสมดุลในอัตราส่วน หน้า:หลัง เท่ากับ 50:50 ตามมาตรฐานสูงสุดของ BMW
BMW มุ่งยกระดับมาตรฐานความปลอดภัยให้กับรถเจอเนเรชั่นใหม่ให้กับรถทุกกลุ่ม ไม่มีข้อยกเว้นแม้แต่โรดเตอร์ ที่ต้องมี Active Safety หรือ อุปกรณ์ความปลอดภัย ‘เชิงป้องกัน’ ไม่เป็นรองรถซาลูนกลุ่มบนของ BMW ทั้ง 3 Series, 5 Series หรือแม้แต่ 7 Series ดังนั้นอุปกรณ์ไฮเทคที่ถูกเติมเต็มเข้ามาใน Z4 G29 จึงมีทั้งที่เป็นอุปกรณ์มาตรฐาน และอ็อพชั่นที่ลูกค้าเลือกจ่ายเพิ่ม อาทิ Collision and Pedestrian Warning ระบบเตือนและป้องกันการชนคนเดินถนน ที่มาพร้อมฟังก์ชั่น City Braking, Lane Departure Warning และ Lane Change Warning ช่วยตรวจสอบและแจ้งเตือน ก่อนการเปลี่ยนเลน, Active Cruise Control with Stop & Go ระบบควบคุมความเร็วอัตโนมัติ รองรับการเคลื่อนที่ไปตามสภาพการจราจร, Rear Collision Prevention และ Cross-Traffic Alert ระบบป้องกันการชนท้าย และช่วยเตือนขณะรถข้ามผ่านทางแยก, Traffic Sign Recognition ตรวจสอบป้ายควบคุมการจราจร อาทิ ป้ายจำกัดความเร็ว, Active Park Distance Control ระบบช่วยจอดอัจฉริยะ ฯลฯ รวมทั้ง BMW Head-Up Display ที่จะถูกนำมาใช้เป็นครั้งแรกในรถโรดสเตอร์
Z4 G29เปิดตัวมาด้วย 3 รุ่นเครื่องยนต์ เริ่มต้นที่ตัวแรงสุด Z4 M40i ใช้เครื่องยนต์แถวเรียง 6 สูบ ขนาด 3 ลิตร อัพพลังด้วย M Performance TwinPower Turbo สร้างแรงม้าออกมาในระดับ 340 hp ที่ 5,000-6,500 รอบ/นาที แรงบิดสูงสุด 500 Nm เป็น Flat-torque มาที่รอบต่ำเพียง 1,600-4,500 รอบ/นาที ทำอัตราเร่ง 0-100 กม./ชม. ด้วยเวลา 4.5 วินาที ความเร็วสูงสุดถูกล็อคไว้ที่ 250 กม./ชม.
สำหรับ Z4 sDrive30i และ Z4 sDrive20i ทั้ง 2 รุ่นใช้เครื่องยนต์ แถวเรียง 4 สูบ ขนาด 2 ลิตร ที่มีพื้นฐานเดียวกัน มาพร้อมระบบฉีดน้ำมันเชื้อเพลิงตรงเข้าห้องเผาไหม้ High Precision Direct Petrol และระบบ VALVETRONIC เมื่อถูกเรียกกำลังด้วยเทอร์โบคู่ เครื่องยนต์บล็อกเล็กใน Z4 sDrive30i จะสร้างแรงม้าได้ 258 hp ที่ 5,000-6,500 รอบ/นาที แรงบิดสูงสุด 400 Nm ที่ 1,550-4,400 รอบ/นาที เร่งแตะหลัก 100 กม./ชม. ด้วยเวลา 5.4 วินาที ความเร็วสูงสุด 250 กม./ชม. ในขณะที่ Z4 sDrive20i เป็นเวอร์ชั่นประหยัด แต่ยังคงให้ความสนุกในการขับขี่ เซทซอฟต์แวร์ควบคุมการทำงานของเครื่องยนต์มาแตกต่างกันเล็กน้อย ให้พละกำลัง 197 hp ที่ 4,500-6,500 รอบ/นาที แรงบิดสูงสุด 320 Nm ที่ 1,450-4,200 รอบ/นาที อัตราเร่ง 0-100 กม./ชม. ใช้เวลา 6.6 วินาที ความเร็วสูงสุด 240 กม./ชม.
ไฮไลท์ของ Z4 G29 อยู่ที่หลังคาอ่อนชุดใหม่ (Fabric soft-top) ออกแบบโดยไม่ไปเบียดบังพื้นที่เก็บสัมภาระท้ายรถ ห้องเก็บสัมภาระท้ายรถจึงมีปริมาตรเพิ่มขึ้นถึง 50% จุของได้ในระดับ 281 ลิตร ตัวหลังคาอ่อน กาง-เก็บ ด้วยระบบไฟฟ้า ใช้เวลาเพียง 10 วินาที สามารถทำงานได้ในขณะรถเคลื่อนที่ด้วยความเร็วไม่เกิน 50 กม./ชม. All-new BMW Z4 (MY 2019) พร้อมเปิดตัวช่วงเดือนตุลาคม ปี 2018 ในงาน Paris Motor Show ก่อนที่จะขายอย่างเป็นทางการราวเดือนมีนาคม ปี 2019