ปลื้มเด็กไทยสนใจเข้าค่ายรู้รอดปลอดภัย ส.เวชศาสตร์ฉุกเฉินคาดหวังเด็กดูแลตนเองและผู้อื่นได้

636 จำนวนผู้เข้าชม  | 

ปลื้มเด็กไทยสนใจเข้าค่ายรู้รอดปลอดภัยเป็นจำนวนมาก ด้านสมาคมเวชศาสตร์ฉุกเฉินคาดหวังให้เด็กไทยมีทักษะดูแลตนเองไม่ให้เจ็บป่วย และหากประสบเหตุภาวะฉุกเฉินสามารถเอาตัวเองและคนรอบข้างรอดปลอดภัยได้


            เมื่อวันที่ 16 ธันวาคม เวลา 09.30 น. ที่ อุทยานการเรียนรู้ TK park สมาคมเวชศาสตร์ฉุกเฉินแห่งประเทศไทย สำนักงานกองทุนสนับสนุนการสร้างเสริมสุขภาพ (สสส.) ร่วมกับสำนักงานอุทยานการเรียนรู้ TK park หน่วยงานภายใต้สำนักงานบริหารและพัฒนาองค์ความรู้  จัดกิจกรรมเข้าค่ายฝึกทักษะ “รู้รอดปลอดภัย” โดยเปิดโอกาสให้เยาวชนอายุระหว่าง 9-12 ปี เข้าร่วมกิจกรรมเต็มรูปแบบ จำนวน 45 คน และเปิดโอกาสให้ผู้ที่มาใช้บริการอื่นๆเข้าร่วมกิจกรรมด้วย เพื่อเสริมทักษะการดูแลตนเองให้ปลอดภัย โตไปเป็นผู้ใหญ่ที่แข็งแรง รู้วิธีร้องขอเมื่อเกิดสถานการณ์ฉุกเฉินได้ ทั้งนี้ภายในงานยังมีวิทยากร ทีมบุคลากรจากโรงพยาบาลราชวิถี กรมป้องกันและบรรเทาสาธารณภัยกระทรวงมหาดไทย สำนักป้องกันและบรรเทาสาธารณภัย กทม. มูลนิธิร่วมกตัญญู มูลนิธิป่อเต็กตึ้ง ศูนย์ความปลอดภัย โรงพยาบาลรามาธิบดี  และสำนักงานลูกเสือแห่งชาติ กระทรวงศึกษาธิการ


            ศ.เกียรติคุณ นพ.สันต์ หัตถีรัตน์ นายกสมาคมเวชศาสตร์ฉุกเฉินแห่งประเทศไทย  กล่าวว่า กิจกรรมเข้าค่ายรู้รอดปลอดภัย จัดขึ้นต่อเนื่องเป็นครั้งที่4  เน้นฝึกทักษะให้ความรู้ ภายใต้โครงการส่งเสริมและป้องกันคนไทยไม่ให้เจ็บป่วยฉุกเฉิน โดยเปิดโอกาสให้เยาวชนไทยได้เรียนรู้วิธีป้องกันตนเองได้ และสามารถนำไปปฏิบัติได้จริง เน้นกระตุ้นให้เด็ก เยาวชน ผู้ปกครอง และประชาชนทั่วไปให้ใส่ใจดูแลสุขภาพของตนเองและคนรอบข้างไม่ให้เจ็บป่วย หรือหากเจ็บป่วยแล้วสามารถควบคุมโรคและไม่กระทบต่อการดำเนินชีวิตประจำวัน หรือหากมีอาการเจ็บป่วยฉุกเฉินก็สามารถดูแลตนเองในเบื้องต้นได้ เพื่อไม่ให้เกิดความรุนแรงของโรค หรือเมื่อมีเหตุฉุกเฉินสามารถเรียกหน่วยกู้ชีพฉุกเฉิน1669ได้

            “จากข้อมูลสถิติของศูนย์วิจัยเพื่อสร้างความปลอดภัยในเด็ก โรงพยาบาลรามาธิบดี พบว่า เด็กอายุตั้งแต่ 1-14 ปี เสียชีวิตจากอุบัติเหตุจำนวน 2,200 รายต่อปี เป็นการเสียชีวิตจากการจมน้ำและอุบัติเหตุจราจร ดังนั้นจึงเป้นที่มาของการจัดกิจกรรมในครั้งนี้ ขณะเดียวกันหากทักษะการดูแลตนเองและช่วยเหลือผู้อื่นในภาวะฉุกเฉินได้บรรจุเข้าเป็นหลักสูตรหรือในวิชาทักษะชีวิตจะเป็นเรื่องที่น่ายินดีมาก เพราะเป็นสิ่งจำเป็นที่ผู้เรียนจะได้เรียนรู้วิธีป้องกันตนเองหรือคนรอบข้างไม่ให้เจ็บป่วยได้ ในอดีตเรามีการเรียนการสอนในวิชาลูกเสือ แต่ปัจจุบันเด็กต้องเรียนและมีเนื้อหาการศึกษาต่าง ๆเป็นจำนวนมาก จึงทำให้การเสริมทักษะในด้านนี้ลดลง” ศ.เกียรติคุณ นพ.สันต์  กล่าว


 พญ.ณธิดา สุเมธโชติเมธา กลุ่มงานเวชศาสตร์ฉุกเฉิน รพ.ราชวิถี กล่าวว่า การจัดค่ายครั้งนี้เป็นการนำเอาเยาวชนที่สนใจที่อยู่ในระดับประถมปลายเข้ามาเรียนรู้เรื่องการดูแลตนเองไม่ให้เจ็บป่วยและการปฐมพยาบาล ซึ่งเด็กในวัยนี้เราไม่คาดหวังที่เขาจะไปช่วยเหลือผู้อื่นได้ แต่เราคาดหวังให้เขารู้จักดูแลตนเอง และสามารถร้องขอความช่วยเหลือจากบุคคลหรือหน่วยงานอื่นเมื่อเกิดเหตุการณ์ฉุกเฉินขึ้นมาได้ การปลูกฝังทัศนคติในเรื่องดังกล่าวเป็นสิ่งที่จำเป็น ซึ่งเมื่อเยาวชนโตขึ้นเป็นผู้ใหญ่ก็จะเป็นผู้ใหญ่ที่สามารถดูแลตนเองได้เป็นโรคน้อยลง เติบโตไปเป็นผู้ใหญ่ที่มีสุขภาพแข็งแรงไม่เจ็บป่วยเหมือนปัจจุบันที่คนไข้ล้นห้องฉุกเฉิน ล้นโรงพยาบาล ซึ่งในอนาคตประเทศไทยจะก้าวเข้าสู่สังคมผู้สูงอายุ

“เมื่อเทียบกับเด็กต่างประเทศในวัยเดียวกัน เด็กไทยมีองค์ความรู้เรื่องการดูแลตนเอง การปฐมพยาบาลน้อยกว่าประเทศอื่น ระบบการศึกษาไทยไม่เอื้อต่อการเพิ่มองค์ความรู้ อาทิ ในต่างประเทศเด็กอายุ 12-13 ปี สามารถทำ CPR หรือ ใช้เครื่อง AED ได้ ในขณะที่ประเทศไทยยังคงเน้นเรื่องของการติดตั้งเครื่อง AED ให้มีในที่สาธารณะ แต่ไม่เคยฝึกการใช้เครื่อง” พญ.ณธิดา กล่าว

พญ.ณธิดา กล่าวว่า การจัดค่ายครั้งนี้เป็นการเปิดโอกาสให้เด็กที่สนใจเข้าร่วมกิจกรรม นับว่าเป็นเรื่องที่ดี เพราะผู้ปกครองและเด็กให้ความสนใจในเรื่องดังกล่าวจึงพากันมาสมัครเข้าค่าย ซึ่งสิ่งที่เราทำเปรียบเสมือนจุดเริ่มต้นเล็ก ๆที่เราคาดว่า หน่วยงานที่ใหญ่กว่าเรา เช่น กระทรวงศึกษาธิการจะนำรูปแบบในการจัดกิจกรรมไปต่อยอดจะเป็นในหลักสูตรการศึกษาหรือกิจกรรมพิเศษ เพื่อให้เด็กไทยในอนาคต และทุกวัยมีความตระหนัก รู้ในเรื่องของการดูแลตนเอง และสามารถเอาตัวรอดเมื่อเกิดเหตุการณ์ฉุกเฉินขึ้นมาได้



ด้าน ดร.อธิปัตย์  บำรุง ผู้อำนวยการสำนักงานบริหารและพัฒนาองค์ความรู้ กำกับดูแลสำนักงานอุทยานการเรียนรู้ TK park กล่าวถึงกิจกรรมในครั้งนี้ว่า ค่ายรู้รอดปลอดภัย เป็นกิจกรรมที่ต่อยอดจากนิทรรศการเตรียมตัว รู้รอด ภาค 3  First Aid ที่จัดขึ้น ณ อุทยานการเรียนรู้ ในเดือนมีนาคมที่ผ่านมา ซึ่งได้รับผลตอบรับเป็นอย่างดี นำมาสู่ค่ายการเรียนรู้ ซึ่งมีเนื้อหาที่เข้มข้น เน้นทั้งภาคทฤษฎีและปฏิบัติ จากวิทยากรผู้ทรงคุณวุฒิ เพื่อให้เด็กและเยาวชนที่เข้าร่วมกิจกรรม สามารถนำความรู้ไปใช้ในชีวิตประจำวันได้

“ด้วยภารกิจของ TK park ในการเป็นห้องสมุดมีชีวิต ที่เชื่อมโยงการเรียนรู้หลากหลายมิติ ทั้ง หนังสือ สื่อการเรียนรู้ นิทรรศการและกิจกรรม ที่เปิดโอกาสให้เด็กและเยาวชนได้ลงมือปฏิบัติจริง  ค่ายรู้รอดปลอดภัยนี้เป็นกิจกรรมที่เกิดจากความร่วมมือของหลายภาคส่วน ที่เล็งเห็นถึงความสำคัญของการปลูกฝังให้เด็กและเยาวชนรักในการแสวงหาความรู้อย่างยั่งยืน”ดร.อธิปัตย์กล่าว

 

Powered by MakeWebEasy.com
เว็บไซต์นี้มีการใช้งานคุกกี้ เพื่อเพิ่มประสิทธิภาพและประสบการณ์ที่ดีในการใช้งานเว็บไซต์ของท่าน ท่านสามารถอ่านรายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ นโยบายความเป็นส่วนตัว  และ  นโยบายคุกกี้