CR-V REACH-OUT กทม. – กัมพูชา – ลาว – อุบลราชธานี

747 จำนวนผู้เข้าชม  | 

โดย อัฐฒา นายเรือ


ฮอนดา จัดทริพคาราวานพาลูกค้าและสื่อมวลชน สัมผัสประสบการณ์การขับขี่ของ ซีอาร์-วี ใหม่ บนเส้นทางสู่อารยธรรมแห่งลุ่มน้ำโขง “ไทย-กัมพูชา-ลาว” ในกิจกรรม “CR-V REACH OUT ก้าวออกไป…ให้ไกลกว่าจินตนาการ” รวมระยะทางกว่า 1,200 กิโลเมตร 5 วันเต็ม ระหว่างวันที่ 24- 28 มกราคม ที่ผ่านมา

การเดินทางแบบขบวนคารารวานในครั้งนี้ เริ่มต้นที่ศูนย์ฝึกอบรมของ บริษัท ฮอนด้า ออโตโมบิล (ประเทศไทย) จำกัด ถ.เสรีไทย รถในขบวนประกอบไปด้วยรถของลูกค้า 9 คัน สื่อมวลชน 5 คัน และเจ้าหน้าที่นำขบวนและช่างเทคนิค รวมรถในทริพนี้ทั้งหมดถึง 21 คัน มุ่งสู่จุดหมายแรกที่จังหวัดสระแก้วเป็นระยะทางกว่า 200 กม. เราแวะรับประทานอาหารกลางวันกันที่ริมชายแดนใน จ.สระแก้ว ก่อนที่จะทำพิธีการเกี่ยวกับเอกสารผ่านพรมแดนไทยสู่ประเทศกัมพูชา ที่ด่านคลองลึก และยื่นเอกสารผ่านแดนเข้าปท.กัมพูชา ที่ ด่านปอยเปต 

หลังจากที่คณะเราขับรถผ่านเข้าสู่ ปท.กัมพูชาเป็นที่เรียบร้อย เราก็ต้องปรับการขับเป็นขับชิดขวาซึ่งตรงข้ามกับในบ้านเรา การขับเข้าวงเวียนจะวนแบบทวนเข็มนาฬิกา และการที่เราขับรถพวงมาลัยขวาในขณะที่ต้องขับชิดทางซ้ายอาจจะลำบากอยู่บ้างในจังหวะที่ต้องแซงซ้ายเพราะผู้ขับจะมองไม่รถที่วิ่งสวนทางมาค่อนข้างลำบาก ต้องให้ผู้ที่นั่งทางซ้ายช่วยดูทางให้

ถนนจากชายแดนไทยสู่เมืองเสียมเรียบค่อนข้างดี ทำให้เราใช้เวลาไม่นานก็ขับมาถึงจุดหมายในวันนี้คือการเข้าเยี่ยมชมนครวัด เราแวะไปซื้อบัตรเข้าชมซึ่งขายเป็นแพคเกจสามารถเข้าชมโบราณสถานได้หลายแห่ง ราคาบัตรอยู่ที่ประมาณ 2,400 บาท ซึ่งจัดว่าสูงทีเดียว เรามาถึงนครวัดราว 17.00 น. มีเวลาไม่นานในการเดินชมความงดงามของโบราณสถานที่มีความยิ่งใหญ่และถือเป็นมรดกโลกอีกแห่งหนึ่ง จนถึงเวลาประมาณ 18.30 น. เราก็เดินทางเข้าที่พักกัน ก่อนจะกลับมาที่นครวัดอีกครั้งเพื่อชมพระอาทิตย์ขึ้นในบริเวณนครวัดเวลา 05.00 น. ในวันรุ่งขึ้น

 

วันที่สอง นครวัด – นครธม – ปราสาทแกะแกร์  - สตรึงเตรง

หลังจากที่สมาชิกบางส่วนได้ไปชมความงดงามของพระอาทิตย์ขึ้นยามเช้าบริเวณนครวัดเป็นที่เรียบร้อย คณะคาราวานก็เดินทางต่อเพื่อไปเข้าชม นครธม และปราสาทบายน ซึ่งอยู่ไม่ไกลกันนัก คณะเราได้ชื่นชมความงดงามของศิลปะขอมโบราณที่สร้างได้อย่างน่าอัศจรรย์ โดยมี อ.เผ่าทอง ทองเจือ เป็นวิทยากรกิตติมศักดิ์ให้ความรู้กับพวกเราตลอดในวันนี้

เราแวะพักทานอาหารกลางวันกันที่เสียมเรียบ ก่อนจะเดินทางไกลไปสู่ที่พักในค่ำคืนนี้อยู่บริเวณใกล้ๆ กับชายแดนเชื่อมต่อกับ สปป.ลาว ระหว่างการเดินทาง ช่วงบ่ายเราได้แวะชมโบราณสถานที่มีความยิ่งใหญ่อีกแห่งหนึ่งคือ แกะแกร์ ซึ่งเป็นที่ตั้งของ ปราสาทธม ทรงพีระมิด 7 ชั้น แทนความหมาย ภูสัตตบริภัณฑ์คีรีที่รายล้อมสรวงสวรรค์ ด้านกว้างจัตุรัสข้างละ 55 ม. มีความหมายถึง ทวีปทั้ง 4 ในคัมภีร์ปุราณะสูงราว 35 ม.

 

หลังจากนั้นเราก็มุ่งสู่จุดหมายในวันนี้ที่ จ.สตรึงเตรง ซึ่งเราจะพักกันที่ รร.ริม ม.โขง ซึ่งมีความเงียบสงบ เป็นเมืองเล็กๆ ริมชายแดน กัมพูชา – ลาวใต้ สภาพความเป็นอยู่คล้ายๆ กับหัวเมืองต่างจังหวัดในบ้านเรา มีตลาดนัด วัด ชุมชน ผู้คนค่อนข้างคึกคักกันแต่เช้าตรู่จนถึงยามค่ำคืน

 

วันที่ 3 สตรึงเตรง – น้ำตกคอนพะเพ็ง – ปราสาทหินวัดพู

เราออกเดินทางกันตั้งแต่ 8.00 น. เพื่อผ่านเข้าสู่ สปป.ลาว วันนี้เราจะขับรถมุ่งสู่ทางทิศเหนือมีจุดหมายอยู่ที่เมืองจำปาศักดิ์ ระหว่างทางเราจะได้ไปชมน้ำตกคอนพะเพ็งอันยิ่งใหญ่และงดงามตามธรรมชาติ รวมไปถึงการเข้าชม ปราสาทวัดพู มรดกโลกอีกแห่งหนึ่งของ สปป.ลาว  

จากด่านชายแดนกัมพูชา เราใช้เวลาเดินทางแค่ ชม.เศษๆ ก็เดินทางมาพบกับน้ำตกคอนพะเพ็ง ที่เปรียบเสมือน “ไนแองการาแห่งเอเชีย” มีโขดหินที่กั้นการไหลของแม่น้ำโขงทั้งสายซึ่งมีลักษณะต่างระดับกันสูงประมาณ 10 ม. จากนั้นก็แยกออกมาเป็นหลายสาย น้ำตกแห่งนี้มีความยิ่งใหญ่และมีปริมาณสายน้ำที่ไหลผ่านอย่างมากมายมหาศาลตลอดทั้งปี เราได้รับประทานอาหารพื้นเมืองรสชาดอร่อยกันที่ร้านอาหารบริเวณริมน้ำตกที่สามารถชมทิวทัศน์อันสวยงามกันได้แบบเต็มตา

ในช่วงบ่ายเราออกเดินทางมุ่งสู่ ปราสาทหินวัดพู โบราณสถานที่เป็นมรดกโลกแห่งที่สองของ สปป.ลาว ที่ได้รับการรับรองและขึ้นทะเบียนจากองค์การ UNESCO ตั้งอยู่บนเนินภูเขาที่เรียกกันว่า ภูควาย ห่างจากตัวเมืองเก่าจำปาศักดิ์ราว 6 กม. เป็นสถานที่ศักดิ์สิทธิ์และเป็นแหล่งรวมอารยธรรมโบราณถึง 3 สมัยด้วยกัน คือ อาณาจักรเจน ขอม และล้านช้าง  เรามาถึงกันในเวลาค่อนข้างเย็น จึงมีเวลาเดินชมกันราว 1 ชม. ก่อนจะพลบค่ำ และเดินทางกลับมาสู่ที่พักที่จำปาศักดิ์ ริมแม่น้ำโขงซึ่งเป็นคืนสุดท้ายใน ปท.ลาวก่อนจะข้ามกลับมาสู่ฝั่งไทยในวันรุ่งขึ้น 

 

วันที่ 4 ไร่กาแฟปากซองไฮแลนด์ – นำตกตาดเยือง – น้ำตกตาดฟาน – อุบลราชธานี

วันสุดท้ายที่เราจะขับรถท่องเที่ยวในลาวกัน เราออกเดินทางแต่เช้าตรู่เช่นเคย สายๆ เราจะไปชมไร่กาแฟปากซองไฮแลนด์ ที่นักธุรกิจในเมืองไทยข้ามไปทำกิจการที่นั่น เป็นไร่กาแฟที่มีขนาดใหญ่หลายพันไร่อยู่บนที่ราบสูงที่มีอากาศเย็นสบายตลอดทั้งปี ไร่กาแฟที่นี่ให้คุณภาพดี มีผลผลิตสูงในปริมาณเพิ่มขึ้นในทุกๆ ปี และยังมีพื้นที่ให้ขยายกิจการอีกมากมาย นับเป็นธุรกิจที่เติบโตเป็นอย่างดีในอนาคต เราได้มีโอกาสชิมกาแฟรสชาติดีของที่นี่ด้วย

หลังจากนั้นเราก็จะเดินทางไปชื่นชมน้ำตกตาดเยืองกัน มีหน้าผาที่มีความสูงและน้ำตกไหลลงไปด้านล่าง ตำแหน่งให้ชมมี 2 จุดคือที่ด้านบนก่อนน้ำตกจะไหลลงสู่หน้าผา และตำแหน่งด้านล่างที่สามารถมองเห็นความสวยงามแบบเต็มตาของน้ำตกแห่งนี้ เรามีเวลาชื่นชมไม่มากนักก่อนจะเดินทางต่อไปไม่ไกลเพื่อเข้าสู่น้ำตกตาดฟานซึ่งเป็นน้ำตกที่สูงที่สุดในจำปาศักดิ์ เป็นสายน้ำ 2 สาย ไหลลงมาจากหน้าผาสูงราว 120 ม. ลึกลงไปด้านล่าง โดยมีจุดชมวิวตั้งอยู่ฝั่งตรงข้ามของน้ำตก เราจะสามารถเห็นตัวน้ำตกในมุมสูงได้อย่างชัดเจน และเราจะแวะพักรับประทานอาหารกลางวันกันที่นี่ หลังจากถ่ายภาพและเดินชมธรรมชาติสวยงามกันอย่างเต็มอิ่มแล้ว เราเดินทางย้อนกับไปตามเส้นทางเดิมมุ่งสู่ด่านชายแดน สปป.ลาว-ไทย ที่ช่องเม็ก แวะซื้อสินค้าปลอดภาษีกันบริเวณด่าน ก่อนจะขับรถข้ามกลับมายังฝั่งไทย คืนนี้เราจะพักกันที่ จ.อุบลราชธานี ก่อนจะแยกย้ายกลับสู่ภูมิลำเนาในวันรุ่งขึ้น เก็บความประทับใจจากการที่ได้เดินทางร่วมกันในทริพคาราวานตลอด 5 วันเต็ม ผ่าน 3 ประเทศ ได้ชมความงดงามของโบราณสถานที่เป็นมรดกโลก รวมไปถึงความงดงามทางธรรมชาติที่หาชมได้ยาก เป็นประสบการณ์ที่เราต้องจดจำไปอีกนานแสนนานกับทริพคาราวาน CR-V REACH OUT

 

ความรู้สึกที่เราได้อยู่กับ ฮอนดา ซีอาร์-วี 1.6 ดีเซล ถึง 5 วันเต็ม  

ฮอนดา ซีอาร์-วี ใหม่ เป็นรถที่ให้ความสะดวกสบายทั้งกับผู้ขับขี่และนั่งโดยสาร ภายในกว้างขวาง แถมรุ่นใหม่สามารถปรับเบาะนั่งเพื่อรองรับได้ถึง 7 ที่นั่ง และเป็นครั้งแรกของฮอนดาที่นำเครื่องยนต์ดีเซลมาใช้กับ ซีอาร์-วี ซึ่งผมได้ขับรถรุ่นนี้วิ่งอยู่ 3 ประเทศ เป็นระยะทางกว่า 1,200 กม.

สภาพเส้นทางทั้งในกัมพูชาถนนค่อนข้างดีส่วนใหญ่เป็นถนนลาดยางที่ค่อนข้างเรียบ ซึ่งแตกต่างจากในลาวซึ่งเส้นทางที่เราวิ่งกันจะมีพื้นถนนเป็นลูกรัง และถนนที่กำลังมีการขยายเป็น 4 ช่องทางวิ่ง ทำให้ระบบรองรับต้องทำงานหนักพอสมควรทีเดียว การขับรถเอสยูวีที่มีใต้ท้องค่อนข้างสูงจากพื้นมากกว่ารถเก๋งโดยทั่วไปช่วยให้เราไม่ต้องกังวลในขณะที่ต้องขับผ่านหลุมหรือสภาพผิวถนนที่ไม่เรียบ ระบบรองรับให้ความนุ่มนวล แต่การยึดเกาะถนนยังเป็นไปด้วยดี การควบคุมบังคับทำได้ง่ายและไว้ใจได้ เหมาะมากที่จะเป็นรถครอบครัวในการเดินทางท่องเที่ยวเป็นระยะทางไกลๆ ห้องเก็บสัมภาระกว้างขวาง และสามารถปรับเบาะแถวสุดท้ายเพื่อรองรับผู้โดยสารอีก 2 ท่านที่ด้านหลัง อุปกรณ์อำนวยความสะดวกมีมาให้ครบครัน ช่องปรับอากาศที่คอนโซลกลางช่วยให้ความเย็นแผ่ไปได้อย่างทั่วถึงสำหรับผู้โดยสารด้านหลัง

เครื่องยนต์ดีเซลตัวใหม่ขนาด 1.6 ลิตรเทอร์โบ ให้พละกำลังถึง 160 แรงม้า ส่งกำลังผ่านเกียร์ที่มีอัตราทดถึง 9 จังหวะ ให้อัตราเร่งที่ดีและต่อเนื่องอย่างราบรื่น ใช้รอบเครื่องค่อนข้างต่ำ วิ่งทางไกลส่วนใหญ่ใช่อยู่แค่ 2,000 รอบต่อนาที มีผลให้ลดการสึกหรอของเครื่องยนต์และให้อัตราการสิ้นเปลืองอยู่ในระดับที่น่าพอใจ ในคณะเราทำได้ที่ประมาณ 15-20 กม./ลิตร ขึ้นกับความเร็วและวิธีการขับขี่ของผู้ขับแต่ละคนซึ่งมีผลต่อความสิ้นเปลืองเชื้อเพลิงมากทีเดียว ช่วงเร่งแซงโดยเฉพาะเลนที่สวนกันทำได้อย่างมั่นใจโดยเฉพาะในช่วงที่คับขัน ช่วยให้การขับขี่ไม่เครียด มีกำลังรอให้ใช้งานอยู่ตลอดเวลา เสียงเครื่องยนต์ค่อนข้างเงียบจนแทบไม่รู้สึกว่าเรากับลังขับรถเครื่องยนต์ดีเซลอยู่ เราค่อนข้างพอใจกับเครื่องยนต์ดีเซลตัวใหม่นี้ เครื่องมีขนาดความจุแค่ 1.6 ลิตร เทอร์โบ แต่ให้กำลังใช้งานได้อย่างน่าพอใจแถมยังประหยัดน้ำมันอยู่ในเกณฑ์ที่ดีด้วย แต่ราคาค่าตัวจะสูงกว่ารุ่นเบนซินอยู่พอสมควรครับ คงต้องดูสภาพการใช้งานแล้วตัดสินใจว่าจะซื้อรุ่นไหนดีเมื่อเทียบกับรุ่นเครื่องยนต์เบนซินที่มีความจุ 2.4 ลิตร 173 แรงม้า ซึ่งมีอุปกรณ์มาตรฐานใกล้เคียงกัน

ขอขอบคุณ บริษัท ฮอนด้า ออโตโมบิล (ประเทศไทย) จำกัด ที่มอบประสบการณ์ดีๆ และทำให้มีโอกาสได้นำ ซีอาร์-วี มาใช้งานได้อย่างเต็มประสิทธิภาพ และเป็นรถที่เหมาะมากสำหรับขับท่องเที่ยวแบบนี้

 

REACH OUT….. NOTHING’S OUT OF REACH ….. ก้าวออกไป ให้ไกลกว่าจินตนาการ        

Powered by MakeWebEasy.com
เว็บไซต์นี้มีการใช้งานคุกกี้ เพื่อเพิ่มประสิทธิภาพและประสบการณ์ที่ดีในการใช้งานเว็บไซต์ของท่าน ท่านสามารถอ่านรายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ นโยบายความเป็นส่วนตัว  และ  นโยบายคุกกี้