“สนามช้างฯ” ชี้ยอดผู้ชมเวิลด์ ซูเปอร์ไบค์สูงที่สุดในโลก บทพิสูจน์วงการมอเตอร์สปอร์ตไทย

596 จำนวนผู้เข้าชม  | 

สนามช้าง อินเตอร์เนชั่นแนล เซอร์กิต ประสบความสำเร็จอย่างยิ่งใหญ่กับการเป็นเจ้าภาพจัดการแข่งขันมอเตอร์สปอร์ตระดับโลก รายการ เวิลด์ ซูเปอร์ไบค์ แชมเปี้ยนชิพ ปีที่ 4 ติดต่อกัน ด้วยผู้ชม 73,172 คน พิสูจน์ความนิยมต่อกีฬาความเร็วในเมืองไทยเติบโตอย่างต่อเนื่อง

ศึกจักรยานยนต์ทางเรียบชิงแชมป์โลกประเภทโปรดักชั่นไบค์ รายการ เวิลด์ ซูเปอร์ไบค์ แชมเปี้ยนชิพ แข่งขันเป็นปีที่ 4 ที่สนามช้าง อินเตอร์เนชั่นแนล เซอร์กิต จ.บุรีรัมย์ เมื่อวันที่ 23-25 มีนาคมที่ผ่านมา โดยถูกบรรจุเป็นสนามที่ 2 ของปี

เวิลด์ ซูเปอร์ไบค์ แชมเปี้ยนชิพ ปัจจุบันแข่งขันกันทั้งสิ้น 3 รุ่น ได้แก่ เวิลด์ ซูเปอร์ไบค์ แชมเปี้ยนชิพ, เวิลด์ ซูเปอร์สปอร์ต แชมเปี้นชิพ 600ซี.ซี. และ เวิลด์ ซูเปอร์สปอร์ต แชมเปี้ยนชิพ 300 ซี.ซี. โดยในรุ่นหลังนั้นเพิ่งเริ่มแข่งขันเป็นฤดูกาลที่ 2 จึงมีการดวลความเร็วเฉพาะในยุโรป ส่วนในไทยนั้นจะแข่งหลักๆ 2 รุ่น

นายตนัยศิริ ชาญวิทยารมณ์ กรรมการผู้อำนวยการ สนามช้าง อินเตอร์เนชั่นแนล เซอร์กิต เปิดเผยว่า “นี่คือการแข่งขันจักรยานยนต์ท งเรียบระดับโลกรายการแรกที่เราจัดขึ้นที่ สนามช้างฯ ปีแรกที่เราเป็นเจ้าภาพมันเหมือนฝันที่เป็นจริง การได้เปิดประสบการณ์ใหม่ให้กับชาวไทยถือเป็นเป้าหมายสำคัญของสนามช้างฯ เราพิสูจน์ให้เห็นว่าเราไม่หยุดที่จะสานต่อความสำเร็จและในปีนี้เป็นปีที่ 4 ติดต่อกันที่เราเป็นเจ้าภาพจัดการแข่งขัน เวิลด์ ซูเปอร์ไบค์ แชมเปี้ยนชิพ แม้หลายฝ่ายจะวิตกว่าการมาของโมโตจีพีจะทำให้กระแสของ เวิลด์ ซูเปอร์ไบค์ ตกลงไป แต่จากตัวเลขผู้ชมที่สูงถึง 73,172 คน ตลอด 3 วันของการแข่งขันนั้น พิสูจน์แล้วว่าความนิยมของ เวิลด์ ซูเปอร์ไบค์ ในเมืองไทยยังคงมีอยู่มากเช่นเดิม แต่สิ่งที่เปลี่ยนไปคือเราได้เห็นแฟนๆ มอเตอร์สปอร์ตพันธุ์แท้มากขึ้น พวกเขามาดูมาชมในสิ่งที่เขารักแ ละชื่นชอบจริงๆ”

“ฉะนั้นผมบอกได้เลยว่า โมโตจีพี ไม่ได้ส่งผลให้กระแสความนิยมของ เวิลด์ ซูเปอร์ไบค์ลดลงเลย แต่กลับช่วยกระตุ้นให้คนไทยหันมาชื่นชอบกีฬามอเตอร์สปอร์ตทุกชนิดมากขึ้น ประเทศของเราเดินทางมาถึงจุดที่จะกลายเป็นอีกเมืองของมอเตอร์สปอร์ตแล้ว” นายตนัยศิริ เผย

ทั้งนี้ ในการแข่งขัน เวิลด์ ซูเปอร์ไบค์ แชมเปี้ยนชิพ 2018 ที่ สนามช้าง อินเตอร์เนชั่นแนล เซอร์กิต นับเป็นปีที่ 4 ติดต่อกันที่มีนักบิดไทยเข้าร่วมการแข่งขันด้วยสิทธิ์ไวด์การ์ด โดย ฐิติพงศ์ วโรกร จาก คอร์ คาวาซากิ ไทยแลนด์ เรซซิ่ง ทีม จบเรซในอันดับ 5 ส่วน รัฐพงษ์ วิไลโรจน์ จาก ยามาฮ่า ไทยแลนด์ เรซซิ่ง ทีม คว้าอันดับ 8 ด้าน เดชา ไกรศาสตร์ ทีมเมทจอมเก๋าเข้าเส้นชัยในอันดับ 14

“แม้ปีนี้เราไม่ได้เห็นนักบิดไทยขึ้นโพเดี้ยม แต่สิ่งหนึ่งที่เห็นได้ชัดเจนมากๆ คือมาตรฐานที่สูงขึ้นของทีมไทย เราจะเห็นได้ว่าในปีนี้การแข่งขัน เวิลด์ ซูเปอร์สปอร์ต มีความเข้มข้นขึ้นจากเดิมมาก นักบิดหัวแถวทำเวลาได้เร็วกว่าสถิติเดิมถึง 1 วินาที ขณะที่นักบิดไทยก็ทำเวลาดีขึ้นกว่าเดิมเช่นกัน” นายตนัยศิริ เผย

ขณะเดียวกัน นายตนัยศิริ กล่าวถึงการแข่งขัน โมโตจีพี ครั้งแรกของไทยซึ่งจะมีขึ้นในวั นที่ 5-7 ตุลาคม ภายใต้ชื่อว่า “พีทีที ไทยแลนด์ กรังด์ปรีซ์” ว่า “ประสบการณ์ 4 ปี จากการจัดการแข่งขัน เวิลด์ ซูเปอร์ไบค์ แชมเปี้ยนชิพ ทำให้เราเชื่อมั่นว่าทุกอย่างจะเป็นไปอย่างราบรื่นใน โมโตจีพี เรามีการปรับปรุงสนามบางจุด และทำให้เกิดความปลอดภัยมากขึ้น และแน่นอนทั้ง ดอร์น่า และ เอฟไอเอ็ม ต่างก็ชื่นชมในการทำงานของเรา”

“ผมมองว่าความสำเร็จของ เวิลด์ ซูเปอร์ไบค์ แชมเปี้ยนชิพ ที่ยอดคนดูของเรานั้นถือว่าสูงที่สุดในโลกแล้ว มันยังบ่งบอกได้ถึงทิศทางการเติบโตของวงการมอเตอร์สปอร์ตไทยที่มีสูงขึ้นอย่างต่อเนื่อง รวมถึงการแข่งขันระดับประเทศและในเอเชีย ด้วยเพราะฉะนั้นในเดือนตุลาคม สำหรับ โมโตจีพี ผมเชื่อว่าเราจะได้เห็นปรากฏการณ์ใหม่ที่ไม่เคยปรากฏใหม่อีกครั้งที่ไม่เคยเกิดขึ้นมาก่อนสำหรับวงการมอเตอร์สปอร์ตไทย”

Powered by MakeWebEasy.com
เว็บไซต์นี้มีการใช้งานคุกกี้ เพื่อเพิ่มประสิทธิภาพและประสบการณ์ที่ดีในการใช้งานเว็บไซต์ของท่าน ท่านสามารถอ่านรายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ นโยบายความเป็นส่วนตัว  และ  นโยบายคุกกี้