MAZDA MX-5 30th Anniversary Edition เวอร์ชั่นพิเศษ ผลิตเพียง 3,000 คัน

651 จำนวนผู้เข้าชม  | 

ภาพ : Mazda Motor Europe

เรียบเรียง : Pitak Boon

Mazda เปิดตัว MX-5 30th Anniversary Edition ซึ่งเป็นเวอร์ชั่นฉลองครบรอบ 30 ปี ของตำนาน Maita โรดสเตอร์ที่ประสบความสำเร็จที่สุดรุ่นหนึ่งของโลก โดย MX-5 เวอร์ชั่นนี้สร้างความตื่นตาตื่นใจด้วยสี Racing Orange ผลิตเพียงจำกัดเพียง 3,000 คัน เผยโฉมครั้งแรกในงาน 2019 Geneva International Motor Show ที่ผ่านมา


 
MX-5 ก้าวเข้าสู่เจเนอเรชั่นที่ 4 พร้อมรหัสโมเดล ‘ND’ ในญี่ปุ่นใช้ชื่อ ‘Mazda Roadster’ ขณะที่ฉายาที่บรรดาสาวกนิยมเรียกกัน คือ ‘Maita’ นับตั้งแต่เจเนอเรชั่นแรก โดยรถรุ่นนี้สร้างชื่อให้กับ Mazda เป็นอย่างมาก เป็นรถรุ่นที่ปลุกกระแสโรดสเตอร์ให้กับมาได้รับความนิยมอีกครั้ง แรงในระดับที่กระตุ้นให้ผู้ผลิตรถยนต์แบรนด์ใหญ่จากยุโรปต้องพัฒนารถกลุ่มนี้มาป้อนตลาดเช่นเดียวกับ MX-5 บ้าง


 
MX-5 เจเนอเรชั่นที่ 1 ใช้รหัส ‘NA’ มีช่วงอายุระหว่างปี 1989-1997 ถัดมาเจเนอเรชั่นที่ 2 ใช้รหัส ‘NB’ เป็นรถโมเดลปี 1997-2005 และแน่นอนว่า เจเนอเรชั่นที่ 3 ต้องมาพร้อมรหัส ‘NC’ โดยบอดี้นี้นอกจากรูปแบบตัวถัง Soft Top หรือการเปิดประทุนด้วยหลังคาอ่อน (ผ้าใบ) ยังจะมีรุ่น Hard Top ตามออกมากระตุ้นยอดขายในภายหลัง บอดี้ NC มีอายุอยู่ในช่วงปี 2005-2014 โดยตำนาน Maita ทั้ง 3 เจเนอเรชั่น ทำยอดขายสะสมรวมสูงถึง 939,028 คัน (จากยอดการผลิตทั้งหมด 949,471 คัน) โดยภูมิภาคที่ขายดีที่สุด ไล่เรียงกันไปตามลำดับ ได้แก่ อเมริกาเหนือ (444,835 คัน), ยุโรป (301,673 คัน), ญี่ปุ่น (168,455 คัน), ออสเตรเลีย (16,898 คัน), จีน (1,793 คัน) และภูมิภาคอื่นๆ ซึ่งรวมประเทศไทย (5,374 คัน)


 


เจเนอเรชั่นที่ 4 หรือ ‘ND’ เริ่มต้นในปี 2015 ด้วยรูปแบบโรดสเตอร์ (Soft Top) ก่อนที่จะส่งเวอร์ชั่น RF (Retractable Fastback) ตามมาในปี 2016 ยอดขายสะสมทั่วโลกของ MX-5 ทะลุ 1,000,000 คัน ในเดือนเมษายน ปี 2016 กระทั่งได้ถูกบันทึกเป็นสถิติรถโรดสเตอร์ 2 ที่นั่ง ที่ขายดีที่สุดในโลก โดย Guinness World Records และตลอด 30 ปีของ MX-5 สะสมรางวัลทั่วโลกมาแล้วกว่า 280 รางวัล




MX-5 30th Anniversary Edition ถูกผลิตมาทั้งตัวถัง Soft Top และ RF ตัวรถได้รับการเติมเต็มความพิเศษในหลายส่วน เริ่มตนจากการใช้ธีมสีส้ม Racing Orange ที่ไม่ได้หยุดอยู่เฉพาะตัวถัง แต่ไล่เรียงไปจนถึงการตกแต่งห้องโดยสาร และชุดคาลิเปอร์เบรก ที่คู่หน้าอัพเกรดมาใช้ BREMBO แบบ 4 pot พร้อมจานเบรกขนาด 15 นิ้ว พร้อมรองรับทุกสภาพการขับขี่ ขณะที่คาลิเปอร์เบรกคู่หลังเป็นของ NISSIN ในส่วนของล้อโดดเด่นไม่แพ้กัน ด้วยล้ออะลูมีเนียมฟอร์จ ขนาด 17 นิ้ว จาก RAYS (ZE40 RS30) ที่ทั้งเบา และแข็งแกร่ง ถูกใช้เป็นมาตรฐานในตัวแข่ง MX-5 Cup ทั่วโลก ตัวล้อใช้สีดำ Dark Gunmetal ตัดกับตัวถังสีส้ม ให้ความดุเพิ่มขึ้นอีกไม่น้อย

ห้องโดยสารตกแต่งเน้นความสปอร์ต เพื่ออวดสายตาผู้คนตามสไตล์รถเปิดหลังคา พวงมาลัยใช้ดีไซน์ 3 ก้าน ทรงสปอร์ต ขนาดเส้นผ่าศูนย์กลาง 366 มิลลิเมตร รอบวงหุ้มหนังขนาดกำลังอวบกระชับมือ ตัวก้านคลิบด้วยขอบอะลูมีเนียม ที่ตำแหน่ง 3, 6 และ 9 นาฬิกา สะดุดตามากที่สุดเป็นเบาะ Bucket Seats จาก RACARO ตัวเบาะผสมผสานระหว่างหนัง Nappa และ Alcantara คลิปสร้างความแตกต่างให้กับเวอร์ชั่นครบรอบ 30 ปี ด้วยเส้นขอบสีส้ม


 


ใช้เครื่องยนต์ SKYACTIV-G 2.0 บล็อกเดิม เป็นเครื่องยนต์ 4 สูบ แถวเรียง DOHC ขนาดความจุ 1,998 ซีซี ให้แรงม้า 184 PS ที่ 7,000 รอบ/นาที แรงบิดสูงสุด 205 Nm ที่ 4,000 รอบ/นาที ถูกจับคู่กับเกียร์แมนวล 6 สปีด หรือ SKYACTIV-MT เพื่อให้ได้ความสนุกในการขับขี่สไตล์รถสปอร์ตอย่างแท้จริง เกียร์ลูกนี้ถูกสร้างขึ้นเพื่อใช้งานกับ MX-5 โดยเฉพาะ เป็นเกียร์ที่วางอัตราทดแบบ Close-ratio เน้นการเพิ่มความเร็วที่ลื่นไหล ต่อเนื่อง ใช้กลไกการเลือกตำแหน่งเกียร์ที่สั้น และกระชับ ด้วยระยะ Shift-stoke เพียง 40 มิลลิเมตร ปิดท้ายด้วยเฟืองท้ายแบบ Limited-slip



 
MX-5 เวอร์ชั่นครบรอบ 30 ปี มาพร้อมเทคโนโลยี i-Stop และ i-Eloop (Intelligent Energy Loop) อัตราสิ้นเปลืองเฉลี่ยทำได้ 11.90-16.94 กิโลเมตร/ลิตร ส่วนค่า CO2 ต่ำเพียง 135-191 กรัม/กิโลเมตร เท่านั้น

Powered by MakeWebEasy.com
เว็บไซต์นี้มีการใช้งานคุกกี้ เพื่อเพิ่มประสิทธิภาพและประสบการณ์ที่ดีในการใช้งานเว็บไซต์ของท่าน ท่านสามารถอ่านรายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ นโยบายความเป็นส่วนตัว  และ  นโยบายคุกกี้