MINI Cooper SE || Purely Electric Drive โมเดลแรกจาก MINI

706 จำนวนผู้เข้าชม  | 

 

 


ภาพและภาพยนตร์ : BMW Group
เรียบเรียง : Pitak Boon

บนตัวถัง MINI 3 Door (F56) ที่พวกเราคุ้นเคย จากรถ MINI ขับเคลื่อนด้วยขุมพลัง ICE (Internal Combustion Engine) ได้ถูกต่อยอดไปเป็น MINI Cooper SE ซึ่งเป็นรถไฟฟ้า 100% โมเดลแรกของค่าย จากเพลทฟอร์มหรือพื้นฐานโครงสร้างของรถ MINI ยุคใหม่ (F55, F56, F57) ที่ถูกออกแบบมารองรับอุปกรณ์ส่วนควบทั้งหมดของรถไฟฟ้าไว้เรียบร้อยแล้ว โดยรถ MINI รูปแบบตัวถังต่างๆ ที่จะมาในรูปแบบรถไฟฟ้าในอนาคต จะตามท้ายด้วยตัวอักษร ‘SE’ ทั้งหมด



ทว่า Cooper SE นั้นแตกต่างจากรถไฟฟ้าทั่วไป หรือแม้แต่ BMW i3 ซึ่งเป็นรถไฟฟ้าแท้ๆ โมเดลแรกของเครือ BMW Group และเป็นต้นแบบให้กับ Cooper SE ในเรื่องชุดขับเคลื่อนไร้มลพิษ โดย i3 จะวางชุดแบตเตอรี่ไว้แบบเต็มพื้นที่ส่วนห้องโดยสาร ขณะที่ Cooper SE วางชุดแบตเตอรี่ในลักษณะรูปตัว ‘T’ ในตำแหน่งของอุโมงค์เพลากลาง ต่อเนื่องมาจนถึงใต้เบาะนั่งของแถวหลัง ดังนั้นความจุแบตของ Cooper SE จึงน้อยกว่า (ความจุ 32.6 kWh) แต่ประเด็นที่ Cooper SE โดดเด่นกว่า คือเรื่องน้ำหนักของชุดแบตเตอรี่ที่ลดลงเมื่อเทียบกับแบตความจุสูง ส่งผลให้น้ำหนักของรถลดลงสัมพันธ์กับขนาดของตัวถัง โดย MINI เคลมน้ำหนักของรถทั้งคันออกมาที่ 1,365 กิโลกรัม มากกว่ารถ Cooper S (ใช้เครื่องยนต์) เพียง 145 กิโลกรัม เท่านั้น


เมื่อความจุแบตน้อยกว่ารถไฟฟ้าทั่วไป ประเด็นที่อาจสร้างความกังวลเล็กๆ ให้กับผู้ใช้งาน Cooper SE หนีไม่พ้นเรื่อง ‘ระยะในการใช้งาน’ ต้นสังกัดเคลมต่อการชาร์จ 1 รอบ รถสามารถวิ่งใช้งานได้เป็นระยะทาง 253-270 กิโลเมตร ซึ่งสบายๆ กับการเดินทางในเมืองและปริมณฑล นอกจากนี้การเลือกใช้ความจุแบตในระดับที่เพียงพอต่อการใช้งาน ยังจะช่วยให้ราคาจำหน่ายของ Cooper SE ดูเป็นมิตรกับผู้บริโภคสาย EV มากขึ้นด้วย



ใต้ฝากระโปรงหน้า เครื่องยนต์และชุดเกียร์ ถูกแทนที่ด้วยมอเตอร์ไฟฟ้าที่ให้กำลัง 135 kW/184 hp มาพร้อมแรงบิดสูงสุด 270 Nm ที่มีมาให้ใช้งานเต็มๆ ตั้งแต่มอเตอร์เริ่มหมุน โดยมอเตอร์พร้อมชุดเกียร์ขนาดเล็ก จะเชื่อมต่ออยู่กับล้อหน้าโดยตรง จึงให้ประสิทธิภาพสูงสุดในเรื่องอัตราเร่ง ให้ความราบลื่นในการขับเคลื่อน และลดแรงสั่นสะเทือน พร้อมความเงียบในแบบที่เครื่องยนต์ไม่สามารถทำได้ (กฎหมายในยุโรปหลายประเทศ บังคับให้รถ EV ต้องติดลำโพง เพื่อสร้างเสียงสื่อสารถึงการเคลื่อนที่ของรถ ให้คนเดินถนนได้รับรู้)



สมรรถนะจากโรงงาน อัตราเร่ง 0-60 กม./ชม. ใช้เวลา 3.9 วินาที โดยในช่วง 60 เมตรแรก การตอบสนองของ Cooper SE จะมีอาการดึงน้อยๆ รูปแบบเดียวกับรถสปอร์ต เร่งถึง 100 กม./ชม. รอเพียง 7.3 วินาที ความเร็วสูงสุดถูกจำกัดไว้ที่ 150 กม./ชม.



อีกหนึ่งข้อได้เปรียบของการใช้ความจุแบตในระดับที่พอดีๆ หรือเพียงพอต่อการใช้งานทั่วไป คือ Cooper SE จะใช้เวลาในการชาร์จแบตลดลง หากชาร์จผ่าน MINI ELECTRIC Wallbox หรือจุดชาร์จไฟสาธารณะทั่วไป ซึ่งใช้ไฟแบบ 3 เฟส กำลังไฟ 11 kW จะชาร์จแบตเต็ม 80% ด้วยเวลาราว 2 ชั่วโมงครึ่ง และเต็ม 100% ด้วยเวลา 3 ชั่วโมงครึ่ง และหากชาร์จไฟผ่านสถานี DC fast-charging ด้วยไฟกระแสตรง (และชาร์จเข้าแบตโดยตรง) ขนาดกำลังไฟ 50 kW จะได้แบตเต็ม 80% ภายในเวลา 35 นาที เท่านั้น

Powered by MakeWebEasy.com
เว็บไซต์นี้มีการใช้งานคุกกี้ เพื่อเพิ่มประสิทธิภาพและประสบการณ์ที่ดีในการใช้งานเว็บไซต์ของท่าน ท่านสามารถอ่านรายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ นโยบายความเป็นส่วนตัว  และ  นโยบายคุกกี้