AUDI RS 6 Avant MY2020 || The world’s most powerful wagon.

774 จำนวนผู้เข้าชม  | 

ภาพและภาพยนตร์ : AUDI AG
เรียบเรียง : Pitak Boon

AUDI RS6 Avant ก้าวเข้าสู่เจเนอเรชันที่ 4 พร้อมฉลองครบรอบ 25 ปี ตระกูล RS จากค่ายสี่ห่วง เป็นหนึ่งในรถ Station Wagon เพียงไม่กี่โมเดลในโลก ที่โหดพอจะวัดฝีเท้ากับรถสปอร์ต หรือแม้แต่ซูเปอร์คาร์ได้แบบไร้ความยำเกรง เริ่มต้นขอทำความเข้าใจ กับนิยามคำว่า Van, Station Wagon และ Estate ทั้งหมดหมายถึง ประเภทของรถที่ได้รับการพัฒนาเพิ่มเติมจากรถซีดาน 4 ประตู แนวหลังคาถูกต่อยาวมาจนถึงตอนท้ายของตัวถัง ซึ่งมาพร้อมกับประตูบานที่ 5 ดังนั้นพื้นที่จุสัมภาระจึงมีให้มากกว่าเก๋ง 4 ประตูทั่วไป ในยุโรปและอเมริการถประเภทนี้จึงได้รับความนิยมไม่แพ้รถซีดาน

AUDI สร้างรถยนต์สมรรถนะสูงด้วยแนวคิดที่แหวกแนวจากผู้ผลิตรายอื่นๆ แม้ในวันนี้ AUDI จะมี R8 มาเป็นซูเปอร์คาร์ประจำค่ายแล้วก็ตาม แต่ในอดีตบรรดาตัวแรงทุกรุ่นได้รับการต่อยอดจากรถสแตนดาร์ด ไม่ว่าจะเป็นตัวถังแฮทช์แบ็ค, คูเป้, ซีดาน หรือแม้กระทั่งเอสเตท ที่ค่ายนี้ใช้ชื่ออย่างเป็นทางการว่า ‘Avant’ โดยเวอร์ชั่นแรงที่ถูกรังสรรค์ขึ้นจะถูกเปลี่ยนรหัสเป็น S และ RS ตามลำดับ

สำหรับ RS6 Avant โมเดลปี 2020 ตัวถังดูแตกต่างจาก A6 Avant ซึ่งเป็นรุ่นสแตนดาร์ด ด้วยชุดแอร์โร่ไดนามิคที่ถูกดีไซน์ขึ้นจาก know-how ของ Audi Sport GmbH ซึ่งถอดเทคโนโลยีมาจากสายมอเตอร์สปอร์ตโดยตรง แนวคิดพื้นฐานของรหัส ‘S’ และ ‘RS’ คือ แรงแบบไม่ต้องยุ่งยาก และพร้อมรองรับการใช้งานในชีวิตประจำวัน โดย ‘S’ คือความแรงในระดับเริ่มต้น ส่วน ‘RS’ ถูกจัดอยู่ในระดับที่สุด

RS6 Avant ถูกเติมเต็มความแข็งแกร่งทั้งภายนอกและภายใน ผลลัพธ์ที่มองเห็นได้ด้วยตา เป็นตัวถังเอสเตทดูลงตัวไปด้วยมัดกล้าม เป็นกล้ามขนาดกำลังพอเหมาะไม่ได้ใหญ่โตจนดูเทอะทะ ให้อารมณ์ประมาณนักกรีฑา นั่งวิ่ง มากกว่าที่จะเป็นนักเพาะกาย โป่งล้อทั้งสี่ถูกดึงให้ผายออกเพื่อรับกับระยะฐานล้อใหม่ ทั้งด้านหน้าและหลังซึ่งถูกออกแบบให้รับกับม้าทั้ง 600 ตัว!!!



กระจังหน้าใหญ่โตตั้งแต่กำเนิด ดีไซน์บนพื้นฐานของรูปทรงหกเหลี่ยม ความสูงเริ่มต้นตั้งแต่รอยต่อของฝากระโปรงไล่มาจนถึงชายล่างของกันชน ท่อนบนทำหน้าที่ลำเรียงอากาศเข้าเครื่อง ขณะที่ท่อนล่างผันลมเข้าไประบายความร้อนให้กับชุดคอยล์ร้อนของระบบปรับอากาศ รวมทั้งแผงหม้อน้ำใบใหญ่ และเพื่อไม่ให้มันดูแปลกตาจนเกินไปนัก ครึ่งบนของกระจังจึงถูกขั้นไว้ด้วย ตราสัญลักษณ์ ‘สี่ห่วง’ ถัดลงมาเป็นกรอบสำหรับติดป้ายทะเบียน และขาดไม่ได้เลยสำหรับโลโก้ ‘RS6’



มุมมองด้านข้าง RS6 Avant ดูโดดเด่นสุดๆ ด้วยล้อ ‘RS-specific’ ลาย 5-V-spoke ขนาดใหญ่โตถึง 22 นิ้ว ถูกจับคู่กับยาง 285/30 ทั้ง 4 ล้อ ที่น่าสนใจไม่แพ้กันเป็นชุด ‘RS Ceramic Brakes’ คู่หน้าใช้ขนาดใหญ่ถึง 440 มิลลิเมตร ส่วนคู่หลังใช้ขนาด 370 มิลลิเมตร โดยที่ลูกค้าสามารถเลือกสีของคาลิเปอร์ได้ตามความต้องการ ซึ่งมีทั้ง สีเทา, สีแดง และสีน้ำเงิน

ชุดเบรกเซรามิคช่วยลดน้ำหนักได้ 34 กิโลกรัม ซึ่งทั้ง 2 รายการข้างต้น เป็นอ็อพชันที่ลูกค้าต้องเลือกจ่ายเพิ่ม

RS6 Avant ติดตั้งช่วงล่าง RS Adaptive Air Suspension มาเป็นอุปกรณ์มาตรฐาน ซึ่งตอบโจทย์ทุกรูปแบบการใช้งาน นับตั้งแต่การเดินทางแบบสบายๆ ไปจนถึงการขับขี่ที่เน้นสมรรถนะ ถุงลมชุดใหม่ปรับแต่งค่าสปริงเรทเพิ่มขึ้น 50% ซึ่งรองรับความเร็วระดับกว่า 300 กม./ชม. ได้แบบสบายๆ ระดับตัวถัง RS6 Avant ถูกเซทให้เตี้ยกว่า A6 Avant อยู่ 20 มิลลิเมตร และเมื่อใช้ความเร็วสูงกว่า 120 กม./ชม. คอมพิวเตอร์จะปรับลดระดับลงอีก 10 มิลลิเมตร เพื่อลดแรงต้านอากาศ ขณะที่โหมดยกตัวถัง สามารถปรับขึ้นได้ 20 มิลลิเมตร จากระดับมาตรฐาน ซึ่งรองรับการใช้งานในย่านความเร็วต่ำ


เครื่องยนต์ 4.0 TFSI นับเป็นหัวใจของ RS6 Avant เป็นบล็อก V8 เทอร์โบ ให้กำลังมหาศาล 600 hp พร้อมแรงบิดสูงสุด 800 Nm มีมาให้ใช้งานในย่าน 2,050-4,500 รอบ/นาที แรงม้าและแรงบิดทั้งหมดถูกส่งลงถนนผ่านระบบ quattro ทำอัตราเร่ง 0-100 กม./ชม. ด้วยเวล 3.6 วินาที ทะยานผ่านหลัก 200 กม./ชม. รอเพียง 12 วินาที ความเร็วสูงสุดถูกล็อคไว้ที่ 250 กม./ชม. ซึ่งหากลูกค้า RS6 Avant จ่ายเพิ่มให้กับอ็อพชัน ‘Dynamic Package’ ท็อปสปีดจะขยับขึ้นไปที่ 280 กม./ชม. และหากใช้อ็อพชัน ‘Dynamic Package Plus’ ความเร็วปลายจะไหลไปได้ถึง 305 กม./ชม.

Powered by MakeWebEasy.com
เว็บไซต์นี้มีการใช้งานคุกกี้ เพื่อเพิ่มประสิทธิภาพและประสบการณ์ที่ดีในการใช้งานเว็บไซต์ของท่าน ท่านสามารถอ่านรายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ นโยบายความเป็นส่วนตัว  และ  นโยบายคุกกี้