FERRARI Roma || สปอร์ตคูเป้โมเดลล่าสุดจาก Maranello

576 จำนวนผู้เข้าชม  | 

ภาพ : Ferrari S.p.A.
เรียบเรียง : Pitak Boon

 

Roma ถูกออกแบบด้วยสถาปัตยกรรม ‘mid-front-engined grand touring’ ซึ่งเป็นนิยามศัพท์ล่าสุดจาก Ferrari อันหมายถึง รถวางเครื่องยนต์ไว้ระหว่างเพลาหน้าและเพลาหลัง แต่ค่อนมาทางด้านหน้ารถ ซึ่งจะแตกต่างจากซูเปอร์คาร์เครื่องวางกลางลำแท้ๆ จาก Ferrari ทว่าให้ผลลัพธ์ด้านการทรงตัวที่ใกล้เคียงกันมากๆ ตำแหน่งของเครื่องยนต์อยู่หลังเพลาหน้าช่วยให้ดีไซน์ความเป็นรถคูเป้ของ Roma โดดเด่นยิ่งขึ้น

งานการออกแบบ Roma เน้นความคลาสสิค และดูย้อนยุคกลับไปในปี 1950 ด้วยรูปแบบหน้ายาว ท้ายสั้น เส้นสายบนตัวทั้งเน้น clean & clear ดูสะอาดปราศจากส่วนเกินในทุกมุมมอง วิศวกรจัดเต็มเรื่องแอร์โร่ไดนามิคเพิ่มแรงลมกดบนตัวถังได้มหาศาลขณะรถใช้ความเร็วสูง ดังนั้นรูปทรงที่ดูลื่นไหล สวยงาม และทรงพลังของ Roma ผลลัพธ์ที่ได้ จะไม่ได้มีเพียงแค่เรื่องดีไซน์ที่ทิ้งห่างคู่แข่งไปไกล แต่ยังมาพร้อมอากาศพลศาสตร์ขั้นเทพตามสูตรของ Ferrari โดยตรง

Roma ใช้เครื่องยนต์ V8 Bi-turbo ที่การันตีด้วยรางวัล International Engine of the Year ถึง 4 ปี บล็อก V8 วางทำมุม 90 องศา มีขนาดความจุ 3,855 ซีซี ให้พละกำลัง 620 PS (456 kW) ที่ 5,750-7,500 รอบ/นาที แรงบิดสูงสุดพุ่งแตะระดับ 760 Nm ที่ 3,000-5,750 รอบ/นาที รอบเครื่องสูงสุดถูกจำกัดไว้ที่ 7,500 รอบ/นาที ตัวเครื่องยนต์มาพร้อมระบบฉีดน้ำมันเชื้อเพลิงแบบ GDI (Gasoline Direct Injection) ปลดปล่อยแรงดันที่ปลายหัวฉีดในลักษณะแปรผันตามสภาพโหลด ชุดเพลาราวลิ้นติดตั้งระบบวาล์วแปรผันทั้งฝั่งไอดี และไอเสีย ส่วนกระโปรงลูกสูบเคลือบด้วยสารกราไฟท์ เพื่อช่วยลดแรงเสียดทานจากการเคลื่อนที่ขึ้น-ลง ของลูกสูบ (Piston) กับปลอกสูบ (Liner) เช่นเดียวกับกลไกชิ้นส่วนเคลื่อนไหวภายใน ที่ถูกลดแรงเสียดทาน พร้อมทั้งลดน้ำหนัก เพื่อเพิ่มความฉับไวในการตอบสนองด้วยกันทั้งหมด

 

                               
ประเด็นที่วิศวกรเน้นเป็นพิเศษ คือความเร็วในการตอบสนองหลังจากผู้ขับกดคันเร่ง ซึ่งเครื่องยนต์เทอร์โบคู่ใน Roma ทำได้เร็วสุดๆ โดยเฉพาะเมื่อทำงานร่วมกับเกียร์ F1, 8 สปีด ลูกใหม่ (คลัตช์คู่) ซึ่งมันมีขนาดกะทัดรัดและเบากว่าเกียร์คลัตช์คู่ 7 สปีด ลูกเก่า ถึง 6 กิโลกรัม และอัตราทดที่ถี่ขึ้นนอกจากความต่อเนื่องในการเพิ่มความเร็ว ยังช่วยลดรอบการหมุนของเครื่องยนต์ลง ได้ทั้งความประหยัด และลดมลพิษ Roma ทะยานผ่าน 100 กม./ชม. ด้วยเวลา 3.4 วินาที เร่งต่อเนื่องผ่านหลัก 200 กม./ชม. ด้วยเวลา 9.3 วินาที ความเร็วสูงสุดเคลมไว้กว่า 320 กม./ชม.


ของเล่นพิเศษใน Roma ได้แก่ ‘E-Diff 3’ เป็นชุดเฟืองท้ายแบบลิมิเต็ดสลิป เจเนอเรชันที่ 3 จาก Ferrari ช่วยสร้างสมดุลในการกระจายกำลัง ของล้อขับเคลื่อนทั้ง 2 ฝั่ง (ล้อหลัง) ขณะรถอยู่ในโค้ง, ‘F1-TCS’ เป็นระบบลดอาการสลิปของล้อขับเคลื่อน, ‘Manettino’ เป็นโหมดการขับขี่ที่ผู้ขับสามารถเลือกได้จากสวิตช์แบบบิดบนพวงมาลัย ซึ่งในแต่ละโหมดจะเป็นระดับเลือกรับการช่วยในการขับขี่จากระบบอิเล็กทรอนิกส์



ปิดท้ายด้วยระบบ ‘SSC 6.0’ (Side Slip Control) ซึ่งเป็นเวอร์ชันล่าสุด และถูกนำมาใช้เป็นครั้งแรกกับรถ GT จาก Ferrari โดยระบบ SSC จะผสานการทำงานร่วมกับ ‘E-Diff 3’ และ ‘F1-TCS’ รวมถึงระบบรักษาเสถียรภาพการทรงตัว ‘ESP’ (Electronic Stability Program) เพื่อให้ผู้ขับ Roma สามารถกระทืบคันเร่งออกจากโค้งโดยที่ท้ายรถไม่กวาด หรือเสียการทรงตัว และล้อขับเคลื่อนยังคงถ่ายทอดแรงม้าและแรงบิด ลงสู่ผิวถนนได้อย่างแนบแน่น และมั่นคง โดยระบบช่วยการทรงตัวทั้งหมด สามารถผสานการทำงานร่วมกันได้อย่างลงตัว ด้วยสมองกลอัจฉริยะจาก BOSCH

Powered by MakeWebEasy.com
เว็บไซต์นี้มีการใช้งานคุกกี้ เพื่อเพิ่มประสิทธิภาพและประสบการณ์ที่ดีในการใช้งานเว็บไซต์ของท่าน ท่านสามารถอ่านรายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ นโยบายความเป็นส่วนตัว  และ  นโยบายคุกกี้