ขับรถหน้าร้อน อย่านอนใจ !!! เช็ครถไว้ จะได้ไม่เดือดร้อน !!!

738 จำนวนผู้เข้าชม  | 

เรื่อง : Retro_sky

 

ยินดีต้อนรับครับ สำหรับ “หน้าร้อน” โคตรๆ ที่มาเยือนประเทศไทยอย่างเป็นทางการ ช่วงนี้กำลังพีคๆ ด้วย แต่เมื่อเราอยู่ใต้ฟ้า ก็ต้องหากรรมวิธีสู้ร้อนให้ได้ ถ้าเป็น “คน” ก็อย่าขาดน้ำ ดื่มน้ำสะอาดให้เพียงพอ เดี๋ยวจะเป็น “ลมแดด” หรือเรียกเท่ๆ ว่า “ฮีทสโตรก” หงายเงิบไปล่ะก็ไม่ดีแน่ ไม่เฉพาะคนเท่านั้น “รถยนต์” ที่เราขับอยู่นี่ มันก็มีผลกระทบได้เหมือนกัน จริงอยู่ มันเป็นสิ่งไม่มีชิวิต แต่มันมี “การทำงาน” ของมันเหมือนกัน และมันก็ “เจ๊ง” ได้เหมือนกัน ถ้าเราดูแลมันไม่ดีพอ และจะพาเรา “เจ๊ง” ตามไปด้วย คิดดูนะ อากาศร้อนๆ รถมีปัญหา แอร์ไม่เย็น ความร้อนขึ้น ร้อนเดี้ยงดับไปเสียเฉยๆ ไปยัน “เครื่องพัง” เสียเงินเสียทอง ที่สำคัญ “เสียความรู้สึก เสียเวลา” อะไรก็พาลจะเจ๊งไปทั้งหมด ถึงเวลาแล้วหรือยัง ที่เราต้องดูแลรถอันเป็นที่รักของเราก่อนที่มันจะเป็นเรื่อง...

 

การดูแลสีรถ

สีรถ ตัวการที่จะ “โดนก่อน” เพราะมันต้องรับแดดเต็มๆ รวมถึงความร้อนรอบด้าน ความร้อนจากห้องเครื่องเบิ้ลเข้าไปอีก ฝากระโปรงหน้า แก้มหน้า โซนด้านหน้าจะเสื่อมเร็วกว่าเพื่อน หลังคา นี่ก็โดนแสงเต็มๆ เหมือนจานรับความร้อนทีเดียวเชียว แล้วเราจะทำอย่างไร ที่จะยืดอายุสีรถให้นานขึ้นกว่าปล่อยไว้เฉยๆ...



-การรักษาความสะอาดสีรถสม่ำเสมอ : สิ่งสกปรกต่างๆ ที่เราต้องเจอ ฝุ่น คราบน้ำฝน คราบเศษทราย เศษดินต่างๆ ขี้นก ยางต้นไม้ กระทั่งหมาเยี่ยวใส่ล้อ พวกนี้เองที่จะทำให้สีรถหมองเร็วกว่าปกติ หลายคนก็ขี้เกียจบ้าง ขี้จุ๊ในบางที ขี้หลีในบางหน เออๆ ก็ช่างมันวะ เดี๋ยวค่อยล้าง นานๆ ไป มัน “เกาะฝังแน่น” สิครับ ยิ่งถ้าโดนแดดร้อนๆ บ่อยๆ คราบก็ยิ่งแห้งกรัง ติดหนักไปกันใหญ่ โดยเพราะพวก “คราบน้ำ ยางไม้ ขี้นก” ปล่อยไว้นี่เอาออกยากเป็นดวงๆ นะครับ สีจะเสียเอา พยายามล้างรถสม่ำเสมอ บางทีฝนไม่ตก รถดูไม่เลอะ แต่คราบฝุ่นมันจับอยู่ ก็ปล่อยมันไปเป็นเดือนๆ ล้างบ้างเถอะครับ ไม่ต้องเข้าคาร์แคร์หรูมากก็ได้ เอาแค่พอระดับที่เราจ่ายไหว ดูพอมีทรงมาตรฐานบ้างก็พอแล้ว คิดค่าทำสีมันแพงกว่านะครับ



-หลีกเลี่ยงการล้างรถกลางแดด : ผมว่าถ้าเอารถไปล้างตามคาร์แคร์ ก็คงไม่เจอเหตุการณ์นี้ และผมก็คิดว่าคงไม่มีใครบ้าพลังล้างรถกลางแดดเปรี้ยงๆ แน่นอน รถน่ะไม่มีปัญหาหรอก แต่ “คน” เนี่ยสิ เอาเป็นว่า พยายามหลีกเลี่ยงไว้แล้วกัน อีกอย่าง ล้างแล้วก็รีบเช็ดรถให้แห้ง อย่าให้มีหยดน้ำเกาะบนรถ เพราะตัวหยดน้ำจะกลายเป็น “จุดรวมแสง” ทำให้เกิดคราบน้ำติดแน่นบนสีได้



-ผ้าคลุมรถ ดาบสองคม : เรื่องจริงครับ การคลุมรถกลางแดดนั้น มันก็มีข้อดีที่ว่า ลดความเข้มของแสงที่จะกระทบสีรถ แต่ข้อเสียก็มี คือ “จะยิ่งทำให้ร้อนหนักกว่าเดิม” เราคุยถึง “อุณหภูมิใต้ร่มผ้า” นะครับ การระบายความร้อนแย่ลง (ไม่เชื่อคุณก็ลองห่มผ้ากลางแดดดูก็ได้ว่าลมจะล่อมั้ย) สีผ้าคลุมละลายติดสีรถไปเลยก็เจอกันบ่อยๆ ถ้าผ้าคลุมนั้นคุณภาพไม่ดีพอ แต่ถ้าชอบคลุมรถก็ไม่ว่ากัน หาผ้าคลุมเกรดดีๆ ที่ป้องกัน UV ได้ (ระดับหนึ่ง) และ มีการป้องกันความชื้น ระบายความร้อนได้ดีด้วยนะครับ หรือไม่ก็มีพวก “ร่มหลังคาคลุมรถ” แบบที่ตอนนี้นิยมกัน ก็จะพอช่วยได้ มันอาจจะคลุมไม่มิดทั้งคัน แต่อย่างน้อยก็ช่วยรักษาส่วนหลังคา อุปกรณ์ในห้องโดยสาร เอาไว้ได้ ให้ลมผ่านได้ ป้องกันยางไม้ ขี้นกได้ ลองเลือกดูเองครับ




-เคลือบสีรถไว้ : การเคลือบสี จะเป็นการป้องกันชั้นสีของรถในอีกระดับหนึ่ง อย่างน้อยน้ำยาเคลือบดีๆ ก็มีส่วนช่วยยืดอายุสีรถได้ สิ่งสกปรกเกาะได้ยากขึ้น โดยเฉพาะการ “เคลือบแก้ว” จะทำให้สีมีความแข็งแรงและลื่นไปอีกระดับเหมือนแก้ว ทำให้สิ่งสกปรกจับได้ยากขึ้น ป้องกันรอยต่างๆ ได้มากขึ้น แต่อย่างไรก็ต้องเคลือบตามระยะที่ผู้ผลิตกำหนดไว้ และก็เหมือนเดิม หมั่นล้างรถให้สะอาด เคลือบแก้วโคตรแพงแต่ปล่อยให้เน่าสนิทก็ไม่มีประโยชน์อันใด...

 

ภายใน

เรื่องใหญ่ไม่แพ้ภายนอก เผลอๆ จะใหญ่กว่า เพราะองค์ประกอบภายในส่วนใหญ่จะเป็น “พลาสติก” จุ๊กจิ๊กมากมาย พอโดนแดดมากๆ แถม “อบร้อน” อยู่บ่อยๆ พวกหน้าปัด คอนโซล ที่รับแสงเต็มๆ จะแตกลายงา ซีด เสียหายก่อน อุปกรณ์จุกจิกต่างๆ ก็ กรอบ หลุด หัก ยิ่งรถสมัยใหม่จะเน้นวัสดุรีไซเคิล ก็ยิ่ง “สละชีพตัวเอง” ง่ายขึ้น เราก็มีวิธีลดความเสียหาย ดังนี้


-ติดตั้งกันสาดประตู เพื่อที่จะแง้มกระจกได้ : การแง้มกระจกไว้ตอนจอดตากแดด ให้ความร้อนระบายออกมาได้พอสมควร ไม่ปิดสนิทเป็นเตาอบ มันก็ช่วยได้มากครับ แต่ควรจะติดตั้ง กันสาดประตู เอาไว้บ้าง เวลาฝนตกแล้วมาปิดกระจกไม่ทันจะได้ไม่ต้องเลี้ยงปลา แต่แง้มกระจกไว้ก็ต้องจอดในที่ปลอดภัยหน่อยละกันนะครับ


-ใช้แผ่นบังแดด : เวลาจอดรถตากแดด ก็ใช้แผ่นบังแดดที่กระจกหน้าช่วยบ้างก็ยังดีครับ มันจะช่วยลดแสงแดดมาแผดเผาในรถ บนคอนโซล ก็จะช่วยลดอุณหภูมิและรักษาอุปกรณ์ภายในให้ทนทานมากขึ้น แต่เลือกของที่ดีหน่อยแล้วกัน เพราะเคยเจอ “ละลาย” สีกับเนื้อที่บังแดดติดกระจกไปเลย เดี๋ยวจะได้ไม่คุ้มเสีย


-อย่าเอาวัตถุระเบิดใส่ไว้ในรถ : เห็นกันบ่อยๆ ครับ พวก “กระป๋องสเปรย์” ต่างๆ ที่มี “แรงอัด” อยู่ด้านใน บางคนก็ต้อง “สวยหล่อ” ไว้ก่อน เอาสเปรย์ฉีดผม สเปรย์น้ำหอม หรืออะไรก็ตามแต่ไว้ในรถเสมอ แต่พอร้อนมากๆ แก๊สด้านในขยายตัว ทำให้ “ระเบิด” และ “เกิดไฟลุกไหม้” แบบที่เจอกันบ่อยๆ พยายามอย่าเอามาใส่ในรถครับ



-เวลาขึ้นรถ เปิดประตู เปิดกระจก ระบายความร้อนออกก่อน : ก็ตามนั้นแหละครับ บางทีขึ้นรถร้อนมากๆ แล้วปิดประตูเลย ทำให้เกิดแรงอัดและความร้อนมาก ไอ้รถไม่เป็นไรหรอกครับ ไอ้คนนี่แหละจะมีปัญหา ปรับตัวไม่ทันก็ทำให้มึนงง หมดสติได้ถ้าไม่อึดพอ ขึ้นรถทำตามที่บอก เปิดประตูทิ้งไว้ก่อน เปิดกระจก สตาร์ทเครื่อง เปิดแอร์ ให้ความร้อนระบายออกไปบางส่วนก่อนค่อยปิดประตูไปต่อ ยอมเสียเวลาสักนิดครับ


-แง้มกระจกตอนวิ่งสักนิด ช่วยดูดความร้อนออกไปได้ : ตอนวิ่งออกไป ให้เปิดกระจกลงประมาณ 2 นิ้ว เพื่อให้ลมภายนอก “ดูด” อากาศร้อนข้างในออกไป สักพักแล้วค่อยปิด แต่อย่าเปิดกระจกกว้างมากเกินไป จะกลายเป็นลมร้อนหวนเข้าห้องโดยสารแทน...
 

เช็คระบบระบายความร้อน

อันนี้สำคัญมากๆ เพราะอากาศร้อน รถติด ระบบระบายความร้อนจะทำงานหนัก เพราะตอนจอดไม่มีลมมาช่วยระบายความร้อน อันนี้แหละที่น่ากลัว เราควรเช็คตามรายการต่อไปนี้ครับ




-น้ำหม้อน้ำ : อันนี้อย่าประมาท ทั้งรถเก่า อันนี้ความเสี่ยงจะสูงหน่อย เพราะอุปกรณ์ต่างๆ เริ่มเก่าแล้ว ประสิทธิภาพจะลดลง และต่อให้ รถใหม่ ก็เถอะ อย่าลำพองใจไป เพราะถ้ามันพลาดขึ้นมาแล้วก็ “พัง” ได้เหมือนกัน ให้หมั่นเช็ค “ระดับน้ำหม้อน้ำ” อย่าให้ขาด ปกติมันจะไม่ขาดครับ แต่ถ้ามันขาดไปบ้างไม่มาก ก็เติมกลับไปให้ได้ระดับปกติ แล้วก็หมั่นดูหน่อย แต่ถ้าขาดมากและบ่อยผิดปกติร่วมกัน แสดงว่าอาจจะมีอะไร “รั่ว” ต้องรีบเช็คก่อนรั่วหมดแล้ว “พังทั้งเครื่อง” นอกจากระดับน้ำแล้ว ให้ดู “สภาพสีของน้ำ” ถ้าน้ำเริ่มขุ่น สกปรก ควรจะถ่ายน้ำใหม่ และถ้าเป็นน้ำสนิมด้วย ควรรีบเช็คสภาพ และถ้ามีสีแปลกๆ ไปกว่าปกติ มีคราบน้ำมันผสมออกรุ้งๆ ต้องเช็คสภาพเครื่องแล้วล่ะครับ หลักๆ ก็ “ปะเก็นฝาสูบรั่ว” น้ำมันเครื่องเล็ดลอดมาปนกับน้ำได้



-ใส่น้ำยาหล่อเย็น : หรือ “คูลแลนท์” เป็นน้ำยาหล่อเย็นที่เติมในหม้อน้ำ จะช่วยลดอุณหภูมิน้ำ เพิ่มจุดเดือดให้สูงขึ้น ป้องกันสนิม เพราะตัวมันเองจะมีความเป็น “น้ำมัน” เคลือบ ถ้าใครเคยจับจะรู้ว่ามันลื่นๆ มันๆ หยดลงพื้นอย่าเหยียบเดี๋ยวล้มหัวแตก เคลือบระบบหล่อเย็นที่แช่น้ำตลอด ป้องกันสนิม ยืดอายุการใช้งานได้ยาวขึ้น ที่สำคัญ มันจะมี “สี” ที่สวยงาม ทำให้สังเกตได้ง่าย โดยเฉพาะเวลา “รั่ว” จะเกิดคราบสีตรงที่รั่ว สามารถตรวจเจอจุดได้ง่ายกว่า



-เช็คพัดลม สายพานต่างๆ : ส่วนใหญ่รถสมัยนี้จะใช้ พัดลมไฟฟ้า ถ้ารถเริ่มมีอายุแล้ว หากความร้อนเริ่มขึ้นกว่าปกติที่เคยเป็น แต่ไม่ถึงกับร้อนจัด ให้เช็คพัดลมหน่อย เพราะบางทีมันก็หมุนปกติจริง แต่ “ความแรงลดลง” แก่ตามอายุไป ทำให้การระบายความร้อนลดลง เครื่องจะร้อนขึ้น แอร์จะเย็นน้อยลง ส่วน “สายพาน” ก็ควรตรวจสอบเป็นปกติ เพราะถ้ามันขาดขึ้นมาก็เป็นเรื่องอีก ปั๊มน้ำไม่หมุน เครื่องก็ร้อน ไฟไม่ชาร์จ ไม่คุ้มเสียกับค่าสายพานไม่กี่ตังค์ครับ



-ทำความสะอาดแผงแอร์ หม้อน้ำ : ไอ้นี่แหละตัวปราบเซียน บางทีระบบไม่เป็นอะไรหรอก แต่มี “สิ่งสกปรก” ต่างๆ เช่น โคลน ดิน ซากแมลง ซากใบไม้ อะไรต่างๆ ไปติดกับแผงแอร์เต็มไปหมด โดยเฉพาะรถวิ่งใช้งานทางทุรกันดาร ต่างจังหวัด เพราะมันอยู่หน้าหม้อน้ำเลยรับไปเต็มๆ ตานี้ มันก็จะทำให้ลมระบายออกได้ยาก แอร์ก็จะไม่ค่อยเย็นเท่าที่ควร แถมทำให้เครื่องร้อนเพิ่มอีก พอแอร์ไม่เย็น ก็ยิ่งเร่งแอร์สุดตลอดเวลา แอร์ทำงานหนักจน “คอมเพรสเซอร์เดี้ยง” ท่อแอร์ระเบิดกันเพราะแรงดันมันสูงเกินไป โดยเฉพาะรถรุ่นเก่าต้องระวัง ถ้าสกปรกต้องทำความสะอาดให้เกลี้ยงเกลา การระบายความร้อนก็จะดี และไม่ทำให้อย่างอื่นพังไปด้วยครับ

-ทำความสะอาดระบบแอร์ : ดูหน่อยว่า “กรองแอร์” ในรถมันตันไหม ถ้าตันแอร์ไม่เย็น ลมไม่แรง ถ้ารถเริ่มมีอายุ แอร์เริ่มมีเสียง “อู้ๆ” ลมแรงน้อยลง “ตันชัวร์” ควร “ล้างตู้แอร์” กันหน่อย โดยเฉพาะคนที่ใช้น้ำหอมแบบระเหย พวกนี้มันจะไปจับเป็นก้อนในแผงคอยล์เย็นด้านใน หรือ คนที่ชอบเอาสัตว์ขึ้นรถ หมา แมว ขนจะเข้าไปติดและทำให้ตู้แอร์ตัน แอร์ทำงานหนักก็พังในที่สุด


ถือว่าไม่ยากใช่ไหมครับ กับการเตรียมรถสุดที่รักไว้ขับรับหน้าร้อน อาจจะดูว่ามีรายละเอียดเยอะ แต่จริงๆ แล้วมันคือ “การตรวจสอบก่อนที่มันจะเป็นเรื่อง” ที่ “ท่านสามารถตรวจสอบเองได้” ทั้งสิ้น ถ้าทุกอย่างปกติ มันก็ไม่มีอะไร แต่ถ้ามีสิ่งที่ไม่สมบูรณ์เกิดขึ้นล่ะครับ เรารู้ก็แก้ไขก่อน จะผ่อนหนักให้เป็นเบาได้ แต่ถ้าปล่อยปละละเลย จนมันเกิดเรื่องขึ้นมาแล้วคราวนี้แหละ “เสียน้อยเสียยาก” ของจริง การที่รถเสียแล้วท่านยืนรอท่ามกลางอากาศร้อนนรกแตกนี่ อย่าให้บรรยายเลยครับ เพราะฉะนั้น “กันไว้ดีกว่าแก้” เสมอครับ และอย่าลืม “ใจอย่าร้อนตามอากาศ” ขอให้โชคดีทุกท่านครับ...

Powered by MakeWebEasy.com
เว็บไซต์นี้มีการใช้งานคุกกี้ เพื่อเพิ่มประสิทธิภาพและประสบการณ์ที่ดีในการใช้งานเว็บไซต์ของท่าน ท่านสามารถอ่านรายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ นโยบายความเป็นส่วนตัว  และ  นโยบายคุกกี้