45 ปี Porsche 911 Turbo || บรรทัดฐานแห่งยนตรกรรมสปอร์ต ที่ไม่เคยเปลี่ยนแปลง

762 จำนวนผู้เข้าชม  | 

ภาพ : PORSCHE AG
ข้อมูล : AAS Auto Service
เรียบเรียง : Pitak Boon

Porsche 911 Turbo คือ ตราสัญลักษณ์ของที่สุดแห่งรถสปอร์ตสมรรถนะสูง ที่เพียบพร้อมด้วยคุณสมบัติในการใช้งานประจำวัน ตลอดระยะเวลา 45 ปีที่ผ่านมา หลังจากการเปิดตัวอย่างเป็นทางการของ ‘911 Turbo S’ บัดนี้ถึงเวลาแนะนำตัว 911 Turbo Coupé และ Cabriolet เจเนอเรชันล่าสุด ด้วยพละกำลังที่มากยิ่งขึ้น รวดเร็วยิ่งกว่า และโดดเด่นงามสง่าขึ้นไปอีกระดับ ต้องยกประโยชน์ให้ขุมพลังเครื่องยนต์สุดแรง 580 PS (427 kW) ให้พละกำลังเพิ่มขึ้น 40 PS (30 kW) เมื่อเทียบกับรุ่นก่อนหน้าทั้ง 2 ตัวถัง ทำอัตราเร่ง 0-100 กม./ชม. ด้วยเวลาต่ำกว่า 3 วิ. หรือเร็วเพียง 2.8 วินาที (เร็วขึ้น 0.2 วินาที) พร้อมแรงบิดมหาศาลกว่า 750 Nm (เพิ่มขึ้น 40 Nm), โดย 911 Turbo โมเดลล่าสุด สามารถใช้ระบบ overboost โดยไม่จำกัดเวลา ส่งผลต่ออัตราเร่งที่ต่อเนื่องและราบรื่น โดยแรงม้าและแรงบิดที่ได้เทียบเคียงได้กับ 911 Turbo S รุ่นก่อนหน้า

 



ถ่ายทอดกำลังผ่านระบบเกียร์อัตโนมัติอัจฉริยะคลัตช์คู่ PDK 8 จังหวะ ที่ผ่านการปรับแต่งให้เหมาะกับการทำงานร่วมกับเครื่องยนต์เทอร์โบ ความเร็วสูงสุดยังคงไม่เปลี่ยนแปลงที่ 320 กม./ชม.อุปกรณ์พิเศษที่เพิ่มเติม เข้ามาเป็นครั้งแรกสำหรับ 911 Turbo ได้แก่ ชุดแต่ง Sports และ Lightweight Design Packages, ระบบช่วงล่าง Sports Chassis และระบบระบายไอเสีย Sports Exhaust เปิดโอกาสให้ลูกค้าสามารถเลือกสรรแนวทางการตกแต่ง เพื่อให้ได้มาซึ่งรถสปอร์ต ที่บ่งบอกถึงตัวตน และรสนิยมของผู้ขับขี่ได้อย่างแท้จริง


 

ยนตรกรรมสปอร์ตรุ่นล่าสุด ยังคงตามรอยความยิ่งใหญ่ ภายใต้บุคลิกเฉพาะตัวของ Porsche 911 Turbo ซึ่งเปรียบเสมือนตัวแทนของความหรูหราเหนือระดับ และสมรรถนะการขับขี่ชั้นเลิศ นับตั้งแต่ปี 1975 โดยแต่ละเจเนอเรชัน รับหน้าที่เป็นบรรทัดฐานให้กับวงการรถสปอร์ตสมรรถนะสูงมาอย่างยาวนาน 911 Turbo ผสมผสานความสปอร์ตให้เป็นหนึ่งเดียวกับอรรถประโยชน์ในการใช้งานประจำวัน ความเร้าใจเมื่อได้ขับขี่ มาพร้อมประสิทธิภาพที่วางใจได้

โดยเจเนอเรชันล่าสุดของ 911 Turbo รถสปอร์ต 2+2 ที่นั่ง มีพละกำลังมากกว่า 2 เท่าของ 911 Turbo รุ่นแรกสุด ซึ่งได้รับการติดตั้งเครื่องยนต์หกสูบนอน เทอร์โบเดี่ยว ขนาดความจุ 3.0 ลิตร 260 PS ถึงแม้ว่า 911 Turbo จะเร็วขึ้น มีตัวถังใหญ่ขึ้น และมีความสะดวกสบายเพิ่มขึ้นตามกาลเวลาที่ผ่านไป แต่สิ่งที่ไม่เคยเปลี่ยนแปลง คือเอกลักษณ์เฉพาะตัวของรถสปอร์ตโมเดลนี้

 

Porsche 911 Turbo (992) ขับเคลื่อนด้วยเครื่องยนต์บ็อกเซอร์ 6 สูบ ความจุ 3,745 ซีซี ให้พละกำลังสูงสุด 580 PS ผสานการทำงานกับเทอร์โบชาร์จเจอร์ Symmetrical VTG ควบคุมการทำงานของ Bypass Valves ด้วยไฟฟ้า เสริมด้วยระบบประจุอากาศ Charge Air Cooling ออกเเบบใหม่ และหัวฉีดน้ำมันเชื้อเพลิง Piezo Injectors ทั้งหมดนี้ ส่งผลต่ออัตราการตอบสนอง, สมรรถนะ, คุณลักษณะการถ่ายทอดแรงบิด และการทำงานของรอบเครื่องยนต์

 

ช่วงล่าง และตัวถังกว้างขึ้น การบังคับควบคุมแม่นยำขึ้น จากการเพิ่มฐานล้อหน้า 42 มิลลิเมตร รวมทั้งล้ออัลลอยขนาด 20 นิ้ว พร้อมยางสมรรถนะสูงขนาด 255/35 ระบบขับเคลื่อน 4 ล้อ Active All-wheel Control PTM เติมเต็มประสิทธิภาพในการถ่ายทอดพลังไปยังล้อคู่หน้า ในส่วนของกำลังขับเคลื่อนที่ส่งไปยังล้อคู่หลัง จะถูกรับมือด้วยฐานล้อที่เพิ่มขึ้น 10 มิลลิเมตร เช่นเดียวกับล้ออัลลอยขนาด 21 นิ้ว ประกบกับยางขนาด 315/30 ในส่วนของระบบเบรกพัฒนาขึ้นใหม่ ทรงพลังยิ่งขึ้น โดดเด่นด้วยคาลิเปอร์เบรกสีแดงติดตั้งเป็นอุปกรณ์มาตรฐาน จานเบรกเหล็กหล่อ Grey Cast Iron คู่หน้าขนาด เส้นผ่านศูนย์กลาง 408 มิลลิเมตร (ใหญ่กว่ารุ่นก่อนหน้า 28 มิลลิเมตร) ความหนา 36 มิลลิเมตร (หนาขึ้น 2 มิลลิเมตร) จานเบรกคู่หลังมีความหนา 30 มิลลิเมตร และเส้นผ่านศูนย์กลาง 380 มิลลิเมตร

 

ครั้งแรกสำหรับ 911 Turbo ที่สามารถเลือกติดตั้งอุปกรณ์พิเศษเพิ่มเติม ได้แก่ ระบบระบายไอเสีย Sports Exhaust และทางเลือกในการปรับแต่งช่วงล่างแตกต่างกัน 2 รูปแบบ ขณะที่ระบบ PASM มาตรฐานให้ประสิทธิภาพที่สมดุล ระหว่างความนุ่มนวล และหนึบแน่นมั่นคง โช้คอัพควบคุมด้วยระบบไฟฟ้า ลดระดับความสูงลงอีก 10 มิลลิเมตร ให้เสถียรภาพการทรงตัวที่ดีเยี่ยม ปรับจูนอย่างละเอียดโดยมุ่งเน้นที่การขับขี่สไตล์สปอร์ต และให้ความมั่นใจในการยึดเกาะถนนในความเร็วสูง ในส่วนของอุปกรณ์พิเศษเพิ่มเติม ได้แก่ ระบบ PDCC Hydraulic Active Anti-roll Stabilisation และชุดเบรกเซรามิค PCCB ซึ่งใช้คาลิเปอร์ 10 ลูกสูบ ที่ล้อคู่หน้า ให้ประสิทธิภาพการทำงานที่เหนือชั้นขึ้นไปอีกขั้น


 


งานออกแบบภายนอกของ Porsche 911 Turbo เพิ่มเติมความดุยิ่งขึ้น ด้วยการขยายความกว้างตัวถัง 45 มิลลิเมตร รวมเป็น 1,840 มิลลิเมตร บริเวณล้อคู่หน้า เพื่อรับกับช่วงล่างใหม่ ฝากระโปรงหน้าวางตัวในระนาบที่ต่ำกว่าแนวตัวถัง ให้บุคลิกสปอร์ตเต็มพิกัด ไฟหน้า LED พร้อมระบบ PDLS Plus เป็นอุปกรณ์มาตรฐาน สำหรับความกว้างตัวถังด้านหลังเพิ่มขึ้นเป็น 1,900 มิลลิเมตร (เพิ่มขึ้น 20 มิลลิเมตร)

 

ระบบอากาศพลศาสตร์ Adaptive Aerodynamics อาทิ ครีบดักอากาศบริเวณกันชนหน้า ควบคุมด้วยไฟฟ้า สปอยเลอร์หน้า และสปอยเลอร์หลังมีขนาดใหญ่ขึ้น สามารถปรับระดับการทำงานได้ตามความเร็วรถ ในส่วนของช่องรับอากาศเข้าเครื่องยนต์บริเวณซุ้มล้อคู่หลัง เป็นอัตลักษณ์เฉพาะตัวของ 911 Turbo ทำหน้าที่จัดระเบียบการเคลื่อนที่ของอากาศ รองรับทั้งเรื่องแอร์โร่ไดนามิค และการระบายความร้อน สำหรับระบบ Charge Air Coolers ถูกเปลี่ยนตำแหน่งมายังด้านล่าง เพื่อให้สามารถรับอากาศได้โดยตรง แผง Light Bar พร้อมไฟท้าย LED สอดรับกับหน้ากระจังแนวนอนสีเงิน ซึ่งเป็นศูนย์รวมของงานออกแบบส่วนท้ายรถ

 

รูปลักษณ์ภายนอก รวมทั้งสมรรถนะของรถสามารถอัพเกรดเพิ่มเติมได้ ด้วยอ็อพชันชุดแต่ง Lightweight Design และ Sports Packages ในส่วนของ Lightweight Design Package สำหรับรุ่น Coupé ช่วยรีดน้ำหนักลงได้ถึง 30 กิโลกรัม เกิดขึ้นจากการเลือกใช้เบาะนั่งสปอร์ต Full-bucket Seats น้ำหนักเบา ถอดเบาะนั่งด้านหลังออก ลดจำนวนฉนวนกั้นเสียงให้น้อยลง นั่นหมายความว่าผู้ขับขี่จะสัมผัสถึง เสียงคำรามจากเครื่องยนต์ได้อย่างเต็มอารมณ์มากขึ้น ส่วน Sports Package ติดตั้งอุปกรณ์ต่างๆ เช่นเดียว กับชุดแต่ง 911 Turbo Sport Design Package แต่เพิ่มเติมชิ้นงานสีดำและวัสดุคาร์บอน

 



งานตกแต่งห้องโดยสารยังคงใช้วัสดุพื้นฐาน และสไตล์โมเดิร์นตามแนวทางของ Porsche Carrera นั่นคือ Porsche Advanced Cockpit และระบบควบคุม Direct Touch Control หน้าจอสั่งการระบบ PCM บริเวณคอนโซลกลางมีขนาด 10.9 นิ้ว ใช้งานได้อย่างคล่องมือ โดยปราศจากการรบกวนผู้ขับขี่ ทั้งนี้ต้องยกประโยชน์ให้สถาปัตยกรรมการออกแบบใหม่ล่าสุด เสริมวัสดุคุณภาพสูงในหลากหลายตำแหน่ง และเพิ่มเติมรายการอุปกรณ์อำนวย ความสะดวกมากมายซึ่งรวมถึงเบาะนั่งสปอร์ตปรับระดับด้วยไฟฟ้า 14 ทิศทาง ชุดแต่งเพิ่มสมรรถนะ Sport Chrono Package พวงมาลัยมัลติฟังก์ชัน GT Sports พร้อม Shift Paddles และสวิตช์เลือกโหมดการขับขี่ เช่นเดียวกับระบบเครื่องเสียงทรงพลัง BOSE® Surround Sound System นอกจากนี้ยังมีอุปกรณ์พิเศษอีกมาก ที่ลูกค้าสามารถเลือกติดตั้งเพิ่มเติมได้ตามความต้องการไม่ว่าจะเป็นระบบ Lane Keeping Assist กล้องมองรอบคัน Surround View และเครื่องเสียงระดับพรีเมียม Burmester® High-End Surround Sound System

Powered by MakeWebEasy.com
เว็บไซต์นี้มีการใช้งานคุกกี้ เพื่อเพิ่มประสิทธิภาพและประสบการณ์ที่ดีในการใช้งานเว็บไซต์ของท่าน ท่านสามารถอ่านรายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ นโยบายความเป็นส่วนตัว  และ  นโยบายคุกกี้