Preview All New MG5 สปอร์ตซีดาน สไตล์คูเป้ ออฟชั่นเพียบ

1677 จำนวนผู้เข้าชม  | 

Pakin Sirichat

หลังจากมีภาพสปายช็อตโผล่ออกมาเป็นระยะๆ เกี่ยวกับรถยนต์ซีดานตัวใหม่จากค่าย MG ซึ่งเรียกเสียงฮือฮาจากกลุ่มแฟนคลับรถค่ายนี้กันพอสมควร และเมื่อช่วงปลายอาทิตย์ที่ผ่านมา บริษัท เอ็มจี เซลส์(ประเทศไทย) จำกัด ได้เชิญสื่อมวลชนเข้าร่วมชม และสัมผัสรถยนต์ซีดานรุ่นใหม่ All New MG5 ด้วยระยะเวลาสั้นๆ ก่อนการเปิดตัวพร้อมราคาในวันที่ 20 กรกฎาคม 2564 เวลา 19.00น. ในรูปแบบออนไลน์ผ่านช่องทาง Official Facebook Page:MG Thailand

 

แนวทางการออกแบบคงคอนเซ็พท์ Brit Dynamic มาแนวสปอร์ตซีดาน คูเป้



All New MG5 ถือว่าเป็นเจเนอเรชั่นที่ 2 ของรถรุ่นนี้ที่เปิดตัวทั้งที่ในประเทศจีน และประเทศไทย ด้วยการออกแบบภายใต้แนวคิด Brit Dynamic ที่มาพร้อมกับคำนิยม Born to be Beyond เส้นสายของตัวรถเปลี่ยนไปจากเจนเนอเรชั่นแรกพอสมควร โดยเน้นเส้นสายที่โค้งมน หน้ารถเรียวยาว เส้นสายท้ายรถมาในสไตล์ฟาสท์แบค(คล้ายกับพี่ใหญ่ MG6) ซึ่งรวมๆ แล้วให้อารมณ์สปอร์ตซีดาน คูเป้ ดังที่ตั้งใจเอาไว้

การออกแบบไฟหน้าเน้นความโฉบเฉี่ยวที่ซ่อนชุดไฟ Daytime Running Light แบบ LED พร้อมกับชุดไฟหน้าแบบโปรเจ็กเตอร์ LED ที่ซ่อนอยู่ภายใน(ไฟหน้าเปิด-ปิด อัตโนมัติ) กระจังหน้าแบบ 3 มิติ(Digital Burning Grille) ซี่กระจังเล่นเส้นสายคล้ายๆ กับเปลวไฟให้อารมณ์สปอร์ตพอสมควร กันชนหน้าออกแบบให้มีความเป็นสปอร์ตมีช่องดักลมอยู่ที่มุมกันชนทั้ง 2 ฝั่ง

 

เส้นสายด้านข้างตัวรถเน้นความลู่ลม เรียบง่าย แต่ดูมีสไตล์ โดยเฉพาะการเลือกใช้คิ้วโครเมี่ยมเดินพาดจากเสา A-Pillar ไปยันเสา C-Pillar และสะบัดปลายไปยังเส้นท้ายรถ ส่วนทางด้านท้ายรถ ไฟท้ายเลือกใช้แบบ LED ที่มาพร้อมกับดีไซน์ที่ MG เรียกว่า Leopard Claw และไฟเบรกดวงที่ 3 แบบ LED โดดเด่นอย่างมีสไตล์ด้วย ล้อแม็กขอบ 17 นิ้ว ลายใบพัด 5 ก้าน  มิติของตัวรถยาว 4,675 มม., กว้าง 1,842 มม., สูง 1,480 มม. ระยะความยาวฐานล้อ 2,680 มม.


ภายในเติมเต็มอารมณ์สปอร์ต อัดแน่นด้วยเทคโนโลยี พร้อมระบบ i-Smart


ภายในห้องโดยสารของ All New MG5 ถือว่ามีการออกแบบให้มีพื้นที่ใช้สอยได้อย่างกว้างขวางเมื่อเทียบกับคู่แข่งในกลุ่มเดียวกัน(C-Segment) คอนโซลหน้าออกแบบเรียบง่ายแบบ 3D Diamond Desigh แต่กลับให้อารมณ์สปอร์ต โดยเฉพาะหน้าจอเรือนไมล์อัจฉริยะ LED แบบ TFT ขนาด 7 นิ้ว จุดเด่นอยู่ที่ฟังก์ชั่นภายใน นอกจากมาตรวัดความเร็ว, วัดรอบเครื่องยนต์, ระดับน้ำมันเชื้อเพลิง, อุณหภูมิน้ำหล่อเย็น แล้วยังมีในเรื่องของ Full Efficent Driving, Volt, ค่าเฉลี่ยเวลาการเดินทาง-ระยะทาง-ความเร็วเฉลี่ย, อัตราสิ้นเปลืองน้ำมันเชื้อเพลิงที่ใช้ไป, อัตราสิ้นเปลืองน้ำมันเชื้อเพลิงตามเปอร์เซ็นต์การกดคันเร่ง, Dynamic Driving Management บอกทั้งแรงเหวี่ยง G-Sensor ทั้ง 4 ด้าน-แรงบิดเครื่องยนต์-แรงม้า-แรงในการเบรก และเปอร์เซ็นต์การกดคันเร่ง เป็นต้น



จอกลางออกแบบให้ลอยเด่น ขนาด 10 นิ้ว เป็นแบบ Touchscreen ที่รอบรับการเชื่อมต่อมัลติมีเดีย Apple Car Play, Android Auto พร้อมระบบ i-Smart ที่คอยสั่งงานฟังก์ชั่นต่างๆ ของตัวรถ และค้นหาข้อมูลระหว่างการเดินทาง และยังแสดงภาพของกล้องรอบคันเพื่อความปลอดภัยในการขับขี่ และถอยจอด ยังไม่นับฟังก์ชั่นสั่งการเปิด-ปิดประตู และสตาร์ทเครื่องยนต์ผ่านมือถือโดยใช้แอปพิเคชั่น i-Smart ติดตั้งปุ่ม Push Start บริเวณช่องแอร์ฝั่งคนทำงานที่ทำงานร่วมกับกุญแจอัจฉริยะ Smart Key

พวงมาลัย 3 ก้านแบบ สปอร์ต พร้อมปุ่มมัลติฟังก์ชั่นต่างๆ หุ้มหนังจับกระชับมือดีไม่น้อย(พวงมาลัยปรับสูง-ต่ำได้ แต่ไม่สามารถยืด-หดได้) ด้านหลังของพวงมาลัยมีก้านควบคุมระบบ Cruise Control มาให้ อาจจะใช้งานยากนิดนึง(แต่พอชินๆ แล้วจะง่ายขึ้น) ระบบปรับอากาศแบบอัตโนมัติ หน้าจอเป็นดิจิตอล พร้อมช่องแอร์ทางด้านหลัง แถมยังติดตั้งระบบกรองอากาศ PM 2.5 มาให้จากโรงงาน เพิ่มความสะดวกสบายสำหรับผู้ที่ใช้สมาร์ทโฟนในการติดต่อเรื่องราวต่างๆ เพราะทาง MG ได้ติดตั้งแท่นชาร์จแบบ Wireless Charger มาให้บริเวณใต้ชุดควบคุมระบบปรับอากาศ

เบาะนั่งคู่หน้าแบบเซมิ-บั๊กเก็ตซีท ขนาดค่อนข้างใหญ่ นั่งสบายโอบกระชับกำลังพอดี เบาะคนขับปรับด้วยไฟฟ้า 6 ทิศทาง เบาะนั่งด้านหลังก็กว้างขวางนั่งสบายพิ้นที่เหนือศีรษะสำหรับคนสูงไม่เกิน 175 ซม. กำลังดีสบายไม่อึดอัด การเลือกเล่นโทนสีภายในห้องโดยสารจะเลือกใช้สีดำ สลับสีแดง เติมเต็มอารมณ์สปอร์ต(ยกเว้นตัวรถที่เป็นสีเหลือง อันนี้จะได้ภายในสีดำล้วน) เพิ่มความสุนทรีย์ภาพในการขับขี่ยามค่ำคืนกับ หลังคาซันรูฟ เปิด-ปิด ด้วยสวิทช์เพียงปลายนิ้วสัมผัสหรือสั่งงานด้วยเสียง



เครื่องยนต์ 1.5 ลิตร จับคู่เกียร์ CVT 8 จังหวะ


พละกำลังของ All New MG5 จะมาพร้อมกับเครื่องยนต์บล็อก แถวเรียง 4 สูบ DOHC 16 วาล์ว พร้อมระบบวาล์วแปรผัน DVVT ให้แรงม้า 116 ตัว ที่ 6,000 รอบต่อนาที แรงบิด 150 นิวตัน-ม. ที่รอบเครื่องยนต์ 4,500 รอบต่อนาที ทำงานคู่กับระบบส่งกำลังเกียร์ CVT ลูกใหม่ พร้อมกับอัตราทด 8 จังหวะ(พร้อม Manual เล่น +/- ที่คันเกียร์) ทำให้การขับขี่สนุกสนาน และประหยัดน้ำมันเชื้อเพลิงมากยิ่งขึ้น



พวงมาลัยปรับน้ำหนักได้..ช่วงล่าง Euro Tuning Suspention

จุดเด่นอีกอย่างของ All New MG5 อยู่ที่ ระบบบังคับเลี้ยว เลือกใช้แบบแร็คแอนด์พิเนี่ยน พร้อมเพาเวอร์แบบไฟฟ้า EPS ซึ่งผู้ขับขี่สามารถปรับระดับน้ำหนักได้ถึง 3 แบบด้วยกัน ระบบกันสะเทือนด้านหน้าแบบ อิสระ แม็คเฟอร์สันสตรัท คอยล์สปริงพร้อมเหล็กกันโคลง และด้านหลังแบบ ทอร์ชั่นบีม ช็อคอับ คอยล์สปริง โดยจุดเด่นของระบบกันสะเทือนชุดนี้ได้รับการปรับจูนให้มีสมรรถนะในการยึดเกาะถนน และแฮนด์ลิ่งในการขับขี่แบบรถยุโรปชั้นนำ ทำให้ผู้ขับขี่ได้รับประสบการณ์การขับขี่ที่สนุกสนาน และปลอดภัย



ระบบเบรกเลือกใช้แบบดิสค์เบรกทั้ง 4 ล้อ พร้อมระบบ ABS, EBD, EBA, ระบบควบคุมเบรคขณะเข้าโค้งด้วยความเร็ว XDS(Electronic Differential System), ระบบควบคุมป้องกันล้อหมุนฟรี และควบคุมการลื่นไถล TCS และเบรกมือไฟฟ้า EPB พร้อม Auto Hold

เหนือสิ่งอื่นใด All New MG5 ให้ระบบความปลอดภัยอาทิ ถุงลมนิรภัย 6 ใบ, ระบบช่วยออกตัวบนทางลาดชัน HAS(Hill Start Assist System), ระบบสัญญาณไฟแจ้งเตือนเมื่อมีการเบรกแบบฉุกเฉิน ESS(Emergency Stop Signal), ระบบช่วยเตือนเมื่อต้องการเปลี่ยนเลน LCA(Lane Change Assist), ระบบแจ้งเตือนมุมอับสายตา BSD(Blind Sport Detection), ระบบช่วยเตือนในขณะถอยหลัง RCTA(Rear Cross Traffic Alert), ระบบช่วยเตือนการชนด้านหลัง RCW(Rear Collision Warning), ระบบกุญแจ Immobilizer และระบบล็อคประตูอัตโนมัติ(Speed Sensing Door Lock)


All New MG5 มีรุ่นย่อยให้เลือก 3 รุ่น ประกอบด้วยรุ่น C, D และ X พร้อมสีสันของตัวรถ 6 สี ได้แก่ สีเหลือง(Nuclear Yellow), สีขาว(Arctic White), สีดำ(Black Knight), สีเงิน(Silver Metallic), สีแดง(Scarlet Red) และสีเทา(Metal Ash Grey)

เนื้อหาที่เกี่ยวข้อง

Powered by MakeWebEasy.com
เว็บไซต์นี้มีการใช้งานคุกกี้ เพื่อเพิ่มประสิทธิภาพและประสบการณ์ที่ดีในการใช้งานเว็บไซต์ของท่าน ท่านสามารถอ่านรายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ นโยบายความเป็นส่วนตัว  และ  นโยบายคุกกี้