1199 จำนวนผู้เข้าชม |
ข้อมูล : Brabus GmbH.
เรียบเรียง : Pitak Boon
ในอดีต, Brabus เป็นสำนักแต่งที่โมจัดเต็มให้เฉพาะรถ Mercedes-Benz ทว่าปัจจุบัน, Brabus แตกไลน์โม Porsche, Rolls-Royce หรือแม้กระทั่งบิ๊กไบค์ KTM เพิ่มเติม แต่ Mercedes-Benz ยังคงเป็นรถแบรนด์หลักของ Brabus ไม่เปลี่ยนแปลง สำหรับตัวโหดที่หยิบยกมานำเสนอครั้งนี้ ได้แก่ ‘ROCKET 900’ ถูกต่อยอดมาจาก Mercedes-AMG GT 4-Door Coupé ที่เดิม ๆ ก็ทนงอานุภาพอยู่แล้ว กระทั่ง Brabus ปิดตัวเลขไปที่ 900 hp อันเป็นที่มาของชื่อรุ่น ตัวถังดูดุดันจากการขยายช่วงความกว้างของล้อ พร้อมปรับตัวถังเป็น widebody ด้วยพาร์ทคาร์บอนไฟเบอร์ เบ็ดเสร็จตัวถังใหม่มีความกว้างเพิ่มขึ้นอีก 7.8 เซนติเมตร ทั้งหมดเพื่อรับมือกับม้าระดับเฉียดพันตัว
Mercedes-AMG GT 4-Door เปิดตัวครั้งแรกเมื่อปี 2018 ในงาน Geneva Motor Show รหัสโมเดล ‘X290’ มาในรูปแบบตัวถังคูเป้ 4 ประตู ใช้เพลทฟอร์มร่วมกับ E-Class (W213) และ CLS-Class (C257) ซึ่งเป็นชุดพื้นฐานโครงสร้างสำหรับรถซีดานขนาดกลางของ Mercedes-Benz โดย ROCKET 900 ได้รับการต่อยอดมาจากตัวท็อปของ AMG GT 4-Door นั่นคือ AMG-GT 63 S 4MATIC+ วิศวกร Brabus จัดเต็มในทุกองค์ประกอบ ตั้งแต่แอร์โร่ไดนามิคบนตัวถัง ต่อเนื่องไปจนถึงเสียงจากปลายท่อไอเสีย ให้ความรู้สึกหลังพวงมาลัยที่โหดกว่าตัวแรงเวอร์ชันโรงงานขึ้นไปอีกขั้น ROCKET 900 เริ่มต้นพัฒนาราวเดือน เมษายน ปี 2019 พร้อมโชว์ตัวอย่างเป็นทางการเพื่อเปิดรับจองในเดือนตุลาคม ปี 2020
Aerodynamics Parts บนตัวถัง ROCKET 900 เป็นชิ้นงานคาร์บอนไฟเบอร์ อันประกอบด้วย พื้นผิวท่อนหน้าของตัวถัง นับตั้งแต่กันชนหน้า กรอบกระจังหน้า ไล่ไปจนถึงแก้มข้าง และแนวซุ้มล้อที่ตีโป่งขึ้นมาใหม่ ขณะที่ด้านหลังต่อเนื่องจากสเกิร์ตข้าง ก็เป็นแนวซุ้มล้อหลัง ที่ออกแบบรับกับชิ้นดิฟฟิวเซอร์ท้ายรถ ไล่ไปจนถึงปีกหลัง (Carbon Rear Wing) ที่ผ่านการทดสอบใน Wind Tunnel สมบูรณ์แบบตามมาตรฐานโรงงานผู้ผลิต สำหรับชุดระบายไอเสียใช้สแตนแลสทั้งชุด มาพร้อม Exhaust Flaps เลือกรับความโหดจากเสียงคำรามจากปลายท่อ ได้จากสวิตช์ไฟฟ้าบริเวณพวงมาลัย
Mercedes-AMG GT 63 S 4MATIC+’ เวอร์ชันมาตรฐานใช้เครื่องยนต์รหัส ‘M178’ เป็นบล็อก V8 bi-turbo ความจุ 3,982 ซีซี ตัวเทอร์โบใช้โข่งไอเสีย Twin-scroll จัดวางตรงกลางระหว่างเสื้อสูบตัววี ให้แรงขับเคลื่อนกังหันเทอร์ไบน์ตั้งแต่รอบต่ำ จึงให้การตอบสนองที่ฉับไว ปั่นด้วยรอบสูงสุดถึง 186,000 รอบ/นาที สร้างบูสท์ในระดับ 1.35 บาร์ กลไกภายในเครื่องยนต์ อัพเกรดในเรื่องวัสดุหลายรายการ ด้วยมาตรฐานเดียวกับเครื่องยนต์ในรถแข่ง อาทิ เพลาข้อเหวี่ยงเปลี่ยนมาใช้เหล็ก Forced, ใช้ปลอกสูบที่ผลิตจากเทคโนโลยี NANOSLIDE เป็นต้น Mercedes-AMG GT 63 S 4MATIC+’ มาพร้อมแรงม้า 639 hp ที่ 5,500-6,500 รอบ/นาที พร้อมแรงบิดมหาศาล 900 Nm ที่ 2,500-4,500 รอบ/นาที
การโมเครื่องยนต์ ‘M178’ โดยวิศวกร Brabus เริ่มต้นที่ด้วยการขยายปริมาตรกระบอกสูบจาก 3,982 ซีซี ไปที่ 4,407 ซีซี (เพิ่มทั้ง Bore และ Stroke) อัพเกรดทั้งลูกสูบและก้านสูบใหม่หมด จากนั้นขยายโข่งเทอร์โบฝั่งคอมเพรสเซอร์ บูสท์ขยับมาที่ 1.4 บาร์ พละกำลังเพิ่มขึ้นเป็น 900 hp ที่ 6,200 รอบ/นาที แรงบิดสูงสุดไปได้ถึง 1,250 Nm ที่ 2,900 รอบ/นาที แต่ถูกล็อกไว้ที่ 1,050 Nm เพื่อไม่ให้เกียร์ต้องรับแรงบิดที่สูงเกินไป
Mercedes-AMG GT 63 S 4MATIC+ มีน้ำหนักตัวราว 2,045 กิโลกรัม ทำอัตราเร่ง 0-100 กม./ชม. ใช้เวลา 3.2 วินาที ท็อปสปีด 315 กม./ชม. มีค่า CO2 ระดับ 256-252 กรัม/กิโลเมตร และอัตราสิ้นเปลืองเฉลี่ย 8.90-9.09 กิโลเมตร/ลิตร สำหรับ ROCKET 900 มาพร้อมน้ำหนัก 2,120 กิโลกรัม ทำอัตราเร่งผ่าน 0-100, 0-200 และ 0-300 กม./ชม. ด้วยเวลา 2.8, 9.7 และ 23.9 วินาที ตามลำดับ ความเร็วสูงสุดขยับไปที่ 330 กม./ชม. Brabus แจ้งตัวเลขอัตราสิ้นเปลืองน้ำมันเชื้อเพลิงเฉลี่ย ของ ROCKET 900 ออกมาที่ 8.69 กิโลเมตร/ลิตร พร้อมตัวเลข CO2 ระดับ 260 กรัม/กิโลเมตร
ระบบเกียร์ของ ROCKET 900 ยังคงอ้างอิงตาม Mercedes-AMG GT 63 S 4MATIC+ โดยวิศวกร Mercedes-AMG จับเกียร์ ‘9G-TRONIC’ ซึ่งเป็นเกียร์อัตโนมัติ 9 สปีด มาถอดชุดทอร์คอนเวอร์เตอร์ออก แทนที่ด้วยชุดคลัตช์คู่ (MCT: Multi Clutch Technology) ที่ตอบสนองได้ฉับไวยิ่งขึ้น พร้อมเปลี่ยนชื่อเป็น AMG SPEEDSHIFT MCT 9G สำหรับระบบขับเคลื่อนใช้ 4MATIC+ ที่เซทอัตราส่วนการกระจายแรงขับเคลื่อนไปที่ล้อหลังมากเป็นพิเศษ ให้อารมณ์การขับขี่ที่ใกล้เคียงรถขับหลังแท้ ๆ มากยิ่งขึ้น
ระบบกันสะเทือน AMG RIDE CONTROL+ เป็นช่วงล่างถุงลมล่าสุดในรถ Mercedes-Benz โดดเด่นด้วยเทคโนโลยี Three-chamber Air Suspension เพิ่มห้องเก็บลมสำรอง ส่งผลให้ช่วงล่างตอบสนองสภาพผิวถนนได้เร็วขึ้น รองรับการใช้งานในทุกย่านความเร็ว สำหรับช่วงล่างใน ROCKET 900 วิศวกร Brabus ปรับแต่งซอฟต์แวร์เพิ่มเติม จากนั้นจับโหลดลง 25 มิลลิเมตร จากนั้นใช้ชื่อช่วงล่างของ ROCKET 900 ว่า BRABUS AIRMATIC SPORT พร้อมให้ความสบายสูงสุดกับการเดินทางด้วยความเร็วปกติ ต่อเนื่องไปจนถึงให้การบังคับควบคุมและการเข้าโค้งที่แม่นยำ ในสนามแข่ง
ROCKET 900 หยุดความพยศของม้าทั้ง 900 ตัว ด้วยชุดเบรก Carbon Ceramic คู่หน้าใช้จานเบรก 402 x 39 มิลลิเมตร ส่วนคู่หลังใช้ขนาด 360 x 32 มิลลิเมตร ปิดท้ายด้วยล้อ forged ต่างขนาด ในชื่อรุ่น Brabus Monoblock Z ‘Platinum Edition’ ด้านหน้า 10.5 x 21 นิ้ว พร้อมยาง 295/30 ZR21 และด้านหลัง 12 x 22 นิ้ว บวกยาง 335/25 ZR22 โดยล้อจะถูกครอบทับไว้ด้วยแผ่น Aero Discs ที่ผลิตจากคาร์บอนไฟเบอร์เช่นเดียวกับพาร์ทแอร์โร่ไดนามิคอีกหลายชิ้น