BUGATTI W16 Mistral ว่าที่ Roadster ที่ทรงพลังที่สุดในปฐพี

807 จำนวนผู้เข้าชม  | 

ข้อมูล : Bugatti Automobiles S.A.S.
เรียบเรียง : Pitak Boon

ขุมพลัง W16 quad-turbo กลายเป็นหัวใจของซูเปอร์คาร์ยุคใหม่ทุกโมเดล จาก BUGATTI นับตั้งแต่ Veyron ไล่เรียงมาที่ Chiron ต่อเนื่องมาจนถึงซูเปอร์คาร์เปิดหลังคาคันล่าสุด W16 Mistral ซึ่งมาพร้อมสโลแกน ‘The ultimate roadster’ อันหมายถึง ความเป็นที่สุดในทุกรายละเอียด และหากย้อนรอยรถเปิดหลังคาจากค่ายนี้ จะพบตำนานที่ได้เริ่มต้นไว้ตั้งแต่ปี 1934 กับโมเดล Type 57 Roadster Grand Raid รถคลาสสิกที่ยังคงความงาม และเป็นรถสะสม ของนักเลงรถระดับมหาเศรษฐีทั่วโลก ซึ่ง W16 Mistral ก็จะทรงคุณค่าไม่แตกต่างกันในอนาคต เพราะ BUGATTI ตั้งเป้าผลิตเพียง 99 คัน กับสนนราคา 5 ล้านยูโร (183,180,000 บาทไทย แบบยังไม่รวมภาษีนำเข้า) เท่านั้นเอง

 


รถเปิดหลังคาคันสุดท้ายจาก BUGATTI ก่อนการมาของ W16 Mistral นั่นคือ Veyron 16.4 Grand Sport Vitesse ทำสถิติเร็วที่สุดในโลกไว้ 254.4 ไมล์/ชม. (408.84 กม./ชม.) ในปี 2013 จากเครื่องยนต์ W16 quad-turbo ขนาด 8 ลิตร แรงระดับ 1,200 PS สำหรับ W16 Mistral ซึ่งใช้เครื่องยนต์บล็อกเดียวกันที่รับการปรับแต่งเพิ่มเติม คาดว่าจะปิดตัวเลขแรงม้าที่ระดับ 1,600 PS ดังนั้นท็อปสปีดของ W16 Mistral สามารถไต่ไปแตะระดับ 420 กม./ชม. ได้แบบไม่ยากเย็น

 


W16 Mistral ได้รับการต่อยอดบนพื้นฐานของ Chiron หรือเป็น Chiron ที่ไร้โครงหลังคา รวมทั้งหั่นเสา A ให้สั้นลงเล็กน้อย ส่งผลให้มวลลมขณะเคลื่อนผ่านส่วนบนของตัวถัง ถูกดักเข้าไปป้อนให้กับเครื่องยนต์บิ๊กบล็อกได้อย่างเต็มที่ ซึ่งวิศวกรคำนวณออกมาได้ราว 70,000 ลิตร (of air) ต่อนาที

 
เครื่องยนต์ W16 quad-turbo เทอร์โบทั้ง 4 ตัว ได้รับการปรับแต่งวงจรใหม่ เป็นแบบ 2-stage นับตั้งแต่ประจำการใน Chiron เพื่อลดอาการ Turbo-lag ให้ความต่อเนื่องในการอัดอากาศตั้งแต่รอบเดินเบา ใช้เทอร์โบ 2 ลูก ทำงานในรอบต่ำ เมื่อรอบเครื่องสูงกว่า 3,800 รอบ/นาที เทอร์โบอีก 2 ลูก จะช่วยเสริมแรงอัดต่อจนถึง redline ประสิทธิภาพจาก quad-turbo ถูกระบุมาด้วยตัวเลขปริมาตรอากาศสูงกว่า 60,000 ลิตร (of air) ต่อนาที ที่จะลำเรียงเข้าห้องเผาไหม้ให้ทันความต้องการของเครื่องยนต์ขนาด 8 ลิตร ในทุกย่านความเร็ว

 


ขณะที่ระบบจ่ายน้ำมันเชื้อเพลิง ใช้หัวฉีด 2 ตัว/สูบ เบ็ดเสร็จรวม 32 หัวฉีด แรงบิดสูงสุดน่าจะไม่ต่ำกว่า 1,600 Nm ที่ 2,000-6,000 รอบ/นาที (ขณะเขียนบทความนี้ ยังไม่มีสเป็คอย่างเป็นทางการ) ส่วนประกอบเครื่องยนต์ถูกยกระดับด้วยวัสดุน้ำหนักเบา ทั้งคาร์บอนไฟเบอร์ และไทเทเนียม ในส่วนของคาร์บอนไฟเบอร์ ถูกใช้งานกับชุดท่อร่วมไอดี และฝาครอบชุดโซ่ไทม์มิ่ง ฯลฯ สำหรับไทเทเนียมใช้กับอุปกรณ์ทั้งหมดของระบบท่อไอเสียแทนที่ Stainless Steel ได้แก่ ชุดหม้อพัก และแคตตาไลติกจำนวน 6 ตัว เฉพาะระบบไอเสีย ลดน้ำหนักร่วม 20 กิโลกรัม เมื่อเทียบกับระบบไอเสียที่ใช้เหล็กสแตนเลส


W16 Mistral ใช้โครงสร้างโมโนค็อกเช่นเดียวกับ Chiron เป็นโครงสร้างคาร์บอนไฟเบอร์ทั้งชุด เริ่มต้นที่งานผลิตชิ้นงานคาร์บอนไฟเบอร์ในแต่ละเลเยอร์ จากนั้นจึงนำมาอัดเข้าด้วยกันเป็นชิ้นส่วนของตัวถัง ซึ่งใน W16 Mistral (และ Chiron) แต่ละชิ้นจะใช้คาร์บอนไฟเบอร์รวมทั้งหมด 6 เลเยอร์ ดังนั้น โครงสร้างคาร์บอนไฟเบอร์ของรถ 1 คัน BUGATTI ใช้เวลาในการผลิตนานถึง 4 สัปดาห์ เป็นงานผลิตระดับ Craftsmanship ที่เน้นความละเอียดและพิถีพิถันในทุกขั้นตอน โครงสร้างใหม่ให้ตัวได้มากยิ่งขึ้น ทนทานต่อการดัด (Flexural Rigidity) ได้ในระดับ 0.25 มิลลิเมตร/ตัน และผ่านมาตรฐานความปลอดภัยระดับเดียวกับรถแข่ง

 

ระบบกันสะเทือนยกชุดมาจาก Chiron ใช้แบบอิสระปีกนกคู่ ทำงานร่วมกับสตรัททั้ง 4 ล้อ มาพร้อมโช้คอัพไฟฟ้าแปรผันการทำงานตามความเร็วรถ จากนั้นเพิ่มความเร็วในขณะทะยานออกจากโค้งด้วยระบบ Dynamic Torque Vectoring ในส่วนของระบบเบรก ต้นสังกัดยังไม่ได้เปิดข้อมูลอย่างเป็นทางการ แต่กูรูคาดการณ์ว่า จะไม่แตกต่างจาก Chiron ซึ่งใช้วัสดุ Carbon Silicon Carbide ในการผลิตจานเบรก (Special Carbon Ceramic Brake Discs) ให้ความเบา พร้อมต้านทานการสึกกร่อนได้ดียิ่งขึ้น จานคู่หน้าขนาด 420 มิลลิเมตร ส่วนคู่หลังขนาด 400 มิลลิเมตร คู่หน้าใช้คาลิเปอร์แบบ 8 pot และใช้ผ้าเบรกถึง 4 ชุด ตัวลูกสูบในคาลิเปอร์ผลิตจากไทเทเนียม เฉพาะตัวคาลิปเปอร์อะลูมิเนียมอย่างเดียวมีน้ำหนัก 5.7 กิโลกรัม สำหรับคู่หลังใช้คาลิเปอร์แบบ 6 pot พร้อมผ้าเบรกอีก 2 ชุด

 
ผู้อ่านท่านใด ปรารถนาครอบครอง W16 Mistral กับค่าตัวระดับ 5 ล้านยูโร (ไม่รวมภาษีนำเข้า) และพร้อมเซ็นเช็คจองในทันที ทางเราต้องขอแสดงความเสียใจ!!! เพราะ ‘ว่าที่ Roadster ที่ทรงพลังที่สุดในปฐพี’ จาก BUGATTI โมเดลล่าสุด จำนวน 99 คัน ได้ขายหมดเกลี้ยงตั้งแต่ก่อนเปิดแถลงข่าว โดย W16 Mistral พร้อมจัดส่งถึงมือลูกค้าราวปี 2024.

 

 

Powered by MakeWebEasy.com
เว็บไซต์นี้มีการใช้งานคุกกี้ เพื่อเพิ่มประสิทธิภาพและประสบการณ์ที่ดีในการใช้งานเว็บไซต์ของท่าน ท่านสามารถอ่านรายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ นโยบายความเป็นส่วนตัว  และ  นโยบายคุกกี้