Lamborghini Revuelto || เปิดสมการใหม่ V12 Engine + 3-motors = 1,015 PS

745 จำนวนผู้เข้าชม  | 

ข้อมูล : Automobili Lamborghini S.p.A.
เรียบเรียง : Pitak Boon

 

ในยุคที่ซูเปอร์คาร์ถูกควบคุมด้วยมาตรฐานมลพิษ ทางออกของขุมพลังบิ๊กบล็อกในรถสมรรถนะสูงเหล่านี้จะเป็นไปในทิศทางใด เพราะเพียงเครื่องยนต์บ้าพลังคงผ่าน Emission Control ที่เข้มงวดขึ้นได้ยาก ผู้ผลิตรถสมรรถนะสูงหลายค่ายใช้แนวทาง Engine Downsizing ลดความจุเครื่องยนต์ลงแล้วอัพพลังต่อด้วยเทอร์โบ บางค่ายจำใจโบกมือลา ICE แล้วหันไปพัฒนา Electric Supercars เตรียมไว้ล่วงหน้าหลายปี เพราะไม่ว่าจะเร็วหรือช้า รถยนต์ก็ต้องเปลี่ยนผ่านมาขับเคลื่อนด้วยมอเตอร์ไฟฟ้าทั้งหมด แต่ข้างต้นยังไม่ใช่ทางเลือกสำหรับ LAMBO ในวันนี้



 

เครื่องยนต์ V12 NA (Naturally Aspirated) กลายเป็นตำนานคู่กับซูเปอร์คาร์รุ่นท็อปจาก LAMBO เมื่อได้ฤกษ์ปลดระวาง Aventador ที่ลงถนนมากว่า 10 ปี เพื่อแทนที่ด้วย Revuelto อันเป็น flagship โมเดลล่าสุดจากค่ายกระทิง ขุมพลัง V12 NA ยังได้ไปต่อ แต่รอบนี้ถูกอัพเกรดไปเป็น V12 hybrid HPEV (High Performance Electric Vehicle) วิศวกรนำเครื่องยนต์ V12 NA มาทำงานร่วมกับมอเตอร์ไฟฟ้าจำนวน 3 ตัว โดยใช้รูปแบบของรถ PHEV (Plug-in Hybrid Electric Vehicle)
 
เครื่องยนต์รหัส ‘L545’ ใน Revuelto ได้รับการพัฒนาต่อจากเครื่องยนต์ V12 รหัส ‘L539’ ของ Aventador ยังคงเป็นเครื่องหายใจเอง ขนาดความจุ 6,498.5 ซีซี ใช้อัตราส่วนกำลังอัด 12.6:1 เพิ่มจาก 11.8:1 ของ Aventador ให้พละกำลังสูงถึง 825 PS ที่ 9,250 รอบ/นาที แรงบิดสูงสุด 725 Nm ที่ 6,750 รอบ/นาที โดยรอบเครื่องสูงสุดขยับจาก 8,250 รอบ/นาที ไปที่ 9,500 รอบ/นาที ถัดจากเครื่องยนต์เป็นเกียร์คลัตช์คู่ DTC 8-สปีด ลูกใหม่ ที่พ่วงมาด้วยมอเตอร์ (eMotor) ขนาด 110 kW ที่ 10,000 รอบ/นาที พร้อมแรงบิด 150 Nm โดยทั้งเครื่องยนต์ V12 และ eMotor รับหน้าที่ขับเคลื่อนล้อหลัง 


ขณะที่ล้อหน้า จะถูกขับเคลื่อนโดยมอเตอร์คู่หน้า (e-axle) ให้กำลังรวม 220 kW ที่ 3,500 รอบ/นาที ดังนั้น Revuelto จึงขับเคลื่อนในรูปแบบ Electric four-wheel drive แทนที่ระบบขับเคลื่อนแบบกลไกใน Aventador ได้อย่างลงตัว เบ็ดเสร็จแรงม้ารวมจากระบบไฮบริดปิดตัวเลขไว้ที่ 1,015 PS วิศวกร LAMBO การันตีว่า จากความช่วยเหลือของมอเตอร์ เครื่องยนต์ V12 NA จะลดการปล่อย CO2 ได้ไม่น้อยกว่า 30% เมื่อเทียบกับ Aventador LP780-4 Ultimae

 
ในตำแหน่งอุโมงค์เพลาเป็นที่อยู่ของแบตเตอรี่ระบบไฮบริด แบบลิเทียม-ไอออน ขนาดความจุ 3.8 kWh มีขนาด ความยาว x ความสูง x ความกว้าง ที่ 1,550 x 301 x 240 มิลลิเมตร รองรับการชาร์จจากภายนอกด้วยกำลังไฟสูงสุด 7 kW สำหรับสมรรถนะจากโรงงาน Revuelto ทำอัตราเร่ง 0-100 กม./ชม. เร็วเพียง 2.5 วินาที ท็อปสปีดแจ้งมาที่ >350 กม./ชม.


โครงสร้าง Monocoque ของ Revuelto นับเป็นนวัตกรรมล่าสุดของวงการซูเปอร์คาร์ ใช้ชื่อ ‘Monofusolage’ เมื่อเทียบกับโครงสร้าง Monocoque ของ Aventador จะเป็นการเพิ่มสัดส่วนของคาร์บอนไฟเบอร์ (CFRP: Carbon Fiber Reinforcement Plastic) เข้าไป นอกเหนือจากส่วน Passenger Cell หรือส่วนห้องโดยสาร โดยเฉพาะท่อนหน้ารถ Monofusolage อัพเกรดมาใช้คาร์บอนไฟเบอร์แบบ 100% (ท่อนหน้าของ Aventador ใช้โครงสร้างอะลูมิเนียม) ส่งผลให้ท่อนหน้าของ Revuelto เบาขึ้น 20% และภาพรวมโครงสร้างทั้งชุดเบาขึ้น 10% ขณะที่โครงสร้างท่อนหลังยังคงเป็นอะลูมิเนียม (High-strength Aluminium Alloys) รับหน้าที่หิ้วเครื่องยนต์ กระปุกเกียร์ และเป็นจุดยึดให้กับช่วงล่าง โครงสร้าง Monofusolage รองรับแรงบิดสูงสุด 40,000 Nm/degree เพิ่มขึ้น 25% เมื่อเทียบกับ Aventador ทั้งหมดส่งผลให้ Revuelto มีน้ำหนักทั้งคันอยู่ที่เพียง 1,772 กิโลกรัม แม้จะมีน้ำหนักของอุปกรณ์ไฮบริดและแบตเตอรี่เพิ่มเข้ามา
 



ดีไซน์ของ LAMBO Revuelto ยังคงได้รับอิทธิพลจาก Aventador แต่ทีมออกแบบปรับแต่งให้ดูทันสมัยขึ้นด้วย Y-shape Design ผลลัพธ์ที่ได้เป็นเรื่องของอากาศพลศาสตร์ ช่องรับลมขนาดใหญ่ตามส่วนต่าง ๆ บนตัวถัง ออกแบบตามหลักแอร์โร่ไดนามิค ทำงานได้อย่างเต็มประสิทธิภาพในทุกย่านความเร็ว ปีกหลังคงรูปแบบ Active Rear Wing ที่ปรับการกางต้านลมได้ 3 ระดับองศา ท้ายรถโดดเด่นด้วยดิฟฟิวเซอร์คาร์บอนไฟเบอร์ชิ้นใหญ่ แอร์โร่ไดนามิคบนตัวถังของ Revuelto สร้าง downforce ให้ท่อนหน้ารถได้เพิ่มขึ้นถึง 33% และสร้างแรงกดตัวถังในความเร็วสูงได้เพิ่มขึ้นถึง 74% เมื่อเทียบกับ Aventador LP780-4 Ultimae





ทั้งหมดเป็นข้อมูลเปิดตัวของ LAMBO Revuelto เรื่องที่รอตามกันต่อ คือผลการทดสอบในด้านต่าง ๆ สมรรถนะดีขึ้นแน่นอนเมื่อเทียบกับ Aventador แต่สายรักษ์โลกก็อยากรู้ว่า เมื่อมีมอเตอร์ไฟฟ้ามาช่วยขับเคลื่อนถึง 3 ตัว ค่า CO2 ที่ปล่อยออกมากับไอเสียจะลดเหลือระดับใด อีกทั้งเรื่องอัตราสิ้นเปลืองก็น่าสนใจไม่น้อย เพราะกำลังรวมจากมอเตอร์ไฟฟ้าเข้าขั้นมหาศาล ใน EV Mode สามารถขับเคลื่อนรถได้แบบสบาย ๆ ซึ่งนั่นจะทำให้การใช้งานในชีวิตประจำวัน เครื่องยนต์ V12 อาจทำหน้าที่เพียงแค่เครื่องปั่นไฟ ไม่แตกต่างจากระบบไฮบริดยุคก้าวหน้าที่ใช้งานกันอยู่ในปัจจุบัน

 

Powered by MakeWebEasy.com
เว็บไซต์นี้มีการใช้งานคุกกี้ เพื่อเพิ่มประสิทธิภาพและประสบการณ์ที่ดีในการใช้งานเว็บไซต์ของท่าน ท่านสามารถอ่านรายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ นโยบายความเป็นส่วนตัว  และ  นโยบายคุกกี้