มพศ. ชวน สปสช. ลงพื้นที่ร่วมหาทางออก แรงงาน-คนไร้บ้าน เข้าไม่ถึงสิทธิสุขภาพ

32 จำนวนผู้เข้าชม  | 

มพศ. ชวน สปสช. ลงพื้นที่สำรวจสถานการณ์สุขภาพกลุ่มแรงงานไทยย่านกีบหมู – กลุ่มคนไร้บ้านในศูนย์พักพิง พบปัญหาเข้าไม่ถึงสิทธิ-บริการสุขภาพ เสนอจัดตั้ง “จุดประสานงาน” ในพื้นที่ เชื่อมโยงการให้บริการด้วย นวัตกรรมบริการ “สถานีเทเลเมดิซีน” ใช้สิทธิบัตรทอง พร้อมหนุนจัดอบรมคนไร้บ้านในศูนย์พักพึ่งเป็น Care Giver เพื่อดูแลซึ่งกัน
 
มูลนิธิพัฒนาที่อยู่อาศัย (มพศ.) นำ นพ.จเด็จ ธรรมธัชอารี เลขาธิการสำนักงานหลักประกันสุขภาพแห่งชาติ (สปสช.) พร้อมด้วย รศ.ภญ.ดร.ยุพดี ศิริสินสุข รองเลขาธิการ สปสช. และคณะเจ้าหน้าที่ สปสช. ลงพื้นที่สำรวจสถานการณ์สุขภาพของกลุ่มแรงงานเสี่ยงไร้บ้านในย่านกีบหมู เขตคลองสามวา และศูนย์คนไร้บ้านสุวิทย์ วัดหนู เขตบางกอกน้อย เมื่อวันที่ 4 กันยายน 2568 ที่ผ่านมา โดยมี นางสาววรรณา แก้วชาติ กรรมการหลักประกันสุขภาพแห่งชาติ ตัวแทนเครือข่ายภาคประชาชน ผู้ประสานงาน มพศ. ร่วมลงพื้นที่ในครั้งนี้


 

ทั้งนี้ กลุ่มผู้ใช้แรงงานในย่านกีบหมูส่วนใหญ่เป็นแรงงานคนไทยจากจังหวัดภาคอีสานใต้ และอาศัยอยู่รวมกันเป็นครอบครัว ซึ่งส่วนใหญ่ไม่ได้ย้ายสิทธิหลักประกันสุขภาพแห่งชาติ (บัตรทอง 30 บาท) มาที่หน่วยบริการในกรุงเทพฯ ทำให้การเข้ารับบริการมีความไม่สะดวก และปัญหาสุขภาพที่พบส่วนใหญ่ จะเกี่ยวข้องกับการทำงาน เช่น อาการกล้ามเนื้ออักเสบ กล้ามเนื้ออ่อนแรง เป็นต้น โดยการรักษาจะเลือกวิธีซื้อยาจากร้านขายยามากินเอง หรือเข้ารับการรักษาที่คลินิกในพื้นที่มากกว่าการไปรับบริการที่โรงพยาบาล เนื่องด้วยค่ารถเดินทางสูงและต้องเสียเวลาทำงานที่กระทบต่อรายได้ นอกจากนี้ยังพบว่าร้านยาและคลินิกที่ตั้งอยู่ในพื้นที่ก็ไม่ได้เข้าร่วมเป็นหน่วยนบริการวัตกรรมในระบบบัตรทอง ส่งผลให้คนไทยเหล่านี้ยังคงต้องรับภาระค่าใช้จ่ายเอง
 
ขณะที่กลุ่มคนไร้บ้านในพื้นที่ ส่วนใหญ่จะเป็นผู้สูงอายุและมีโรคประจำตัว แม้ว่าจะเข้ารับการรักษาที่หน่วยบริการสุขภาพในพื้นที่ได้ แต่การใช้ชีวิตประจำวันยังต้องพึ่งพาการช่วยเหลือกันเองอยู่ นอกจากนี้กลุ่มคนเหล่านี้ยังมีความต้องการสร้างรายได้ การพัฒนาที่อยู่อาศัย และเสริมศักยภาพต่างๆ เพื่อให้สามารถดำรงชีวิตได้อย่างมั่นคงและพึ่งพาตนเองได้
 
นายนันทชาติ หมูศรีแก้ว ผู้จัดการมูลนิธิพัฒนาที่อยู่อาศัย (มพศ.) กล่าวให้ข้อมูลว่า มพศ. ทำงานร่วมกับกลุ่มคนไร้บ้าน ซึ่งแบ่งได้เป็น 2 กลุ่มหลัก คือ 1. กลุ่มที่พักอาศัยอยู่รวมกันในศูนย์พักพิง และ 2. กลุ่มที่หากไม่ได้รับการช่วยเหลือหรือไม่มีหลักประกันในชีวิตก็มีความเสี่ยงที่จะกลายเป็นคนไร้บ้าน โดยแรงงานในย่านกีบหมูถือเป็นหนึ่งในกลุ่มเสี่ยงดังกล่าว ดังนั้นเป้าหมายสำคัญของการทำงานของ มพศ. คือ การทำให้คนกลุ่มนี้สามารถเข้าถึง “หลักประกันในชีวิต” ทั้งในด้านที่อยู่อาศัย สุขภาพ และรายได้ที่เพียงพอต่อการยังชีพ
 
“การเชิญ สปสช. ลงพื้นที่ในครั้งนี้ มีเป้าหมายเพื่อให้เห็นปัญหาที่เกิดขึ้นจริง และร่วมกันหาแนวทางทำงาน เช่น การตั้งจุดประสานงานเพื่อให้แรงงานในย่านดังกล่าวสามารถเข้าถึงข้อมูลและบริการด้านสุขภาพได้มากขึ้น รวมถึงการนำนวัตกรรมใหม่ของ สปสช. มาประยุกต์ใช้ในพื้นที่” ผู้จัดการ มพศ. กล่าว

นายนันทชาติ กล่าวเพิ่มเติมว่าว ส่วนกลุ่มคนไร้บ้านที่พักอยู่ในศูนย์ฯ นั้น ส่วนใหญ่เป็นผู้สูงอายุและบางรายมีปัญหาสุขภาพ หากมีการฝึกอบรมผู้ดูแล (Care Giver) ในกลุ่มคนไร้บ้านที่พักในศูนย์ฯ แห่งนี้ ก็จะช่วยให้คนไร้บ้านสามารถพัฒนาศักยภาพในการดูแลกันเองได้ ขณะเดียวกันผู้ป่วยที่มีภาวะพึ่งพิงซึ่งเกินความสามารถในการดูแลกันเอง อาจต้องอาศัยการประสานงานร่วมกับภาคีที่เกี่ยวข้อง เพื่อให้หน่วยงานที่สามารถเข้ามารับช่วงและสนับสนุนการดูแลได้อย่างต่อเนื่อง


 
ด้าน นพ.จเด็จ กล่าวว่า การลงพื้นที่วันนี้ทำให้รับรู้สถานการณ์ ซึ่งมีหลายประเด็นที่ สปสช. สามารถทำงานร่วมกับ มพศ. เพื่อเติมเต็มการดูแลสุขภาพให้กลุ่มเปราะบางได้ เช่น จัดทำ “แผนที่ชุมชน” ในย่านกีบหมูเพื่อระบุว่าพื้นที่ใดมีผู้ป่วยหรือผู้ที่ต้องได้รับการดูแล พร้อมประสานการบริการให้เข้าถึงได้อย่างเหมาะสม โดย มพศ. จะจัดตั้ง “จุดประสานงาน” เพื่อทำหน้าที่เชื่อมโยงบริการของ สปสช. อาทิ ร้านยาชุมชนอบอุ่น คลินิกชุมชนอบอุ่น บริการเทเลเมดิซีน รวมถึงการประสานรับ-ส่งต่อกับหน่วยงานที่มีรถนำส่งผู้ป่วยไปโรงพยาบาล และช่วยอำนวยความสะดวกในเรื่องการย้ายสิทธิไปยังโรงพยาบาลในพื้นที่


 
นอกจากนี้ ยังมีแนวทางส่งเสริมให้แรงงานหรือผู้ติดตามบางส่วนเข้ารับการอบรมเป็นผู้ช่วยเหลือดูแลผู้มีภาวะพึ่งพิง (Care Giver) เพื่อช่วยดูแลแรงงานด้วยกันเอง คาดว่าย่านกีบหมูมีแรงงานราว 10,000 คน ซึ่งตามสถิติจะมีผู้ป่วยติดบ้านติดเตียงประมาณ 1% หรือราว 100 คน และต้องการ Care Giver ประมาณ 20-30 คน หากดำเนินการได้ตามแผน เชื่อว่าจะช่วยเพิ่มการเข้าถึงบริการสุขภาพได้อย่างมีประสิทธิภาพ
 


“การดูแลกลุ่มคนไร้บ้านในศูนย์พักพิงฯ มีระบบจัดการที่ดี สะอาดร่มรื่น แต่ด้านสุขภาพจำเป็นต้องมี “หน่วยประสานบริการ” โดยผู้บริหารศูนย์พักพิงทำหน้าที่ประสาน ในการจัด “สถานีเทเลเมดิซีน” เพื่อให้บริการอาการเจ็บป่วยเล็กน้อย ควบคู่ไปกับอบรมคนไร้บ้านเป็น Care Giver ซึ่งไม่เพียงช่วยดูแลซึ่งกันและกันได้ดีขึ้น แต่ยังเป็นการสร้างอาชีพและรายได้ในระยะยาวด้วย” เลขาธิการ สปสช. กล่าว


Powered by MakeWebEasy.com
เว็บไซต์นี้มีการใช้งานคุกกี้ เพื่อเพิ่มประสิทธิภาพและประสบการณ์ที่ดีในการใช้งานเว็บไซต์ของท่าน ท่านสามารถอ่านรายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ นโยบายความเป็นส่วนตัว  และ  นโยบายคุกกี้