1760 จำนวนผู้เข้าชม |
โดย...อัฐฒา นายเรือ
หลังจากที่ บีเอ็มดับเบิลยู กรุ๊ป ประเทศไทย ได้เปิดตัว มินิ คันทรีแมน เจเนอเรชั่นที่สอง ในงานมอเตอร์โชว์ช่วงต้นปีที่ผ่านมา มาคราวนี้ได้จัดให้ผู้สื่อข่าวได้สัมผัสตัวจริงกันบนเส้นทางรอบ ๆ อำเภอหัวหิน ทั้งในรูปแบบทางเรียบ และทางฝุ่นเพื่อรับทราบสมรรถนะอันแท้จริงของรถประเภท SAV หรือ SPORT ACTIVITY VEHICLE ขับเคลื่อนล้อคู่หน้า มาพร้อมขุมพลังของเครื่องยนต์ MINI TwinPower Turbo ตัวล่าสุดที่ช่วยเพิ่มสมรรถนะในการขับขี่และการตอบสนองที่ดีขึ้น
มินิ คันทรีแมน เปิดตัวอย่างเป็นทางการในประเทศไทยทั้งหมด 3 รุ่นด้วยกัน
มินิ คูเปอร์ คันทรีแมน เครื่องยนต์เบนซิน 3 สูบ ขนาด 1.5 ลิตร ให้กำลังสูงสุด 136 แรงม้า มาพร้อมแรงบิดสูงสุด 220 นิวตันเมตร ที่ 1,400-4,300 รอบต่อนาที อัตราสิ้นเปลืองน้ำมันเชื้อเพลิงเฉลี่ยอยู่ที่ 16 กิโลเมตรต่อลิตร ระดับการปล่อย CO2 เพียง 148 กรัมต่อกิโลเมตร ทำงานร่วมกับระบบเกียร์อัตโนมัติ 6 จังหวะ
มินิ คูเปอร์ เอส คันทรีแมน และ มินิ คูเปอร์ เอส คันทรีแมน ไฮทริม ขับเคลื่อนด้วยเบนซิน 4 สูบ ขนาด 2.0 ลิตร ให้กำลังสูงสุดถึง 192 แรงม้า พร้อมแรงบิดสูงสุด 280 นิวตันเมตร ที่ 1,350-4,600 รอบต่อนาที อัตราสิ้นเปลืองน้ำมันเชื้อเพลิงเฉลี่ยอยู่ที่ 16 กิโลเมตรต่อลิตร ระดับการปล่อย CO2 อยู่ที่ 143 กรัมต่อกิโลเมตร และทำงานร่วมกับระบบเกียร์อัตโนมัติ 8 จังหวะแบบสปอร์ต ล้ออัลลอยขนาด 18 นิ้ว เพื่อให้ขับขี่ได้สนุกทันใจ ซึ่งทำให้มินิทั้งสองรุ่นนี้มีสมรรถนะโดดเด่นเมื่อเทียบกลุ่มรถยนต์ระดับเดียวกัน
โดยตั้งราคาไว้ที่ พื้นฐาน คูเปอร์ 2,339,000 บาท คูเปอร์ เอส 2,699,000 บาท และ คูเปอร์ เอส ไฮทริม 2,999,000 บาท
มาพร้อมโปรแกรม MINI Service Inclusive อภิสิทธิ์พิเศษสุดสำหรับเจ้าของรถมินิ คุ้มครองรถให้ขับเคลื่อนไปในทุกเส้นทาง โดยไม่ต้องกังวลเรื่องค่าใช้จ่ายในการบำรุงรักษาตลอดระยะเวลา 5 ปี หรือตลอดระยะทาง 100,000 กิโลเมตร (ขึ้นอยู่กับกำหนดใดที่ถึงก่อน) นอกจากนี้ มินิยังมีโปรแกรมการรับประกันที่ขยายขอบเขตการคุ้มครองเป็นตลอดระยะเวลา 5 ปี ไม่จำกัดระยะทางอีกด้วย
รูปลักษณ์อันทรงพลังและแข็งแกร่ง
มินิ คันทรีแมน เจเนอเรชั่นที่สอง มีขนาดตัวที่ใหญ่และกว้างขึ้นกว่าเดิม ด้วยขนาดความยาวที่เพิ่มขึ้นถึง 20 เซนติเมตร ความกว้างเพิ่มขึ้นอีก 3 เซนติเมตร และฐานล้อที่ยาวขึ้น 7.5 เซนติเมตร มีผลทำให้พื้นที่ภายในห้องโดยสารกว้างขวางมากยิ่งขึ้น ทั้ง Head room และ Leg room รวมไปถึงช่องเก็บสัมภาระที่มีความจุเพิ่มขึ้นโดยมีความจุมากถึง 450 ลิตร และยังสามารถขยายขนาดเพิ่มขึ้นเป็น 1,309 ลิตร เมื่อทำการพับเบาะที่นั่งหลังซึ่งแยกกันที่สัดส่วน 40:20:40 เพื่อความสะดวกสบายและการใช้งานต่าง ๆ
การตกแต่งภายในห้องโดยสาร
มินิ คันทรีแมน โฉมใหม่ ส่วนการใช้วัสดุคุณภาพสูงและการคำนึงถึงการใช้งาน เช่น ไฟ LED ที่แต่งแต้มห้องโดยสารเพื่อสร้างหลากหลายอารมณ์แห่งการขับขี่ และพื้นที่เก็บสัมภาระกว้างขวาง พร้อมช่องเก็บขวดน้ำขนาดหนึ่งลิตรบริเวณข้างประตู ยังช่วยเสริมความกว้างและแต่งเติมบุคลิกของ มินิ คันทรีแมน โฉมใหม่ ให้มีความเฉพาะตัวยิ่งขึ้น
ฟีเจอร์ล่าสุดและนวัตกรรมใหม่
8.8” touch screen
หน้าจอขนาด 8.8 นิ้ว บริเวณกลางแผงคอนโซลของ มินิ คูเปอร์ เอส คันทรีแมน ไฮทริม โฉมใหม่ มาพร้อมระบบสัมผัส (ทัชสกรีน) เป็นครั้งแรก ซึ่งทำหน้าที่เป็นจอแสดงผลข้อมูลต่าง ๆ ไม่ว่าจะเป็น Navigation ข้อมูลของตัวรถ ความบันเทิง และโทรศัพท์ นอกจากนี้ยังมีฟังก์ชั่นต่าง ๆ ที่อำนวยความสะดวกให้แก่ผู้ขับขี่ ไม่ว่าจะเป็น MINI Country Timer ที่ช่วยตรวจจับและแสดงข้อมูลขณะขับขี่บนพื้นถนนที่ท้าทาย และ MINI Connected ที่เป็นเสมือนผู้ช่วยส่วนตัวในยามเดินทาง แสดงพิกัดของรถ และข้อมูลต่าง ๆ ผ่านการเชื่อมต่อกับสมาร์ทโฟน
MINI Logo Projection
ไฟ LED Welcome Light ซึ่งแสงไฟส่องจากใต้กระจกมองข้างฝั่งคนขับ ฉายโลโก้มินิบนพื้นทุกครั้งที่เปิดประตูเพื่อเริ่มต้นการเดินทางและเมื่อปิดประตูล็อครถ
Picnic Bench
บริเวณช่องเก็บสัมภาระด้านท้ายของมินิ คูเปอร์ คันทรีแมน และ มินิ คูเปอร์ เอส คันทรีแมน โฉมใหม่ มี MINI Picnic Bench ซึ่งสามารถกางออกเป็นที่นั่งปิกนิกสำหรับสองคนได้
Automatic operation of tailgate/Comfort access system with easy opener function
สามารถควบคุมการเปิดและปิดอัตโนมัติด้วยระบบไฟฟ้าเพียงใช้เท้าไปจ่อที่บริเวณใต้กันชนท้ายเมื่อมีกุญแจรถอยู่กับตัวเท่านั้น หรือสามารถเปิดด้วยปุ่มด้านประตูข้างคนขับและปิดด้วยปุ่มที่ฝากระโปรงท้าย
เริ่มต้นการทดลองขับอันเร้าใจสไตล์คันทรีแมน
หลังจากที่เราได้รับฟังข้อมูลรถรุ่นใหม่กันเป็นที่เรียบร้อยแล้ว เราก็ได้ทดลองขับรุ่น คันทรีแมน เอส ตัว 192 แรงม้า แรงบิด 280 นิวตัน-ม. มาที่รอบต่ำเพียง 1,350-4,600 รตน. โดยรถเราไปกันทั้งหมด 3 ท่านผลัดกันเป็นทั้งผู้ขับขี่และผู้โดยสาร มุ่งหน้าสู่เขื่อนปราณบุรีที่มีระยะทางไม่ไกลนัก แต่สภาพเส้นทางแบบชนบทอันสวยงาม มีโค้งมากมายให้ได้ลองสมรรถนะของช่างล่าง
ในการนั่งขับช่วงแรก ๆ มีความรู้สึกถึงระบบรองรับที่ค่อนข้างแข็งทีเดียวในสไตล์รถสปอร์ต ส่วนหนึ่งเป็นเพราะการเซ็ตระบบรองรับและใช้ยางแบบ รัน-แฟลท ขอบ 18 นิ้ว แต่พอมาเจอสภาพถนนที่ค่อนข้างโหด การเข้าโค้งในรูปแบบต่าง ๆ การขับบนถนนลูกรัง กลับกลายเป็นการควบคุมบังคับที่มั่นใจ ความนุ่มนวลอยู่ในเกณฑ์พอรับได้ ไม่แข็งกระด้างจนเกินไป
สมรรถนะของเครื่องยนต์เหลือเฟือ อัตราเร่งเร้าใจมากแต่เสียดายที่การเดินทางเป็นแบบคาราวานเลยไม่สามารถลองสมรรถนะได้อย่างเต็มที่ ได้แค่ลองในช่วงสั้น ๆ เสียงเครื่องยนต์แบบสปอร์ทที่ไพเราะมาก เพิ่มความเร้าใจในการขับขี่ การควบคุมบังคับแม่นยำ รวดเร็ว ในสไตล์ GO-KART FEELING
โหมดในการขับขี่มี 3 รูปแบบด้วยกัน ในโหมด SPORT จะให้การตอบสนองที่รวดเร็วทันใจ รอบจะค้างไว้ในตำแหน่งที่สูงขึ้น การเปลี่ยนไปสู่ตำแหน่งเกียร์ที่สูงช้าลง อัตราสิ้นเปลืองเชื้อเพลิงจะสูงขึ้นกว่าปกติบ้างตามสภาพการใช้งาน ส่วนอีก 2 โหมด คือ Mid อัตราเร่งจะอยู่ในเกณฑ์ปานกลาง แต่เร็วกว่าโหมด Green แม้ว่าจะสิ้นเปลืองเชื้อเพลิงที่สูงกว่า และโหมด Green ปรับการตอบสนองให้เป็นแบบรักษ์โลก อัตราเร่งแบบค่อยเป็นค่อยไป อัตราการสิ้นเปลืองในโหมดนี้จะต่ำที่สุดในบรรดา 3 โหมดที่กล่าวมา
ไฮไลท์ของการทดลองขับหลังจากที่ได้ลุยเส้นทางลูกรังสไตล์ครอสคันทรีคาราวานกันมาสักพักนึง ขบวนของเราได้มาจอดพักริมอ่างเก็บน้ำที่มีทิวทัศน์งดงาม เป็นจุดที่แสดงไลฟ์สไตล์ของ มินิ คันทรีแมน โดยเฉพาะเต็นท์ที่ออกแบบมาสำหรับรถมินิโดยเฉพาะ
ด้วยพื้นที่กว้างขวางที่สามารถรองรับผู้โดยสารรวมสัมภาระได้ถึง 5 คน มินิ คันทรีแมน โฉมใหม่ ยังเป็นรถยนต์ที่เหมาะสมต่อการเดินทางท่องเที่ยว ก้าวข้ามขีดจำกัดของการขับขี่ในเมือง เต็นท์หลังคา AUTOHOME พร้อมช่วยให้ผู้ขับขี่ได้ค้นพบประสบการณ์อันน่าทึ่งระหว่างการเดินทาง
รูปลักษณ์ที่ออกแบบตามหลักอากาศพลศาสตร์ของเต็นท์หลังคา ผสานรวมกับโครงสร้างเส้นใยแก้ว (fibre-glass) สร้างคุณสมบัติในการลดแรงต้านอากาศและเสียงรบกวนจากลม ฟีเจอร์อื่น ๆ ของตัวเต็นท์ยังรวมไปถึงที่นอนแบบหนาพิเศษ พร้อมผ้าปูที่นอนผ้าฝ้าย รับน้ำหนักได้ประมาณ 200 กก. ประตูและหน้าต่างอย่างละสองบาน พร้อมซิปสำหรับเปิด-ปิดมุ้งกันแมลงแบบ ตาละเอียด และไฟแอลอีดีแบบใส่ถ่านในตัวเต็นท์ รวมไปถึงตาข่ายและกระเป๋าสำหรับเก็บของใช้ส่วนตัว พร้อมบันไดอะลูมิเนียมสำหรับปีนขึ้นสู่หลังคาของ มินิ คันทรีแมน โฉมใหม่ ซึ่งอุปกรณ์พิเศษชุดนี้มีราคาประมาณ 100,000 บาท
หลังจากที่เราได้พักผ่อนริมทะเลสาบ และถ่ายรูปกันอย่างจุใจแล้ว เราก็ออกเดินทางต่อบนเส้นทางเรียบ ๆ บนทางหลวงกลับเข้าสู่โรงแรมที่พัก เป็นอันจบประสบการณ์อันแปลกใหม่น่าประทับใจสไตล์ มินิ คันทรีแมน ในครั้งนี้
ขอขอบคุณ บีเอ็มดับเบิลยู กรุ๊ป ประเทศไทย อำนวยความสะดวกตลอดการเดินทาง