716 จำนวนผู้เข้าชม |
เรื่อง : อัฐฒา นายเรือ
หลังจากที่ ฮอนด้า เอชอาร์-วี รุ่นแรกได้เผยโฉมในเมืองไทยในช่วงปี 2557 และทำยอดขายเป็นไปด้วยดีจนในบางช่วงผลิตไม่ทัน ได้รับความนิยมจากผู้ใช้ชาวไทยเป็นอย่างสูงมาโดยตลอด สามารถครองตำแหน่งยอดขายสูงสุดในตลาดเอสยูวีถึง 3 ปีซ้อน มียอดขายสะสมกว่า 66,000 คัน จนมาถึงช่วงที่ต้องการปรับแต่งเพิ่มยอดขายในช่วงที่สอง ทางฮอนด้าจึงได้นำเวอร์ชันแรกมาปรับในด้านความสวยงามและเพิ่มอุปกรณ์เพื่อการใช้งานและความปลอดภัยเสริมเขี้ยวเล็บให้กับรถรุ่นนี้ให้ยังคงสามารถแข่งขันในตลาดซึ่งในขณะนี้มี โตโยต้า ซีเอช-อาร์ ที่ค่อนข้างสดและมีรูปทรงบาดตาบาดใจวัยรุ่นเข้ามาเป็นผู้ท้าชิงโดยตรง
ในรุ่นไมเนอร์เชนจ์นี้แบ่งออกเป็น 3 รุ่นย่อยด้วยกันคือ E, EL และ RS ได้รับการปรับแต่งในด้านความสวยงามเพิ่มขึ้นหลายๆ จุดทั้งภายในและภายนอกรถ แตกต่างกันไปตามรายละเอียดของแต่ละรุ่น กันชนหน้า-หลัง และกระจังหน้าออกแบบใหม่ ไฟหน้าแบบ Full LED เบาะนั่งสไตล์สปอร์ทได้รับการออกแบบใหม่ ในส่วนของอุปกรณ์เพื่อความปลอดภัยได้เพิ่มขึ้นมาหลายอย่าง เช่น ระบบแสดงภาพมุมอับสายตาขณะเปลี่ยนเลน, ระบบเตือนและช่วยเบรกที่ความเร็วต่ำ และระบบลอครถอัตโนมัติเมื่อกุญแจรีโมทอยู่ห่างจากตัวรถ เป็นต้น
เราจะมาลองขับและใช้งานในฟังก์ชันต่างๆ ของ เอชอาร์-วี รุ่นปรับโฉมกัน โดยทาง บริษัท ฮอนด้า ออโตโมบิล (ประเทศไทย) จำกัด ได้จัดทริพต่างๆ ไว้ถึง 4 รูปแบบให้ผู้สื่อข่าวได้ไปลองรถพร้อมทำกิจกรรมต่างๆ ตามธีมที่ทางฮอนด้ากำหนดไว้ในแต่ละทริพ การทดลองขับของกลุ่มเราจะทำกิจกรรมเน้นไปทางด้านสุขภาพแนว Healthy โดยใช้ เอชอาร์-วี เป็นพาหนะนำเราในตามจุดต่างๆ ตลอดทั้งวัน รวมระยะทางราว 250 กม.
เริ่มสตาร์ทจากโชว์รูมฮอนด้า สาขาศรีอยุธยา ก่อนออกเดินทางมีการเล่นเกมส์สะสมแต้ม โดยต้องมีการปรับเบาะนั่งตามรูปแบบที่กำหนด แล้วเลือกของใช้รูปทรงต่างๆ มาวางในรถเพื่อรับคะแนนกันไป ต่อจากนั้นก็ออกเดินทางไปยังจุดแรกเป็นร้านขายอาหาร ของสดและของใช้แนวคลีนเพื่อสุขภาพอยู่แถวลาดพร้าว เมื่อได้ของครบเราก็ออกเดินทางต่อโดยใช้ทางด่วนบูรพาวิถี บางนา-บางปะกง โดยมีจุดหมายที่ 2 อยู่แถวๆ บางแสน
การเดินทางไปจุดที่ 2 ผมนั่งเป็นผู้โดยสารและคอยสังเกตุดูบุคลิกต่างๆ ของรถคันนี้โดยมีน้องนักข่าวที่ร่วมเดินทางคู่กันเป็นผู้ขับ ในขณะที่วิ่งบน บูรพาวิถี ใช้ความเร็วกันค่อนข้างสูงและมีกระแสลมที่แรงทีเดียว การเก็บเสียงที่ได้รับการปรับปรุงในหลายๆ จุดจากรุ่นแรกให้ความเงียบในห้องโดยสารอยู่ในเกณฑ์ที่ดี แต่จากการที่กระจกมองข้างมีขนาดค่อนข้างใหญ่มีผลต่อการปะทะและเกิดเสียงรบกวนจากลมเพื่อแลกกับทัศนวิสัยในการมองด้านข้างรถ ซ้าย-ขวา ที่ชัดเจน เอชอาร์-วี จัดว่าเป็นรถที่ให้ความสะดวกสบายกับผู้ขับขี่และผู้โดยสารทั้งที่ด้านหน้าและด้านหลัง อัตราเร่งอยู่ในเกณฑ์ที่ใช้ได้ ตอบสนองดี การเร่งแซงขณะวิ่งทางไกลเป็นไปด้วยดี
ที่ความเร็วสูงแต่ใช้รอบเครื่องยนต์ต่ำมีผลจากการใช้เกียร์แบบซีวีที ที่ 100 กม./ชม. เข็มวัดรอบชี้ที่ที่ตำแหน่งแค่ 1,500 รตน. เท่านั้นเอง และที่ความเร็ว 120 กม./ชม. ใช้รอบ 1,900 รตน. ซึ่งจะช่วยในเรื่องของการประหยัดเชื้อเพลิงและลดภาระการทำงาน รวมไปถึงการสึกหรอของเครื่องยนต์ลงไปได้มากทีเดียว
ใช้เวลาไม่นานนักเราก็มาถึงกิจกรรมที่ 2 ในวันนี้ ที่ ที่ Melon Café at JJ Melon Farm เพื่อประกอบอาหารที่เน้นเรื่องสุขภาพเป็นสำคัญ และรับประทานอาหารกลางวันกันที่นี่ และหลังจากรับประทานอาหาร พักผ่อนกันเป็นที่เรียบร้อยแล้ว เราก็ออกเดินทางเข้ามายัง กทม. กัน ยังเหลือกิจกรรมสุดท้ายคือ Treasure Spa กันแถว สยาม สแควร์ คราวนี้ผมเปลี่ยนมาเป็นผู้ขับขี่บ้าง เรายังคงพึ่งเส้นทางด่วนบูรพาวิถีในการเดินทางเช่นเดิม ช่วงบ่ายวันศุกร์การจราจรค่อนข้างหนาแน่นทีเดียว เราใช้ความเร็วส่วนใหญ่อยู่ที่ 100 – 120 กม./ชม.
จากพวงมาลัยที่ผ่อนแรงด้วยไฟฟ้าน้ำหนักค่อนข้างเบาและการเซทรถที่เน้นความนุ่มนวล นั่งสบาย ตัวรถที่ค่อนข้างสูงจากพื้น มีผลบ้างในการขับที่ความเร็วสูงๆ โดยเฉพาะที่เกิน 130 กม./ชม.ไปแล้ว ต้องตั้งใจขับอยู่พอสมควรโดยเฉพาะบนเส้นบูรพาวิถีขาเข้าที่กระแสลมจะค่อนข้างแรง ส่วนใหญ่เราจะขับตามรถนำขบวนอยู่ราว 120 กม./ชม. ความเร็วระดับนี้ เอชอาร์-วี ยังพาเราเดินทางไกลไปอย่างสบายๆ การเปลี่ยนเลนทำได้คล่องตัว อัตราเร่งเพียงพอต่อการเร่งแซง พละกำลังระดับ 141 แรงม้า เหลือเฟือต่อการใช้งานทั่วๆ ไป แถมยังเพิ่มความประหยัดเงินในกระเป๋าด้วยการที่สามารถเติมน้ำมันเบนซิน E85 ได้ด้วย ระบบเบรกแบบจานทั้งสี่ล้อพร้อมเอบีเอสไว้ใจได้ในเรื่องความปลอดภัย นอกจากนี้ในรุ่นทอพยังติดตั้งระบบเตือนและช่วยเบรกที่ความเร็วต่ำโดยอัตโนมัติมาให้ด้วย
พอมาถึงใกล้ๆ กทม. ฝนตกกระหน่ำ แต่การขับขี่ก็ยังคงเป็นไปด้วยดีจากทัศนวิสัยที่ชัดเจน พอเราเข้ามาถึงทางด่วนบางนา การจราจรหนาแน่นมากทีเดียว ในการขับช่วงนี้ไปจนถึงจุดหมายกลางเมืองหลวงที่รถติดหนักจากที่เป็นวันศุกร์เย็นและมีฝนตกหนัก เราต้องขอชมว่า เอชอาร์-วี เป็นรถที่ใช้งานในเมืองได้คล่องตัวสุดๆ การเปลี่ยนช่องทางวิ่งทำได้อย่างรวดเร็วและมั่นใจจากทัศนวิสัยรอบคันที่ดีมาก ส่วนหนึ่งมาจากตัวรถที่สูงจากพื้นถึง 170 มม. ซึ่งมากกว่ารถเก๋งอยู่พอสมควรทำให้มองเห็นด้านหน้าได้ไกล (แถมยังอาศัยลุยน้ำท่วมในกรุงได้ในระดับหนึ่งด้วย) เราวิ่งเข้ามาถึง ถ.พญาไท รถยังคงติดหนักจนต้องขอยกเลิกภารกิจสปาแถวสยามเพื่อนำรถกลับไปคืนยังโชว์รูมศรีอยุธยา ซึ่งเราต้องเข้าไปวนรถกลับในวงเวียนอนุสาวรีย์ชัยสมรภูมิที่รถติดหนักและมีความวุ่นวายสับสนเพื่อมายัง ถ.ศรีอยุธยา แต่ความคล่องตัวของ เอชอาร์-วี ทำให้เราผ่านวิกฤตกลางกรุงมาถึงจุดหมายได้อย่างง่ายดายเกินคาด เป็นรถที่เหมาะมากสำหรับคนที่ใช้รถในเมืองเป็นส่วนใหญ่ และขับออกนอกเมืองบ้างเพื่อไปพักผ่อนตามหัวเมือง ตจว. ภายในตัวรถแฝงไว้ด้วยอรรถประโยชน์ใช้สอย ความอเนกประสงค์ ที่เราไม่มีทางหาได้ในบรรดารถเก๋งโดยทั่วไป รวมไปถึงบรรดาคอมแพคครอสโอเวอร์คู่แข่งทั้งหลายเมื่อเทียบกันในเรื่องประโยชน์ใช้สอย เนื้อที่ภายในห้องโดยสารแล้ว เอชอาร์-วี เป็นผู้นำในด้านนี้อย่างชัดเจนเอชอาร์-วี มีราคาบวกลบหนึ่งล้านบาทไปเล็กน้อย ในแต่ละรุ่นมีราคาดังนี้ E 949,000 บาท / EL 1,059,000 บาท และ RS 1,119,000 บาท สนใจหาข้อมูลรายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ www.honda.co.th/hrv และไปลองขับตามโชว์รูปที่คุณสะดวกได้เลยครับ
ขอขอบคุณ บริษัท ฮอนด้า ออโตโมบิล (ประเทศไทย) จำกัด ในการอำนวยความสะดวกตลอดการทดลองขับครั้งนี้เป็นอย่างดี .