753 จำนวนผู้เข้าชม |
ภาพและภาพยนตร์ : Daimler AG
เรียบเรียง : Pitak Boon
B-Class เป็นหนึ่งในรถเซกเมนต์ขับเคลื่อนล้อหน้าจาก Mercedes-Benz ที่ก้าวเข้าสู่เจเนอเรชั่นที่ 3 มีรหัสเรียกขาน W247 ตลาดยุโรปเปิดจองอย่างเป็นทางการราวต้นเดือนธันวาคม 2018 และจะพร้อมส่งมอบรถได้ราวเดือนกุมภาพันธุ์ 2019 ตัวถังของ B-Class มาในรูปแบบ MPV ขนาดกะทัดรัด รูปทรงภายนอกให้ความสำคัญกับแอร์โร่ไดนามิคมากยิ่งขึ้น แม้จะเป็นรถเอนกประสงค์ แต่มีความลู่ลมในระดับ 0.24 ดีขึ้นกว่า B-Class โมเดลที่ผ่านมา หรือ W246 ซึ่งทำตัวเลขไว้ต่ำอยู่แล้วที่ 0.25 ในส่วนของเครื่องยนต์ ยังคงมีให้เลือกทั้งเบนซิน และดีเซล โดยเครื่องยนต์ดีเซลรุ่นท็อปจะได้ใช้เกียร์ลูกใหม่ 8G-DCT
แนวคิดในการพัฒนา B-Class W247 คือ ความพรีเมียมที่ไม่มีเรื่องรูปแบบตัวถังมาเป็นข้อจำกัด นั่นหมายความว่า Mercedes-Benz พร้อมจัดเต็มความหรูหราไฮคลาสที่ตัวเองถนัดลงในรถ MPV ขนาดเล็กโมเดลนี้ในทุกรายละเอียด ตัวถังภายนอกใช้ดีไซน์ที่เน้นความทันสมัย ขณะที่ภายในห้องโดยสารซึ่งสัมผัสกับผู้โดยสารโดยตรง จะใช้ความประณีต รวมทั้งคุณภาพวัสดุเข้ามาเป็นจุดขาย
ดีไซน์ของ B-Class เป็นการนำความโฉบเฉี่ยวในสไตล์รถแฮทช์แบค มาต่อยอดให้เป็นรถ MPV ซึ่งจะช่วยให้ B-Class เข้าถึงลูกค้ากลุ่มวัยเริ่มต้นทำงาน ได้ง่ายกว่ารถอเนกประสงค์ทรงกล่องทั่วไป ไฮไลท์ของ W247 จะอยู่ภายในห้องโดยสาร พนักพิงเบาะหลังแบ่งในอัตราส่วน 40:20:40 แถมเบาะหลังออกแบบให้เลื่อน เดินหน้า-ถอยหลัง ได้อีก 14 ซม. เพื่อเลือกพื้นที่ระหว่าง Leg Room หรือ การขยายพื้นที่ขนของท้ายรถ ซึ่งปรับได้ระหว่าง 455-705 ลิตร และขยายไปได้ถึง 1,540 ลิตร ด้วยการพับพนักพิงเบาะนั่งหลังลง
คอนโซลหน้าถอดแบบมาจาก E-Class W213 หมดยุคของมาตรวัดอนาล็อกอย่างถาวร แทนที่ด้วยจอมอนิเตอร์ซึ่งเริ่มต้นด้วยขนาด 7 นิ้ว จำนวน 2 จอ วางเชื่อมต่อกันในแนวยาว จอแรกอยู่ด้านหลังพวงมาลัยแสดงผลในส่วนของมาตรวัดสำหรับคนขับ ส่วนจอที่สอง ถูกวางอยู่เหนือช่องแอร์ค่อนมาทางคอนโซลกลาง เป็นส่วนของระบบ Infotainment ที่ค่ายนี้ใช้ชื่อระบบใหม่ว่า MBUX (Mercedes-Benz User Experience) โดยจอชุดนี้ ลูกค้าสามารถจ่ายเพิ่มเป็น Widescreen Version ซึ่งทั้ง 2 จอ ถูกขยายขนาดไปที่ 10.25 นิ้ว และชุดควบคุมในส่วนนี้ จะสั่งการด้วยระบบสัมผัสทั้งหมด
ระบบบังคับเลี้ยวใน B-Class เป็นแบบ EPS (Electronic Power Steering) รองรับระบบ Semi-autonomously ในอนาคต เป็นระบบที่ถูกส่งต่อมาจากพี่ใหญ่ S-Class W222 ใช้เรดาร์สำรวจสิ่งกีดขวางด้านหน้ารถ ซึ่งมีพิสัยทำการไกลถึง 500 เมตร เป็นอุปกรณ์การทำงานของระบบช่วยขับขี่ทั้งหลาย อาทิ Active Distance Assist DISTRONIC, Active Emergency Stop Assist ฯลฯ
เครื่องยนต์เบนซินใช้แบบ 4 สูบแถวเรียง รหัส ‘M 282’ ขนาดความจุ 1.33 ลิตร ถูกแบ่งออกเป็น 2 รุ่นเครื่องยนต์ คือ ‘B 180’ ให้กำลัง 100 kW(136 hp) และ ‘B 200’ มาพร้อมแรงม้า 120 kW(163 hp) โดยขุมพลังเบนซินทั้ง 2 รุ่น จะมีแรงบิด 200 และ 250 Nm ตามลำดับ ถูกจับคู่กับเกียร์ 7D-DCT หรือเกียร์คลัตช์คู่ 7 สปีด
สำหรับ B-Class ดีเซลจะใช้เครื่องยนต์แบบ 4 สูบ แถวเรียงเช่นเดียวกัน เริ่มต้นที่รหัส ‘OM 608’ ขนาดความจุ 1.5 ลิตร ใน ‘B 180 d’ ให้กำลัง 85 kW(116 hp) แรงบิด 260 Nm ถัดมาเป็นเครื่องยนต์รหัส ‘OM 654’ ใน ‘B 200 d’ และ ‘B 220 d’ ขนาดความจุ 2 ลิตร ให้กำลัง 110 kW(150 hp) แรงบิด 320 Nm และ 140 kW(190 hp) แรงบิด 400 Nm ตามลำดับ โดย ‘B 200 d’ และ ‘B 220 d’ จะถูกจับคู่กับเกียร์ 8G-DCT หรือเกียร์คลัตช์คู่ 8 สปีด เป็นครั้งแรกด้วย