VOLVO V60 Cross Country แต่งหล่อ ยกระดับการผจญภัย

ภาพและภาพยนตร์ : Volvo Car Group

เรียบเรียง : Pitak Boon

โมเดล Cross Country จากค่าย VOLVO ถือกำเนิดมาตั้งแต่ปี 1997 หรือราว 21 ปีที่ผ่านมา ยุคนั้นเป็นการนำ V70 มายกสูง ใส่การ์ดกันกระแทกรอบคัน พร้อมทั้งยกระดับในการลุยด้วยระบบ AWD แต่ยังรองรับการใช้งานในชีวิตประจำวันได้อย่างลงตัว ด้วยความแตกต่างจากบรรดารถแวนหรือเอสเตทที่มีอยู่เกลื่อนตลาด จึงทำให้ Cross Country เก็บตกลูกค้าที่มีไลฟ์สไตล์รักการผจญภัย แต่ไม่ต้องการขับ SUV คันใหญ่ไปได้ไม่น้อย

สำหรับ Cross Country โมเดลล่าสุด มาในร่างของ V60 ที่ตัวถังถูกจัดอยู่ในกลุ่ม Mid-size Estate รถแวนขนาดกลางโมเดลนี้ ดูดุขึ้นอีกไม่น้อยจากเฟนเดอร์บริเวณซุ้มล้อ ซึ่งวางรับเป็นส่วนเดียวกับการ์ดกันกระแทกรอบคันบริเวณชายล่างของตัวถัง เพื่อลดความเสียหายจากการเบียด เมื่อคุณต้องขับ V60 Cross Country ท่องเที่ยวลัดเลาะไปตามเส้นทางธรรมชาติ

ดีไซน์ของตัวถังดูลงตัวกว่า Cross Country ในอดีต ทีมออกแบบเน้นโชว์เส้นสายบนพื้นผิวตัวถังของ V60 ซึ่งดูสวยงามภูมิฐานอยู่แล้ว ตัวถังถูกยกสูงขึ้นอีก 75 มิลลิเมตร เมื่อเทียบกับ V60 บอดี้มาตรฐาน ให้ระยะ Ground Clearance ระดับ 210 มิลลิเมตร รองรับการลุยในระดับเบาๆ ส่วนล้อขยับไปเล่นที่ระดับ 19-20 นิ้ว

V60 และ V60 Cross Country ใช้แพลตฟอร์ม ‘SPA’ (Scalable Product Architecture) ร่วมกับ XC90 Mk.II และ S90 ที่แตกไลน์ตามออกมาเป็น V90 และ V90 Cross Country เพื่อรองรับครอบครัวที่ต้องการรถอเนกประสงค์ ซึ่ง XC90 เองก็ยังมีการแตกไลน์เป็นตัวถัง Long Wheel Base รองรับตลาดรถ SUV สำหรับบางภูมิภาค ที่บรรดาผู้บริหาร และ VIP สะดวกเดินทางด้วยรถกลุ่มนี้มากกว่ารถลีมูซีน

V60 Cross Country เปิดตัวมาด้วยรุ่นเครื่องยนต์เบนซิน T5 AWD และเครื่องดีเซล D4 AWD จะมีเวอร์ชั่น Mild Hybrid และ Plug-in Hybrid ตามออกมาในอนาคต

เครื่องยนต์เบนซิน T5 เป็นบล็อก 4 สูบแถวเรียง ขนาด 1,969 ซีซี ระบบอัดอากาศใช้เทอร์โบ 1 ตัวมาพร้อมระบบฉีดน้ำมันเชื้อเพลิง Gasoline Direct Injection อัตราส่วนกำลังอัด (Compression Ratio) 10.8:1 เรียกแรงม้าออกมาใช้งานได้ที่ 250 hp ที่ 5,500 รอบ/นาที แรงบิดสูงสุด 350 Nm ในรูปแบบ Flat-torque ที่ 1,800-4,800 รอบ/นาที ขับเคลื่อนผ่านเกียร์อัตโนมัติ 8 สปีด พร้อมระบบ AWD ทำอัตราเร่ง 0-100 กม./ชม. ด้วยเวลา 6.8 วินาที ความเร็วสูงสุด 230 กม./ชม.

สำหรับเครื่องยนต์ดีเซล D4 ใช้บล็อกแถวเรียง 4 สูบ ปริมาตรกระบอกสูบ 1,969 ซีซี อัตราส่วนกำลังอัด 15.8:1 ใช้ระบบฉีดน้ำมันเชื้อเพลิงคอมมอนเรล เจเนอเรชั่นล่าสุด สร้างแรงดันที่ปลายหัวฉีดได้สูงสุด 2,500 บาร์  หัวฉีดใช้เทคโนโลยีที่ชื่อ ‘i-Art’ สามารถฉีดน้ำมันได้เร็วติดต่อถึง 9 ครั้ง ต่อ 1 วัฏจักรการเผาไหม้ ความน่าสนใจอยู่ที่ ‘ระบบอัดอากาศ’ เครื่อง D4 มาพร้อมเทคโนโลยี ‘Serial-sequential two-state turbo’ ใช้เทอร์โบต่างขนาด 2 ตัว แบ่งหน้าที่กันทำงานในย่านรอบต่ำ และรอบสูง เพื่อแก้ปัญหาอาการรอรอบ ให้พละกำลัง 190 hp ที่ 4,250 รอบ/นาที แรงบิดสูงสุด 400 Nm ที่ 1,750-2,500 รอบ/นาที ขับเคลื่อนผ่านเกียร์ และระบบ AWD ชุดเดียวกับเครื่องยนต์ T5 ตะกายผ่านหลัก 100 กม./ชม. ด้วยเวลา 8.2 วินาที ท็อปสปีด 210 กม./ชม. อัตราสิ้นเปลืองเฉลี่ย 19.6 กิโลเมตร/ลิตร และ ค่า CO2 ต่ำเพียง 135 กรัม/กิโลเมตร เท่านั้น