LAMBORGHINI Aventador LP780-4 Ultimae || ซูเปอร์คาร์ระดับ flagship

790 จำนวนผู้เข้าชม  | 

ข้อมูล : Automobili Lamborghini S.p.A.
เรียบเรียง : Pitak Boon

 

แม้ SVJ จะเป็น Aventador ตัวโหดสุดในสายการผลิตของ LAMBORGHINI แต่ LP780-4 นั้นทรงพลังกว่า แถมได้รับการวางตัวให้เป็น Aventador ที่ดีที่สุดสำหรับการขับขี่บนถนน!!! ส่วนตัวห้อยท้าย Ultimae เป็นภาษาละติน ความหมายในภาษาอังกฤษ คือ Latest และ LP780-4 Ultimae เป็นโมเดลล่าสุดเพื่อฉลองครบรอบ 10 ปี ของตระกูล Aventador ถูกส่งลงถนนพร้อมกันทั้งรูปแบบ Coupé และ Roadster ผลิตแบบ Limited Edition ถูกจำกัดจำนวนไว้ที่เพียง 350 คัน และ 250 คัน เท่านั้น



จาก Aventador โมเดลแรก ภายใต้ชื่อ LP700-4 (2011-2016) กระทั่งพัฒนามาจนมาถึง SVJ ต่อเนื่องมาจนถึง LP780-4 ซึ่งเป็นโมเดลล่าสุด Aventador มีความเปลี่ยนแปลงตลอดเวลา เพื่อให้ได้ซูเปอร์คาร์ระดับเรือธงที่ดีที่สุด โดยโครงสร้างเป็นองค์ประกอบสำคัญที่ทำให้ Aventador ล้ำหน้า Murcielago ไปอีกหลายขั้น และสร้างความแตกต่างในการขับขี่ขึ้นอย่างเด่นชัด Aventador ใช้โครงสร้างแบบ Full Monocoque หรือโครงสร้างคาร์บอนไฟเบอร์ที่มาพร้อมโครงหลังคาครบถ้วน (สำหรับตัวถัง Coupé) มีน้ำหนักเพียง 147.5 กิโลกรัม เมื่อรวมโครงสร้างอะลูมิเนียมทั้งส่วนหน้าและส่วนหลัง โครงสร้างทั้งชุดของ Aventador จะมีน้ำหนัก 229.5 กิโลกรัม มีความแข็งแรงมากกว่าโครงสร้าง Murcielago กว่าเท่าตัว โครงสร้างคาร์บอนไฟเบอร์ นับเป็นมาตรฐานสำหรับซูเปอร์คาร์จาก LAMBORGHINI จากการลงทุนเปิดแผนก R&D รับงานวิจัยเทคโนโลยีคาร์บอนไฟเบอร์โดยตรง อีกทั้งยังมีความร่วมมือกับสถาบันการศึกษา รวมทั้ง BOEING ผู้ผลิตอากาศยานชั้นนำของโลกอีกด้วย

LP700-4 ซึ่งเป็น Aventador โมเดลแรก มาพร้อมน้ำหนักตัว 1,575 กิโลกรัม จัดว่าเบาเอาเรื่องหากเทียบกับซูเปอร์คาร์กลุ่มบนด้วยกัน ขณะที่ Aventador SVJ ยกระดับด้วยสูตรเดียวกับรถแข่งเข้าไปอีกหลายจุด อาทิ การเพิ่มพาร์ทที่เป็นคาร์บอนไฟเบอร์เกือบทั้งคัน น้ำหนักลดลงร่วม 50 กิโลกรัม หรือมีน้ำหนักรวมเพียง 1,525 กิโลกรัม ขณะที่ LP780-4 Ultimae (Coupé) มีน้ำหนัก 1,550 กิโลกรัม จะหนักกว่า Aventador SVJ อยู่ที่ 25 กิโลกรัม และเบากว่า Aventador S อยู่ถึง 25 กิโลกรัม


เครื่องยนต์ V12 ภายใต้รหัส L539 ถูกติดตั้งลงกลางลำของ Aventador นับตั้งแต่ LP700-4 และอัพเกรดความแรงขึ้นเป็นลำดับ ยังคงเป็นเครื่องยนต์ NA (Naturally Aspirated) ไร้ระบบอัดอากาศ บล็อก V12 สูบ วางทำมุม 60 องศา มีความกว้าง ความยาว และความสูง อยู่ที่ 848, 784 และ 665 มิลลิเมตร ตามลำดับ ฝาสูบใช้โลหะผสมอะลูมิเนียมซิลิคอน มีน้ำหนักเพียง 21 กิโลกรัม/ข้าง เพลาข้อเหวี่ยงผลิตจากกรรมวิธี forced ทั้งเบาและแข็งแรง รองรับแรงจากการจุดระเบิดของเครื่องยนต์ 12 สูบ เพลาข้อเหวี่ยงมีน้ำหนัก 24.6 กิโลกรัม ส่งผลให้เครื่องยนต์ L539 มีน้ำหนักรวมเพียง 235 กิโลกรัม


บิ๊กบล็อก V12 L539 ความจุ 6,498 ซีซี ใช้อัตราส่วนกำลังอัด 11.8:1 มาพร้อมระบบวาล์วแปรผันควบคุมการทำงานด้วยไฟฟ้า ทั้งฝั่งไอดีและฝั่งไอเสีย เน้นความไวในการตอบสนอง ระบบหล่อลื่นมาตรฐานเครื่องแข่งด้วยระบบ Dry Sump แยกถังเก็บน้ำมันเครื่องออกมา ช่วยลดความสูงของเครื่องยนต์ลงได้อีก 60 มิลลิเมตร จากนั้นใช้ปั๊มอัดน้ำมันเครื่องไปหล่อลื่นตามส่วนต่าง ๆ ประสิทธิภาพในการหล่อลื่นจึงไม่ลดลงตามแรงเหวี่ยงเมื่อรถอยู่ในโค้ง การระบายความร้อนของน้ำมันเครื่อง ผสมผสานระหว่าง น้ำมันเครื่อง/น้ำ (Cooler) และ น้ำมันเครื่อง/อากาศ (Radiator)

เครื่องยนต์ L539 ใน Aventador SVJ ถูกโมเพิ่มเติม อาทิ อัพเกรดมาใช้วาล์วไอดีไททาเนียม, ปรับเปลี่ยนรูปทรงภายใน รวมทั้งลดความยาวของท่อร่วมไอดี, ลดแรงเสียดทานท่อทางเดินไอดี, เปลี่ยนท่อไอเสียยกชุด ฯลฯ ผลิตแรงม้าระดับ 770 PS ที่ 8,500 รอบ/นาที แรงบิด 720 Nm ที่ 6,750 รอบ/นาที รอบเครื่องสูงสุดขยับแตะระดับ 8,700 รอบ/นาที และอัตราส่วนแรงม้าต่อน้ำหนัก 1.98 kg/PS ขณะที่ Aventador โมเดลล่าสุด LP780-4 ต้นสังกัดไม่ได้แจงรายละเอียดการอัพเกรด แต่น่าจะไม่น้อยกว่า SVJ ให้แรงม้า 780 PS ที่ 8,500 รอบ/นาที ตรงตามชื่อรุ่น แรงบิดสูงสุด 720 Nm ที่ 6,750 รอบ/นาที รอบเครื่องสูงสุดเท่า SVJ ที่ 8,700 รอบ/นาที และอัตราส่วนแรงม้าต่อน้ำหนักอยู่ที่ 1.99 kg/PS สมรรถนะจากโรงงาน Aventador LP780-4 Ultimae (Coupé) เคลมอัตราเร่ง 0-100 กม./ชม. เร็วเพียง 2.8 วิ. (SVJ = 2.8 วิ.) ผ่าน 200 กม./ชม. ใช้เวลา 8.7 วิ. (SVJ = 8.6 วิ.) ความเร็วสูงสุด 355 กม./ชม. (SVJ 350 กม./ชม.)

ตัวเลข ‘4’ ใน LP780-4 หมายถึง การใช้ระบบขับเคลื่อนแบบ AWD ในการส่งม้าฝูงใหญ่ทั้ง 780 ตัว ลงสู่ผิวถนน โดยชุด Center Differential เป็นผลงานของมือหนึ่งของวงการระบบส่งกำลังนาม HALDEX และใน LP780-4 ถูกระบุว่าใช้ ‘เจน 4’ ซึ่งเป็นเจเนอเรชันล่าสุด (เช่นเดียวกับ SVJ) แรงบิดจะถูกส่งไปยังล้อคู่หน้าได้ 0-60% แต่สภาพการขับขี่ปกติจะเน้นไปที่ล้อหลังมากกว่าล้อหน้า หรือล้อหลังถูกออกแบบให้รับแรงบิดได้ 40-100% การกระจายกำลังระหว่างล้อขับเคลื่อนหน้าและหลัง จะแปรผันตลอดเวลาตามสภาพการขับขี่


ช่วงล่าง Aventador ใช้รูปแบบ Pushrod Suspension โครงสร้างเป็นอะลูมิเนียม จากนั้นใช้ลิงค์ต่อเชื่อมมายังโช้คอัพซึ่งถูกวางไว้ในแนวนอน ลักษณะเดียวกับระบบกันสะเทือนในรถแข่ง F1 สำหรับ LP780-4 ใช้โช้คอัพไฟฟ้าจาก BILSTEIN โดยช่วงล่างทั้งชุดถูกเรียกว่า Push rod magneto-rheological active front and rear suspension ซึ่งตัวโช้คอัพใช้เทคโนโลยีเดียวกับระบบ Magnetic Ride Control ใน AUDI R8 ซึ่งอยู่ในเครือเดียวกันนั่นเอง

Powered by MakeWebEasy.com
เว็บไซต์นี้มีการใช้งานคุกกี้ เพื่อเพิ่มประสิทธิภาพและประสบการณ์ที่ดีในการใช้งานเว็บไซต์ของท่าน ท่านสามารถอ่านรายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ นโยบายความเป็นส่วนตัว  และ  นโยบายคุกกี้