3632 จำนวนผู้เข้าชม |
บริษัท ฟอร์ด มอเตอร์ ประเทศไทย จำกัด ได้จัดกิจกรรมสุดพิเศษสำหรับลูกค้าของฟอร์ด โดยเฉพาะลูกค้าของกระบะพันธุ์แกร่งสายลุย แร็พเตอร์ เปิดประสบการณ์การขับขี่ซึ่งหาที่ไหนไม่ได้ นอกจากฟอร์ดเท่านั่นที่พร้อมมอบประสบการณ์สุดพิเศษในครั้งนี้เมื่อช่วงกลางเดือนกรกฎาคมที่ผ่านมา ณ สถานที่สุดพิเศษ สนามเรนเจอร์ออฟโร๊ด จ.ชลบุรี
สำหรับกิจกรรม Raptor Unbeatable Experirnce ในครั้งนี้ เพื่อมอบประสบการณ์สุดพิเศษ และทักษะการขับขี่ในรูปแบบออฟโร๊ด ให้กับลูกค้าของฟอร์ด โดยทางทีมงานได้จัดรูปแบบการทดสอบไว้มากถึง 9 สถานีด้วยกัน เพื่อให้เข้าถึงสมรรถนะของ เรนเจอร์ แร็พเตอร์ ว่ามีสมรรถนะเป็นอย่างไร โดยในสถานีที่ 1-2 จะเป็นรูปแบบของเนินสูงระดับ 38 องศา 2 เนินซ้อนกัน, สถานีที่ 3 จะเป็นการใช้กล้อง 360 องศา, สถานีที่ 4 จะเป็นเรื่องของการใช้ระบบตัวช่วยในการขับขี่จาก Drive Mode, สถานีที่ 5 เป็นการโชว์สมรรถนะของระบบกันสะเทือนจาก FOX, สถานที่ 6 เน้นการควบคุม, สถานที่ 7 เน้นการควบคุมจากโหมดการขับขี่, ต่อเนื่องไปยังสถานที่ 8 เน้นการทดสอบสมรรถนะระบบกันสะเทือนในช่วงความเร็วต่ำ และสถานสุดท้ายเน้นเรื่องของอัตราเร่งอันดุดัน
ตัวรถที่ทางฟอร์ด นำมาใช้ใจกิจกรรมครั้งนี้มีมากถึง 11 คัน โดนแบ่งเป็น แร็พเตอร์ เครื่องยนต์เบ็นซิน V6 Bi-Turbo 3.0 ลิตร ให้แรงม้าสูงถึง 398 แรงม้า แรงบิด 583 นิวตันเมตร จับคู่กับระบบส่งกำลังเกียร์อัตโนมัติ 10 จังหวะ เฉพาะรถรุ่นนีมีให้ทดสอบมากถึง 7 คัน ต่อด้วยแร็พเตอร์เครื่องยนต์ดีเซล 2.0 ลิตร Bi-Turbo ให้แรงม้าสูงถึง 210 แรงม้า แรงบิด 500 นิวตัน-ม. จับคู่กับระบบส่งกำลังเกียร์อัตโนมัติ 10 จังหวะ อีกเช่นกัน
กิจกรรมในครั้งนี้ทีมงานได้ควบเจ้า แร็พเตอร์ เครื่องยนต์เบ็นซิน V6 แรงสะใจ..ความตื่นเต้นเมื่อเห็นเนินสูง 38 องศา สูงระดับตึก 4 ชั้น โดยเนินลูกแรกให้ผู้ขับขี่ได้ลองปรับโหมดระบบขับเคลื่อนมาใช้เกียร์ 4 Low พร้อมกับการขับขี่โดยมองผ่านกล้อง 360 องศา ซึ่งพละกำลังของเครื่องยนต์ในจังหวะแตะคันเร่งเพื่อส่งให้ตัวรถขึ้นสู่ยอดเนินนั่นในรอบเครื่องต่ำๆ เพียง “พันกว่ารอบ” กล้อง 360 องศา ให้มุมมองที่ชัดเจน ทำให้ผู้ขับขี่ไม่เครียดมาก และขาลงในเนินลูกแรก ก็ให้ทางผู้ขับขี่สร้างความคุ้นเคยกับการคอนโทรลน้ำหนักของแป้นเบรค ด้วยการคอนโทรลเบรคให้รถไหลลงเนินด้วยความสมูท แลปลอดภัย นับเป็นทักษะที่จำเป็นสำหรับการขับขี่ในรูปแบบออฟโร๊ดโดยแท้จริง
ต่อด้วยเนินที่ 2 คราวนี้เราได้ลองระดับ Trail Control หรือระบบควบคุมความเร็วอัตโนมัติในย่านความเร็วต่ำ(โหมดนี้ก็เหมือนกับระบบครูสคอนโทรล แต่ใช้ได้เฉพาะเวลาใส่โหมดเกียร์ 4 Low เท่านั่น) ความสูงของเนินลูกที่ 2 ก็เท่ากับลูกแรก การเปิดโหมด Taw Control ทำได้อย่างง่ายได้ เพียงกดปุ่มเปิดโหมดบนหน้าจอมัลติมีเดียทัชสกรีน(ซึ่งจะอยู่ในโหมดสถานะออฟโร๊ด) กดเปิดโหมดแล้ว ก็มาเลือกระดับความเร็วบนปุ่มมัลติฟังก์ชั่นที่พวงมาลัยฝั่งซ้าย(ซึ่งเป็นปุ่มเดียวกับระบบครูสคอนโทรลนั่นเอง)
โดย Trail Control ทำให้ตัวรถเร่งขึ้นเนินได้แบบนุ่นมๆ ผู้ขับขี่ทำหน้าที่ประคองพวงมาลัยโดยมองเส้นทางผ่านกล้อง 360 องศา และปลายเท้าวางรอไว้แถวๆ แป้นเบรคเท่านั่น พอถึงยอดสูงสุดของเนินในขณะที่รถไหลลงเนินนั่น Trail Control ยังทำหน้าที่เป็น HDC หรือ Hill Desent Control หรือช่วยเบรคในขณะรถไหลลงทางลาดชันได้แบบสูมทๆ ซึ่งอันนี้ดีจริงๆ เวลาที่ต้องวิ่งลงทางลาดชันในสภาพพื้นผิวที่ไม่เรียบ หินกรวด หรือดินร่วน ทำให้ผู้ขับขี่ไม่เครียดมากจนเกินไป
สถานที่ 3 เป็นสถานีที่ต้องใช้กล้อง 360 องศา พร้อมกับเส้นนำสายตาที่จะช่วยพาให้ตัวรถผ่านสภาพเส้นทางที่ไม่น่าจะผ่านไปได้ ซึ่จุดเด่นของกล้อง 360 องศาใน เรนเจอร์, เอเวอร์เรส และ เรนเจอร์ แร็พเตอร์ ก็คือ สามารถกดซูมดูมุมต่างๆ ของตัวรถได้ ช่วยเพิ่มความปลอดภัยในขณะขับผ่านเส้นทางอันเป็นอุปสรรค์หรือทางแคบๆ ได้เป็นอย่างดี
สถานีที่ 4 เป็นเส้นทางลักษณะเป็นหลุมสลับค่อนข้างลึก และเป็นการไต่ขึ้นเนินไปในตัว โดยในสถานีนี้เราได้เลือกระบบขับเคลื่อน 4 Low และเพิ่มระบบช่วยในการขับขี่ Drive Mode โดยการหมุนปุ่มวงแหวนไปที่โหมด “ไต่ร่องหิน” ซึ่งโหมดนี้จะสั่งให้กล่อง ECU เพิ่มระบบ Rear Diff Lock ให้เองโดยอัตโนมัติ แต่กับสภาพเส้นทางที่โหดมากๆ แร็พเตอร์ V6 ยังมีหมัดเด็ดที่ในตัว แร็พเตอร์ ดีเซล และกระบะ 4 WD ยี่ห้ออื่นในบ้านเราไม่มีก็คือ Front Diff Lock
เมื่อใส่ระบบต่างๆ เรียบร้อยแล้ว ผู้ขับขี่ก็ประคองพวงมาลัยให้ตัวรถไต่ผ่านร่องอุปสรรค์ต่างๆ โดยการมองผ่านกล้อง 360 องศาอีกเช่นเคย ร่องหลุมค่อนข้างลึก ผู้ขับขี่มีการแตะคันเร่งเพิ่มรอบเพียงเล็กน้อย ตัวรถก็สามารถผ่านอุปสรรค์ต่างๆ ไปได้ จากระบบขับเคลื่อนอันชาญฉลาด และทรงพลัง
สถานที่ 5 อันนี้นับเป็นบททดสอบสรรถนะของช็อคอัพ และคอยล์สปริงของ FOX โดยในตัว V6 จะเป็นแบบ live Valve ซึ่งสามารถปรับระดับได้ด้วยระบบไฟฟ้าถึง 3 โหมดด้วยกัน และสัมผัสถึงการตอบสนองของพละกำลังในเครื่องยนต์กับโหมด Baja ที่ปรับเปลี่ยนการตอบสนองของเครื่องยนต์ คันเร่ง จังหวะการเปลี่ยนอัตราทดเกียร์ และปลดปล่อยเรื่องระบบช่วยการทรงตัว และความปลอดภัยต่างๆ ออกจนเกลี้ยง(เปลี่ยนระบบขับเคลื่อนเป็น 4 Hi) โดยให้ผู้ขับขี่ขับโดดเนินด้วยความเร็วระดับ 50 กม./ชม. ติดต่อกัน 3 เนิน โดยที่ชุดระบบกันสะเทือนจาก FOX ทำงานได้อย่างเต็มประสิทธิภาพ เก็บอาการกระเด้ง กระดอน ในขณะที่รถลอย และล้อลงมาสัมผัสพื้นได้อย่างดีเยี่ยม
สถานที่ 6 ขับขี่ในสไตล์ Dirt Cross เล็กๆ เลี้ยวไปมา ให้ผู้ขับขี่ได้สัมผัสถึงความฉับไวของพวงมาลัย การตอบสนองของพละกำลังของเครื่องยนต์ และระบบกันสะเทือนในขณะเข้าโค้งบนพื้นผิวที่เป็นดินร่วนซุย โดยยังคงใช้โหมด Baja และระบบขับเคลื่อนแบบ 4 Hi การควบคุมความเร็วในขณะเข้าโค้งทำได้ดี แม้จะแอบเติมคันเร่งกลางโค้งอยู่บ้าง แต่ด้วยพละกำลังของเครื่องยนต์ที่เหลือเฟือ ทำให้เกิดอาการ Power Slide ช่วยให้การเร่งส่งออกจากโค้งทำได้อย่างสมูท อัตราทดพวงมาลัยแม่นยำดี แม้วงเลี้ยวจะกว้างไปนิด แต่ก็แก้ไขด้วยการกดคันเร่งให้ท้ายกวาดช่วย สถานีนี้ขับสนุกมาก แม้จะสั้นไปนิด
สถานที่ 7 เป็นการให้เลือกใช้โหมด Sand หรือ Mud แล้วแต่ผู้ขับขี่จะเลือก โดยที่ 2 โหมดการขับเปลี่ยนเรื่องของแทร็คชั่นขณะขับขี่แตกต่างกันอยู่บ้าง โดยที่ทางเราเลือกใช้ Sand หรือ ทราย โหมดนี้จะให้ความรู้สึกใกล้เคียงกับ Baja แต่ด้วยระบบจะสั่งให้กล่อง ECU ใส่ Rear Diff Lock มาให้เสร็จสรรพ
สถานที่ 8 ขับขี่ต่อเนื่องจากสถานที่ 7 โดยปรับโหมดมาเป็น Baja อีกครั้ง โดยวิ่งบนสภาพเส้นทางที่ขุรขระเพื่อให้สัมผัส และจับอาการของระบบกันสะเทือนจาก FOX ใสช่วงความเร็ว 40 กม./ชม. ซึ่งพบว่าอาการดีดเด้งของท้ายรถ(นิสัยส่วนตัวของรถที่ระบบกันสะเทือนด้านหลังเป็นแบบคานแข็ง) ลดน้อยลง ควบคุมรถได้ง่าย และยังกล้าที่กดคันเร่งเพิ่มความเร็วมากกว่าโจทย์ที่ตั้งไว้
ปิดท้ายด้วยสถานีที่ 9 ปลดปล่อยสมมรถนะในการขับขี่บนทางลูกรังกับโหมด Baja ให้ซึบซับถึงสมรรถนะในด้านอัตราเร่งในช่วงความเร็วต่ำๆ ไปจนถึงความเร็ว 100 กม./ชม. ระยะทางเพียง 150 เมตร แต่ด้วยพละกำลังของเครื่องยนต์สามารถเค้นออกมาให้ใช้งานได้อย่างมันท่วงที
สุดท้ายนี้สำหรับกิจกรรม Raptor Unbeatable Experirnce นับเป็นการสร้างสัมพันธ์ระหว่าง ฟอร์ด มอเตอร์ ประเทศไทย กับลูกค้าที่มั่นใจ และเลือกใช้รถจากฟอร์ด ให้เข้าถึงสมรรถนะอันโดดเด่นในทุกๆ ด้าน ที่มีติดตัวมากับรถ รวมไปถึงการแลกเปลี่ยนข้อมูลด้านต่างๆ ระหว่างลูกค้า และผู้บริหารจากทาง ฟอร์ด กิจกรรมดีๆ แบบนี้ อยากให้จัดอีกไปเรื่อยๆ เพื่อสร้างความมั่นใจ และสร้างความประทับใจให้กับลูกค้าที่เลือกใช้ฟอร์ด และกำลังจะตัดสินใจมาเลือกใช้ฟอร์ดนั่นเอง