“Triumph Motorcycles” สร้างไฮไลต์ครั้งแรกในเอเชียแปซิฟิก เปิดตัวรถ 2 รุ่น “Bonneville Bobber Black” และ “Bonneville Speedmaster”

1053 จำนวนผู้เข้าชม  | 

          ไทรอัมพ์ มอเตอร์ไซเคิลส์ เปิดตัวรถมอเตอร์ไซค์ไทรอัมพ์ 2 รุ่นใหม่ล่าสุดของตระกูลบอนเนวิลล์อันเลื่องชื่อ ได้แก่ “บอนเนวิลล์ บอบเบอร์ แบล็ค” (Bonneville Bobber Black) และ “บอนเนวิลล์ สปีดมาสเตอร์” (Bonneville Speedmaster) รถมอเตอร์ไซค์สไตล์คัสตอมสุดคลาสสิกแบบฉบับอังกฤษขนานแท้ ที่ยังคงไว้ด้วยรูปลักษณ์รถตระกูลบอนเนวิลล์ดั้งเดิมไว้อย่างครบถ้วน แต่อัดแน่นไปด้วยเทคโนโลยีสุดล้ำสมัย ซึ่งพร้อมให้ทุกคนสัมผัสอย่างใกล้ชิด รวมถึงจับจองเป็นเจ้าของภายในงาน “มหกรรมยานยนต์ ครั้งที่ 34” หรือมอเตอร์ เอ็กซ์โป 2017 ณ บูธไทรอัมพ์ G05 อาคารชาเลนเจอร์ ฮอลล์ 3 อิมแพค เมืองทองธานี ระหว่างวันที่ 30 พฤศจิกายน-11 ธันวาคม 2560

 

 

          นายจักรพงษ์ ศานติรัตน์ ผู้จัดการทั่วไป บริษัท ไทรอัมพ์ มอเตอร์ไซเคิลส์ (ไทยแลนด์) จำกัด เปิดเผยว่า ในไตรมาสสุดท้ายของปี 2017 ไทรอัมพ์ มอเตอร์ไซเคิลส์ ได้เปิดตัวรถมอเตอร์ไซค์ 2 รุ่นใหม่ล่าสุด ที่ทุกคนเฝ้ารอคอยเป็นครั้งแรกในเอเชียแปซิฟิก ได้แก่ “บอนเนวิลล์ บอบเบอร์ แบล็ค” (Bonneville Bobber Black) และ “บอนเนวิลล์ สปีดมาสเตอร์” (Bonneville Speedmaster) โดยทั้งหมดเป็นรถตระกูลบอนเนวิลล์อันเลื่องชื่อ ที่ยังคงเอกลักษณ์ดั้งเดิมของบอนเนวิลล์ไว้อย่างครบถ้วน ทั้งด้านสมรรถนะและเทคโนโลยีสุดล้ำสมัยที่เต็มเปี่ยมไปด้วยแรงบันดาลใจและความปลอดภัยเหนือระดับ พร้อมตอบสนองความต้องการในการขับขี่ตลอดทุกการเดินทาง  

          เริ่มต้นที่รุ่น “บอนเนวิลล์ บอบเบอร์ แบล็ค” (Bonneville Bobber Black) ที่เข้มขึ้น ดุขึ้น และแข็งแกร่งขึ้น แต่ยังคงไว้ด้วยคุณลักษณะที่งดงามและเป็นเอกลักษณ์ของ บอนเนวิลล์ บอบเบอร์ ไม่ว่าจะเป็น สไตล์คัสตอมพันธุ์แท้ นวัตกรรมยานยนต์ที่สง่างาม ขีดความสามารถที่นิยามความเป็นตัวตน การขับขี่ที่ให้อารมณ์แสนเร้าใจ ตลอดจนเสียงเครื่องยนต์ที่คำรามกึกก้องทรงพลัง

 

 

          โดย “บอนเนวิลล์ บอบเบอร์ แบล็ค” มาพร้อมเครื่องยนต์แรงบิดสูงสูบคู่ขนานขนาด 1,200 ซีซี. ให้แรงบิดสูงสุด 106 นิวตันเมตร ที่ 4,000 รอบต่อนาที และพละกำลังสูงสุด 77 แรงม้า ที่ 6,100 รอบต่อนาที ในส่วนรูปลักษณ์คมเข้มมากขึ้น ด้วยท่อไอเสียแบบตรงพื้นผิวคู่สีดำและท่อเก็บเสียงคู่ทรง Peashooter แบบ ‘ตัดปลายเฉียง’ และกล่อง Cat box แบบซ่อน รวมถึงแอร์บ็อกซ์ห้องคู่ ช่วยส่งมอบโทนเสียงที่หนักแน่นดุดันเร้าอารมณ์ในแบบ Hot Rod ท่วงท่าดุดัน และกำยำยิ่งขึ้น ด้วยล้อหน้าหนาขนาด 16 นิ้ว พร้อมโช้คหน้าขนาด 47 มิลลิเมตร รวมถึงสไตล์และการตกแต่งรายละเอียดสีดำสนิททั่วทั้งคัน อาทิ ท่อไอเสียสีดำ แป้นเบรกและที่พักเท้าสีดำ คันเกียร์ชุบผิวสีดำ เกียร์โยงชุบซิงค์นิเกิล คันเบรกและคลัตช์ชุบผิวสีดำ แฮนด์บังคับเลี้ยวสีดำ พร้อมไรเซอร์และแคลมป์ชุบผิวสีดำฐานเบาะแบบลอยตัวสีดำ ฝาครอบเครื่องยนต์ ฝาครอบลูกเบี้ยว และฝาครอบสเตอร์พาวเดอร์โค้ทสีดำ ขอบไฟหน้าชุบโครเมียมสีดำ รวมถึงดุมล้อสีดำ เป็นต้น อีกทั้งอุปกรณ์มาตรฐานประสิทธิภาพสูงยิ่งขึ้น ได้แก่ ดิสก์เบรกหน้าแบบคู่พร้อมคาลิปเปอร์ 2 ลูกสูบแบบคู่จาก  Brembo ดิสก์เบรกหลังแบบเดี่ยวพร้อมคาลิปเปอร์ลูกสูบเดี่ยว กระบอกโช้คหน้า Showa ไฟหน้า LED ประสิทธิภาพสูงพร้อมไฟเดย์ไลท์แบบเฉพาะตัว มีระบบควบคุมความเร็วคงที่ด้วยปุ่มเดียวเป็นอุปกรณ์มาตรฐาน รวมถึงหน้าจอเอนกประสงค์ที่ควบคุมได้อย่างง่ายดายด้วยปลายนิ้ว

 

 

          นอกจากนี้สิ่งที่ช่วยเติมเต็มการยกระดับก็คือ เทคโนโลยีมุ่งเน้นผู้ขับขี่ ไม่ว่าจะเป็น โหมดการขับขี่บนถนนปกติ (Road) และถนนตอนฝนตก (Rain) มีระบบควบคุมการยึดเกาะถนนแบบปรับได้ เพื่อความปลอดภัยและการควบคุมในระดับสูงสุด และเหนือสิ่งอื่นใดคือคลัตช์ควบคุมแรงบิดที่ช่วยลดแรงในการบีบคลัตช์ลง เพื่อช่วยป้องกันผู้ขี่จากอาการเหนื่อยล้า รวมถึงระบบป้องกันการโจรกรรมสุดล้ำสมัยพร้อมอุปกรณ์ส่งสัญญาณที่ติดตั้งไว้ภายในกุญแจรถสุดพรีเมี่ยม มีระบบระบายความร้อนด้วยของเหลวที่ลดการปล่อยไอเสียลง พร้อมเพิ่มความอุ่นใจตลอดการขับขี่ที่มากขึ้น ในส่วนของการบำรุงรักษาที่ยาวนานถึง 16,000 กิโลเมตร หรือ 1 ปี แล้วแต่อย่างใดอย่างหนึ่งจะถึงก่อน ตลอดจนการรับประกันคุณภาพของรถยังยาวนานถึง 2 ปี โดยไม่จำกัดระยะทาง พร้อมทั้งโปรแกรม Triumph Roadside Assistance ตลอดระยะเวลารับประกัน 2 ปี  ช่วยให้ผู้ขับขี่มั่นใจในการใช้งานได้อย่างเต็มที่

 

 

          อย่างไรก็ตาม “บอนเนวิลล์ บอบเบอร์ แบล็ค” ได้รับการออกแบบพัฒนาขึ้นโดยคำนึงถึงการแต่งรถเป็นหัวใจสำคัญ จึงมีชุดแต่ง “Old School” และอุปกรณ์เสริมให้เลือกมากมายกว่า 120 รายการ เพื่อการปรับแต่งรายละเอียดและสไตล์ รวมถึงเพิ่มความสะดวกสบายและเสริมประสิทธิภาพรถให้สูงขึ้น โดยอุปกรณ์เสริมเหล่านี้ ประกอบไปด้วย ตัวเลือกแฮนด์บังคับเลี้ยวแบบต่าง ๆ เช่น แบบ Mini Ape Hangers ไฟเลี้ยว LED ขนาดเล็ก  บังโคลนแบบสั้น กระเป๋าสัมภาระ เบาะนั่งที่ที่บ่งบอกความเป็นตัวคุณ และปลอกมือจับทำความร้อนด้วยไฟฟ้า ตลอดจนอุปกรณ์เสริมแบรนด์ดัง ซึ่งประกอบไปด้วยชุดกันสะเทือนหลังแบบปรับได้จาก Fox และปลายท่อเก็บเสียงอลูมิเนียมกลึงขึ้นรูปสุดหรูหราจาก Vance & Hines พร้อมปลายท่อแบบปรับได้

          ทั้งนี้ ไทรอัมพ์ บอนเนวิลล์ บอบเบอร์ แบล็ค มาพร้อมกับสีที่น่าสนใจถึง 2 สี ได้แก่สี Jet Black เงางามสุดคลาสสิก และสี Matt Jet Black แบบร่วมสมัย ราคาประมาณการ 625,000 บาท

 

 

          นายจักรพงษ์ กล่าวต่อว่า นอกจากนี้ยังได้เปิดตัวอีกหนึ่งรุ่น ได้แก่ “บอนเนวิลล์ สปีดมาสเตอร์” (Bonneville Speedmaster) รถมอเตอร์ไซค์ไทรอัมพ์สไตล์คัสตอมแท้ อัดแน่นด้วยดีเอ็นเอสายพันธุ์อมตะเหนือกาลเวลาที่รวมคุณลักษณะอันโดดเด่นของมอเตอร์ไซค์ตระกูลบอบเบอร์เข้าไว้ด้วยกันได้อย่างลงตัว ส่งมอบภาพลักษณ์อันเป็นเอกลักษณ์ของบอบเบอร์อย่างเต็มเปี่ยมแต่สามารถใช้งานได้ง่ายดายและคล่องแคล่วขึ้นกว่าที่เคยมี ทั้งหมดนี้เป็นมิติใหม่ของรถมอเตอร์ไซค์ตระกูลบอนเนวิลล์สไตล์คัสตอมสุดคลาสสิกแบบฉบับอังกฤษที่มาพร้อมอุปกรณ์มาตรฐานในระดับสูงขึ้น

          โดย “บอนเนวิลล์ สปีดมาสเตอร์” มาพร้อมขุมพลังเครื่องยนต์บอนเนวิลล์ ขนาด 1200 ซีซี. ส่งมอบแรงบิดสูงสุดถึง 106 นิวตันเมตร ที่ 4,000 รอบต่อนาที และส่งมอบพละกำลังสูงสุดที่ 77 แรงม้าที่ 6,100 รอบต่อนาที พร้อมมอบภาพลักษณ์คัสตอมสุดคลาสสิกอันเป็นเอกลักษณ์เฉพาะตัวของสายพันธุ์การออกแบบที่สืบทอดมาจากบอบเบอร์ อาทิ ถังน้ำมันเชื้อเพลิงบอนเนวิลล์แกะสลัก ครีบเครื่องยนต์กลึงขึ้นรูป เรือนปีกผีเสื้อคู่สไตล์คาร์บูเรเตอร์ เส้นสายคอท่อที่เรียบง่ายชัดเจนสวยงาม ครีบคอท่อ และยางกันฝุ่นโช้ค เป็นต้น ขณะที่รูปลักษณ์โครงท้ายรถที่ออกแบบมาอย่างแข็งแรงและงดงามในแบบของบอบเบอร์ก็ได้ถูกนำมาไว้บนรถคันนี้เช่นกัน รวมถึงงานตัวถังแบบเรียบง่าย หน้าปัดเดี่ยว และดุมล้อที่ได้รับแรงบันดาลใจจาก ‘ดรัมเบรก’ หลังแบบคลาสสิก อีกทั้งกล่องแบตเตอรี่แบบดั้งเดิม ตลอดจนบังโคลนเหล็กพร้อมสันที่ตรงกลาง การตกแต่งไฟหน้า ‘Nacelle’ แฮนด์บังคับเลี้ยวกวาดไปด้านหลังสไตล์ Beach Bar หมุดพักเท้าด้านหน้า บังโคลนหลังแบบยึดตาย และล้อซี่ลวดขนาด 16 นิ้ว อีกทั้งเพิ่มความสะดวกสบายในการบังคับรถและการควบคุมที่เหนือชั้นด้วยตำแหน่งการขับขี่ที่ออกแบบตามหลักสรีระศาสตร์ จึงมีเบาะที่นั่งคู่อเนกประสงค์และที่นั่งเดี่ยวที่สามารถถอดออกได้ รวมทั้งเบรกประสิทธิภาพสูงเพื่อความมั่นใจสูงสุดด้วยดิสก์เบรกหน้าคู่ พร้อมคาลิปเปอร์จาก Brembo ส่วนดิสก์เบรกหลังเดี่ยวพร้อมคาลิปเปอร์ลูกสูบเดี่ยวจาก Nissin

 

 

          ด้านเทคโนโลยีความปลอดภัยจัดเต็มด้วยคันเร่งไฟฟ้า Ride-by-Wire สุดล้ำสมัย ที่พร้อมส่งมอบพละกำลังในทั้งโหมดขับขี่บนถนน (Road) และโหมดขับขี่ขณะฝนตก (Rain) ปลอดภัยยิ่งขึ้นด้วยระบบเบรก ABS รุ่นล่าสุด และระบบควบคุมการยึดเกาะถนน Traction Control แบบเปิดปิดได้ มีคลัตช์ควบคุมแรงบิด รวมถึงระบบควบคุมความเร็วคงที่ Cruise Control แบบกดปุ่มเดียวที่ช่วยเพิ่มความสามารถในการขับขี่ทางไกลให้สะดวกสบายมากขึ้น ตลอดจนหน้าปัดเดี่ยวสุดหรูหราซึ่งอัดแน่นด้วยคุณลักษณะมากมาย เช่น มาตรวัดความเร็วแบบ analog และจอ LCD ที่ควบคุมได้อย่างง่ายดายด้วยปลายนิ้ว มีระบบระบายความร้อนด้วยของเหลวเพื่อลดการปล่อยไอเสีย และระบบป้องกันการโจรกรรมรุ่นล่าสุดภายในกุญแจรถ อีกทั้งเพิ่มความอุ่นใจตลอดการขับขี่ที่มากขึ้นในส่วนของการบำรุงรักษาที่ยาวนานถึง 16,000 กิโลเมตร หรือ 1 ปี  แล้วแต่อย่างใดอย่างหนึ่งจะถึงก่อน ตลอดจนการรับประกันคุณภาพของรถที่ยาวนานถึง 2 ปี โดยไม่จำกัดระยะทาง พร้อมทั้งโปรแกรม Triumph Roadside Assistance ตลอดระยะเวลารับประกัน 2 ปี ทั้งหมดนี้ช่วยให้ผู้ขับขี่มั่นใจในการใช้งานได้อย่างเต็มที่เช่นกัน

 

 

          โดยรถมอเตอร์ไซค์ไทรอัมพ์ “บอนเนวิลล์ สปีดมาสเตอร์” ได้ถูกออกแบบมาสำหรับการปรับแต่งเพิ่มเติมด้วยชุดแต่งทั้งหมด 2 ชุด โดยชุดแต่ง ‘Highway’ สำหรับเพิ่มขีดความสามารถด้านทัวริ่งจึงมีชุดสัมภาระแบบอ่อนครบชุด ส่วนชุดแต่ง ‘Maverick’ สำหรับผู้ที่ขี่ต้องการภาพลักษณ์เรียบง่ายแต่ดุดัน และอุปกรณ์เสริมที่มีให้เลือกมากกว่า 130 รายการ จึงมีเบาะนั่งเดี่ยวและแฮนด์บังคับเลี้ยวทรงตรง ตลอดจนอุปกรณ์เสริมต่าง ๆ สำหรับการตกแต่งสไตล์ทัวริ่ง เช่น ท่อไอเสียระดับพรีเมียมจาก Vance & Hines

          ทั้งนี้ “บอนเนวิลล์ สปีดมาสเตอร์” โฉมใหม่มาพร้อม 3 สีสุดคลาสสิกให้เลือก ได้แก่ สี Jet Black สี Cranberry Red/Jet Black และสี Fusion White/Phantom Black พร้อมตัดเส้นคู่ด้วยมือ ราคาประมาณการ 625,000 บาท

          สำหรับรถมอเตอร์ไซค์ทั้ง 2 รุ่นดังกล่าว มีกำหนดเผยโฉมและเปิดให้จับจองอย่างเป็นทางการ ภายในงาน“มหกรรมยานยนต์ ครั้งที่ 34” หรือมอเตอร์เอ็กซ์โป 2017 ณ บูธ ไทรอัมพ์ G05 อาคารชาเลนเจอร์ ฮอลล์ 3 อิมแพค เมืองทองธานี ที่จะจัดขึ้นระหว่างวันที่ 30 พฤศจิกายน-11 ธันวาคม 2560 

Powered by MakeWebEasy.com
เว็บไซต์นี้มีการใช้งานคุกกี้ เพื่อเพิ่มประสิทธิภาพและประสบการณ์ที่ดีในการใช้งานเว็บไซต์ของท่าน ท่านสามารถอ่านรายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ นโยบายความเป็นส่วนตัว  และ  นโยบายคุกกี้