768 จำนวนผู้เข้าชม |
ภาพและภาพยนตร์ : AUDI AG
เรียบเรียง : Pitak Boon
คอนเซ็ปต์ของรหัส S และ RS จาก AUDI คือ ตัวแรงจากโรงงาน ที่สามารถใช้งานในชีวิตประจำวันได้อย่างสะดวกสบาย เป็นผลงานการโมจาก Audi Sport GmbH สำหรับ RS 5 Sportback ถูกต่อยอดมาจาก A5 Sportback ด้วยการอัพพลังเติมเต็มความแข็งแกร่งทั้งภายนอกและภายใน ผลลัพธ์ที่มองเห็นได้ด้วยตา คือรถสปอร์ตคูเป้ 4 ประตู ที่พื้นผิวตัวถังดูแน่นไปด้วยกล้ามเนื้อ และวิศวกรได้ขยายช่วงความกว้างของล้อ (Track) ทั้งด้านหน้าและหลังออกอีก 15 มิลลิเมตร เมื่อเทียบกับ A5 Sportback เพื่อรับมือกับเครื่องยนต์ที่ทรงพลังยิ่งขึ้น
เช่นเดียวกับ RS ทุกโมเดล RS 5 Sportback ใช้กระจังหน้า Honeycomb ขนาดใหญ่ ดีไซน์บนพื้นฐานของรูปทรงหกเหลี่ยม ความสูงของตัวกระจังเริ่มต้นตั้งแต่รอยต่อของฝากระโปรงไล่มาจนถึงชายล่างของแนวกันชน ท่อนบนทำหน้าที่ลำเรียงอากาศเข้าเครื่อง ขณะที่ท่อนล่างผันลมเข้าไประบายความร้อนให้กับชุดคอยล์ร้อนของระบบปรับอากาศ รวมทั้งแผงหม้อน้ำใบใหญ่ และเพื่อไม่ให้มันดูแปลกตาจนเกินไปนัก ส่วนบนของกระจังจึงถูกขั้นไว้ด้วย ตราสัญลักษณ์ ‘สี่ห่วง’ กรอบสำหรับติดป้ายทะเบียน และขาดไม่ได้เลยสำหรับโลโก้ ‘RS 5’
เมื่อเข้ามาสำรวจภายในห้องโดยสาร สิ่งแรกที่สะดุดตาหนีไม่พ้น เบาะบั๊กเก็ตซีทคู่หน้าทรงสวย ออกแบบด้วยดีไซน์เฉพาะตัวของ AUDI เคยผ่านๆ ตามาบ้างแล้วใน R8 และ RS 4 Avant วัสดุตกแต่งภายในใช้ลายคาร์บอนไฟเบอร์, อะลูมิเนียม และหนังแท้ พวงมาลัยมัลติฟังก์ชั่นเป็นแบบปาดขอบล่างสไตล์ตัวแข่ง DTM ดีไซน์ที่ AUDI เริ่มต้นมาก่อนใคร ด้านหลังของพวงมาลัยทั้ง 2 ฝั่งเป็น Paddle shift สำหรับเปลี่ยนเกียร์ ในส่วนของอุปกรณ์ไฮเทค RS 5 Sportback มีมาให้อย่างครบถ้วน อาทิ ระบบ MMI ที่ใช้ในการปรับแต่งระบบต่างๆ ในรถ สื่อสารกับผู้ขับผ่านมอนิเตอร์ขนาด 8 นิ้ว แน่นอนในส่วนนี้จะเป็นแหล่งรวมความบันเทิงทั้งหลาย ตั้งแต่ระบบเครื่องเสียง ไล่ไปจนถึงการชมภาพยนตร์ผ่าน DVD
เครื่องยนต์ 2.9 TFSI V6 bi-turbo ใน RS 5 Sportback เรียกกำลังออกมาใช้งานได้ 444 hp พร้อมแรงบิดสูงสุด 600 Nm ตั้งแต่รอบต่ำ 1,900-5,000 รอบ/นาที เครื่องยนต์ตัวแรงถูกจับคู่กับเกียร์ Tiptronic 8 สปีด และระบบขับเคลื่อน quattro ตะกายผ่านล้อทั้งสี่ ผ่านหลัก 100 กม./ชม. ด้วยเวลา 3.9 วินาที ความเร็วสูงสุด 278 กม./ชม.
RS 5 Sportback ใช้ระบบขับเคลื่อน quattro ในสภาพการขับขี่ทั่วไปกระจายกำลังระหว่าง ล้อหน้า:ล้อหลัง ที่ 40:60 และสามารถส่งแรงบิดไปที่ล้อคู่หน้าได้สูงสุด 70 เปอร์เซ็นต์ (70:30) ส่วนคู่หลังส่งไปได้สูงสุด 85 เปอร์เซ็นต์ (15:85) ทั้งหมดถูกจัดสรรผ่านชุดขบวนเฟือง Crown Gear ระบบ quattro จาก AUDI ไม่ได้เน้นเรื่องประสิทธิภาพในการกระจายกำลังแต่เพียงอย่างเดียว แต่ยังเชื่อมโยงไปถึงการลดน้ำหนัก ซึ่ง Crown Gear ทั้งลูก จะมีขนาดกะทัดรัดยิ่งขึ้น และมีน้ำหนักโดยประมาณ 4.8 กิโลกรัม เท่านั้น