HYUNDAI IONIQ electric รถไฟฟ้า 100% ไร้น้ำมัน ไร้มลพิษ เป็นมิตรกับสิ่งแวดล้อมพร้อมแล้วกับถนนเมืองไทย

2360 จำนวนผู้เข้าชม  | 

โดย สุรเดช สุทธิยุทธิ์

หลังจากที่บริษัท Hyundai Motor (Thailand) co.,Ltd ได้นำ ฮุนได ไอออนิก อิเล็กทริกมาอวดโฉมในงาน Motor Expo 2017 ได้การตอบรับเป็นอย่างดีจากผู้เข้าร่วมชมงานและในปี 2018ในงาน Motor Show ทางบริษัทฮุนไดนำฮุนไดไอออนิกอิเล็กทริคกลับมาโชว์อีกครั้งพร้อมได้เปิดราคาและให้ผู้ที่สนใจได้จับจองพร้อมทำการขายจริงในงานนี้โดยมียอดจองมากกว่า10คันและในครั้งนี้ทางฮุนไดได้ส่งมอบรถให้กับผู้ที่จองในงานเป็นที่เรียบร้อยพร้อมกับนำฮุนไดไอออนิกเล็กทริคมาให้พวกเราสื่อมวลชนสายยานยนต์ได้ทดสอบกันแต่ก่อนที่จะได้ลองทดสอบกันมารู้จักรายละเอียดของ ฮุนได ไอออนิก อิเล็กทริคกันก่อน

 

 

ฮุนได ไอออนิก ภายนอกได้รับการออกแบบโดยเน้น ที่ปัจจัยหลัก 2 อย่างคือ เทคโนโลยีและประสิทธิภาพ ทำให้มีบุคลิกของความเป็นรถยนต์แห่งอนาคต รูปทรง ตัวรถเป็นแบบรถ hatchback ทรงสปอร์ต มาพร้อมเส้นสายที่พริ้วไหว รวมถึงการออกแบบตัวถังส่วนต่างๆเช่น ช่องดักลมที่ล้อคู่หน้า สปอยเลอร์ด้านหลังดิฟฟิวเซอร์ ใช้ล่างประตูทั้ง 4 บาน แผ่นปิดใต้ท้องรถ รวมถึงล้ออัลลอยทั้งหมดนี้ทำให้อากาศสามารถไหลผ่านตัวรถได้อย่างสะดวกและลื่นไหลตามหลักอากาศพลศาสตร์ด้วยค่าสัมประสิทธิ์แรงเสียดทานที่ต่ำเพียง 0.24 และยังรวมถึงการลดน้ำหนักตัวรถด้วยการเลือกใช้วัสดุที่มีน้ำหนักเบาอย่างอลูมิเนียมในการผลิตฝากระโปรงหน้าและฝากระโปรงท้าย ทำให้สามารถลดน้ำหนักลงได้ถึง 12.6 กิโลกรัมเมื่อเทียบกับเหล็กทั่วไป

รถยนต์รุ่นดังกล่าวเป็นรุ่นที่ขับเคลื่อนด้วยพลังไฟฟ้าดังนั้นกระจังหน้าจึงถูกออกแบบในลักษณะปิด ทึบ เนื่องจากไม่ต้องใช้งานเพื่อการระบายความร้อนเครื่องยนต์แต่ยังคงไว้ซึ่งความพริ้วไหวและสะอาดตาด้วยสีเทาเข้มไฟส่องสว่างขณะขับขี่เวลากลางวันไฟหน้าและไฟท้ายเป็นแบบแอลอีดี บริเวณชายกันชนด้านหน้าและด้านหลัง รวมทั้งชายประตูทั้ง 4 บานถูกตกแต่งด้วยสีทองแดงที่สื่อถึงความเป็นรถยนต์พลังงานไฟฟ้า



ภายในถูกออกแบบโดยเน้นถึงความเป็นรถแห่งอนาคตด้วยแนวคิด"Purified High-Tech' ที่เน้นถึงความเรียบง่ายลื่นไหล แต่มีความประณีตและใช้งานง่ายเน้นการใช้วัสดุที่ก่อให้เกิดผลกระทบกับสิ่งแวดล้อมที่น้อยที่สุด มีผิวสัมผัสที่เรียบลื่นและให้ความรู้สึกสะอาดบริสุทธิ์วัสดุภายในเลือกใช้วัสดุจากธรรมชาติ เช่น ผ้าหลังคาและโฟมที่มีส่วนผสมจากต้นอ้อยเพื่อช่วยให้อากาศภายในห้องโดยสารมีความบริสุทธิ์ สีพ่นตัวถังที่มีส่วนผสมของน้ำมันถั่วเหลืองเพื่อให้มีประกายของเม็ดสีที่สวยงามแผงประตูที่ผลิตจากพลาสติกรีไซเคิลผสมกับผงไม้และหินจากภูเขาไฟแต่ยังคงไว้ซึ่งความแข็งแรงและคุณภาพที่ดีนอกจากนี้บริเวณช่องแอร์คอนโซลกลางพวงมาลัยและเบาะนั่งถูกตกแต่งด้วยสีส้มทองแดงซึ่งเป็นสีที่ เปรียบเสมือนกระแสไฟฟ้าที่เคลื่อนไหวอยู่ภายในรถยนต์ได้แรงบันดาลใจจากทองแดงที่อยู่ใน คอนดักเตอร์ของระบบไฟฟ้า

  

ภายในห้องโดยสารมีความกว้างขวางและสะดวกสบายโดยเฉพาะที่นั่งของผู้โดยสารตอนหน้าซึ่งมีความโปร่งและกว้างขวางเป็นพิเศษเนื่องจากระบบเกียร์ถูกออกแบบให้เป็นแบบระบบปุ่มกดหรือ shift by wire ซึ่งถูกติดตั้งอยู่บริเวณคอนโซลกลางซึ่งผู้ขับขี่สามารถเลือกเปลี่ยนเกียร์ได้ตามต้องการเพียงปลายนิ้วสัมผัสนอกจากนี้ยังมีระบบเบรกมือไฟฟ้าพร้อมระบบ Auto Hold ที่จะช่วยหยุดรถชั่วขณะในสภาพการจราจรติดขัดและระบบwireless charging ที่สามารถชาร์จแบตเตอรี่โทรศัพท์เคลื่อนที่ได้เพียงวางโทรศัพท์บริเวณช่องชาร์จด้านซ้ายของปุ่มเลื่อนตำแหน่งเกียร์

 


ระบบความบันเทิงสามารถควบคุมได้ผ่านหน้าจอระบบสัมผัสขนาด 5 นิ้วที่สามารถเลือกฟังก์ชันเพื่อความบันเทิงได้ตามต้องการเช่นระบบวิทยุพร้อมระบบเชื่อมต่อบลูทูธ ช่องต่อระบบ USB และ aux หน้าปัดแสดงการทำงานของระบบต่างๆบริเวณคนขับ เป็นหน้าปัดความละเอียดสูงขนาด 7 นิ้วแบบ tft ที่แสดงข้อมูลพื้นฐานต่างๆของรถยนต์ไม่ว่าจะเป็นระยะทางที่สามารถวิ่งได้ต่อการชาร์จ 1 ครั้งระดับพลังงานของแบตเตอรี่รวมถึงข้อมูลอื่นๆของตัวรถที่จำเป็นซึ่งผู้ขับขี่สามารถเลือกดูได้ผ่านปุ่มควบคุมบนพวงมาลัย หน้าปัดนี้สามารถปรับเปลี่ยนรูปแบบของการแสดงโขน ตามรูปแบบการขับขี่โดยผู้ขับขี่สามารถเลือกรูปแบบการขับขี่ได้ผ่านปุ่ม Drive mode บริเวณคอนโซลกลางซึ่งมีให้เลือกทั้งหมด 3 รูปแบบได้แก่ eco normal และ Sport ในโหมด Eco หน้าปัดจะแสดงผลมาตรวัดความเร็วในรูปแบบอนาล็อก เช่นเดียวกับมาตรวัดความเร็วแบบรถยนต์ปกติและแถบสีเขียวบริเวณตัวเลขความเร็วพร้อมไฟแสดงสถานะโหมด Eco สีเขียวในโหมด Normal หน้าปัดจะแสดงมาตรวัดความเร็วในรูปแบบอนาล็อกเช่นเดียวกับมาตรวัดความเร็วแบบรถยนต์ปกติจากแถบสีเขียวในโหมด Eco จะถูกเปลี่ยนเป็นแถบสีเทาและมีไฟแสดงสถานะโหมด Normal ในโหมด Sport หน้าปัดจะถูกเปลี่ยนจากมาตรวัดความเร็วเป็นมาตรวัดแสดงสถานะกำลังของการขับเคลื่อนของรถจาก 0 ถึง 100 เปอร์เซ็นต์ในรูปแบบอนาล็อกพร้อมแถบสีแดงตรงกลางจะแสดงความเร็วแบบตัวเลขดิจิตอลที่จะถูกไล่ลำดับขึ้นไปตามความเร็วของรถยนต์

ระบบปรับอากาศภายในรถยนต์เป็นแบบ dual Zone ที่เลือกปรับอุณหภูมิแยกอิสระสำหรับผู้ขับขี่และผู้โดยสาร และเพื่อการขับขี่ที่สะดวกสบายควบคุมการลดการใช้พลังงานที่ไม่จำเป็นฮุ่นไดไอออนิกอิเล็กทริก ยังมีระบบปรับอากาศที่ผู้ขับขี่สามารถเลือกให้ลมออกจากช่องปรับอากาศเฉพาะผู้ขับขี่อย่างเดียวได้เพียงกดปุ่ม driver only ที่บริเวณแผงควบคุมเครื่องปรับอากาศเท่านี้ก็จะช่วยลดภาระการทำงานของระบบปรับอากาศและช่วยประหยัดพลังงานได้อีกด้วย

สำหรับระบบขับเคลื่อนของฮุนไดไอออนิก อิเล็กทริก นั้น เป็นการขับเคลื่อนโดยใช้มอเตอร์ไฟฟ้าชนิดซิงโครนัสแม่เหล็กถาวร ที่ให้พละกำลังสูงสุด 120 แรงม้า(88kw) แรงบิดสูงสุด 295 นิวตันเมตร เชื่อมต่อผ่านระบบเกียร์แบบ Single Speed ที่สามารถเลือกตำแหน่งเกียร์ผ่านปุ่มกดบริเวณคอนโซลกลาง และสามารถพารถยนต์ไปที่ความเร็วสูงสุดที่ 165 กิโลเมตรต่อชั่วโมง

แบตเตอรี่ที่ใช้สำหรับเก็บพลังงานไฟฟ้าในการขับเคลื่อนนั้นเป็นแบตเตอรี่แบบ lithium ion Polymer ซึ่งมีประสิทธิภาพการชาร์จไฟที่ดีและมีหน่วยความจำรอบการชาร์จไฟที่น้อยกว่าเมื่อเทียบกับแบตเตอรี่แบบนิกเกิล เมทัลไฮดราย สำหรับในฮุนไดไอออนิก Electric นั้น เป็นแบตเตอรี่ขนาด 28 kw h ที่สามารถวิ่งได้ระยะทางสูงสุดที่ 280 กิโลเมตร ใช้เวลาในการชาร์จไฟแบบปกติอยู่ที่ 4 ชั่วโมง 25 นาทีโดยประมาณและการชาร์จไฟแบบ Quick Charge ที่กำลังการชาร์จไฟขนาด 50 kw จะใช้เวลา 30 นาทีและ 23 นาทีโดยประมาณด้วยกำลังการชาร์จไฟขนาด 100 kw โดยแบตเตอรี่นี้ถูกติดตั้งอยู่ใต้ที่นั่งของผู้โดยสารตอนหลังแต่ยังคงไว้ซึ่งพื้นที่ที่สามารถบรรจุสัมภาระได้สูงสุดถึง 650 ลิตร รถยนต์พลังงานไฟฟ้าไอโอนิคมาพร้อมกับเทคโนโลยีใหม่ล่าสุดกับระบบregenerative braking system ที่สามารถควบคุมได้ด้วยปุ่ม paddle shift บริเวณด้านหลังพวงมาลัยมีทั้งหมด 4 ระดับโดยแต่ละระดับจะเป็นระดับการนำพลังไฟฟ้ากับเข้าสู่แบตเตอรี่จากมากไปน้อยเพียงผู้ขับขี่กดปุ่ม paddle shift รถยนต์จะลดความเร็วโดยอัตโนมัติระบบเบรกจะทำงานเพื่อให้ระบบ regenerative braking System ทำงาน และนำกระแสไฟกลับเข้าสู่แบตเตอรี่เพื่อช่วยให้มีระยะทางการวิ่งที่ยาวขึ้น ระบบช่วงล่างด้านหน้าแบบแม็กเฟอร์สันสตรัทผลิตจากอลูมิเนียมช่วงล่างด้านหลังแบบทอร์ชั่นบีมถูกปรับแต่งเพื่อให้มีการขับขี่ที่นุ่มนวลมั่นใจและสะดวกสบาย

ฮุนไดไอออนิกอีเลคทริค ยังมาพร้อมกับระบบความปลอดภัยที่ช่วยให้ผู้ขับขี่และผู้โดยสารปลอดภัยในทุกการเดินทางด้วยระบบ Blind Spot Detection ที่จะทำหน้าที่ตรวจจับรถในจุด อับสายตาขณะขับขี่ โดยทำงานควบคู่กันกับระบบ  Lane Change Assist ที่จะช่วยตรวจจับรถในเลนส์ด้านข้างในขณะที่ผู้ขับขี่กำลังจะเปลี่ยนเลนและยังทำงานร่วมกับระบบ Rear Cross Traffic Alert ในขณะที่ผู้ขับขี่กำลังจะถอยรถออกจากที่จอดรถระบบจะตรวจจับความเคลื่อนไหวของสิ่งต่างๆรอบตัวไม่ว่าจะเป็นรถยนต์หรือคนเดินเท้าหากมีวัตถุเคลื่อนไหวบริเวณด้านหลังรถระบบจะแจ้งเตือนผู้ขับขี่เพื่อความปลอดภัยขณะถอยรถ

  

ระบบ Forward Collision Warning (FCW) ที่ช่วยเตือนผู้ขับขี่ผู้ขับขี่ขับรถเข้าใกล้รถคันหน้ามากเกินไปและถ้าระบบตรวจพบว่าผู้ขับขี่ไม่เหยียบเบรกเพื่อหยุดรถระบบจะส่งเสียงเตือนผู้ขับขี่เพื่อให้ผู้ขับขี่หยุดรถก่อนที่จะเกิดอุบัติเหตุและระบบ Autonomous Emergency Braking System(AEB) ที่จะช่วยเบรครถอัตโนมัติในกรณีที่ผู้ขับขี่ไม่มีปฏิกิริยาตอบสนองในขณะที่รถกำลังเข้าใกล้รถคันหน้าหรือในกรณีที่คนเดินถนนเดินตัดผ่านหน้ารถในระยะกระชั้นชิด กล้องบริเวณด้านบนกระจกบังลมหน้าและเรด้าบริเวณกระจังหน้าจะทำหน้าที่ตรวจจับวัตถุและคนเดินถนนและจะสั่งการให้รถหยุดโดยอัตโนมัติเพื่อป้องกันการกิดอุบัติเหตุนั้นคือช้อมูลของตัวรถ ไอออนิก อิเล็กทริก

ในส่วนการทดลองขับ ทางฮุนไดมอเตอร์ได้จัดเส้นการทดสอบ เราออกสตาร์ทกันที่ร้านอาหารชวนคิทเช่น เมืองทองธานี ขึ้นทางด่วน เส้นทางด่วนอุดรรัถยา แล้วไปลงที่บางพูน เมื่อลงบางพูนแล้วเราก็ยูเทิร์นกลับ กลับเข้าสู่ทางด่วนอุดรรัถยา เพื่อมุ่งหน้าสู่เมืองทองจบที่ร้านอาหารชวนคิทเช่น ระยะทางรวม 35 กิโลเมตร ความประทับใจ แรก คงจะเป็นที่ได้ลองขับรถไฟฟ้าน่าจะเป็นคันแรกของเมืองไทย ที่ได้ทำการตลาดและขายจริงส่งมอบให้กับลูกค้าเป็นที่เรียบร้อยแล้ว เป็นรถที่ขับแล้วไม่แตกต่างจากรถที่มีเครื่องยนต์ จะมีข้อดีคือความเงียบ ระบบปรับอากาศ เย็นฉ่ำชื่นใจ อัตราเร่งแม้จะเป็นมอเตอร์ไฟฟ้า ก็ขับได้สนุกไม่แพ้กับเครื่องยนต์นอกไปจากนี้ยังมีระบบ ให้เลือกเล่นถึง 3 ฟังก์ชัน คือ โหมด Eco เน้นความประหยัดสุดๆ โหมดNormal เป็นการขับขี่แบบปกติ

 



มีพละกำลังพอประมาณ โหมด สปอร์ต ระบบนี้จะเน้นที่ความเร็วความแรงขับสนุกทุกการกดคันเร่ง แต่ จะสูญเสียพลังงานไปมากพอสมควร จากที่ได้ลองขับทั้ง 3 โหมด ผมแนะนำว่าให้เลือกใช้ระบบ Normal จะดีที่สุด แต่ถ้าจะใช้ในการเร่งแซง ให้ปรับไป ที่โหมด Sport จะทำให้อัตราเร่งของรถ ดีขึ้นมาอย่างทันตาเห็น แต่ถ้าขับขี่ในเมืองในสภาวะที่มีการจราจรที่ติดขัด ให้หันมาใช้โหมด Eco จะช่วยประหยัดพลังงานได้ดีพอสมควร กับระยะทาง 30 กิโลเมตรที่ผมได้ลองขับ มีความชื่นชอบ เป็นอย่างมาก มีระบบตัวช่วยมากมาย เช่นระบบ SCC(Smart Cruise Control) ระบบรักษาความเร็วที่ผู้ขับขี่ตั้งไว้และรักษาระยะห่างจากรถคันหน้าด้วยการเบรกอัตโนมัติเมื่อทางข้างหน้าว่างระบบจะเร่งความเร็วกับสู่ระดับเดิมที่ตั้งไว้ คล้ายๆกับระบบ Cruise control แต่อันนี้จะฉลาดกว่าสามารถลดความเร็วให้ได้โดยอัตโนมัติโดยที่เราไม่ต้องไปยกเลิกระบบ ระบบ FC W (Autonomous Emergency Braking (AEB)With Forward Collision Warning)ระบบเตือนและช่วยเบรกอัตโนมัติป้องกันการชนด้านหน้า ระบบนี้ก็ได้ลองเหมือนกันโดยจำลองสถานการณ์โดยให้รถคันหน้าชะลอความเร็ว แล้วรถของเราก็วิ่งเข้าไปหา ระบบเบรกจะทำงานเองโดยอัตโนมัติ ช่วยเราเบรค ในกรณีที่เราอาจจะเหม่อหรืออาจจะหลับใน ช่วยลดอุบัติเหตุได้อย่างดี นอกไปจากนี้ยังมีระบบ LKA (Lane Departure Warning(LDW)and Lane Keep Assist ) ระบบเตือนเมื่อรถออกนอกเลน ระบบนี้ก็ได้ลองอีกเช่นกันโดยจำลองสถานการณ์ว่ารถออกจากเลน พวงมาลัยจะดึงกลับ ให้เข้ามาอยู่ในเลนและมีเสียงเตือน ทำให้ผู้ขับขี่ ประคองพวงมาลัย ขับขี่ได้ตามปกติ เป็นระบบตัวช่วยที่มีความทันสมัย เทียบเท่ากับรถหรูๆแพงๆ ที่จัดให้มาอย่างเต็มพิกัด เป็นการขับรถไฟฟ้า ที่ไม่ได้มีความแตกต่างจากรถที่มีเครื่องยนต์ แต่ สิ่งที่รถไฟฟ้า ให้ผลลัพธ์กับเราคือ การประหยัดพลังงาน การลดใช้น้ำมัน การเป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อม เพราะรถคันนี้ไม่มีค่าไอเสีย ไอเสียเป็นศูนย์ พร้อมกับความทันสมัย ในเทรนของรถยนต์ในยุคอนาคต ทาง Hyundai ได้แจ้งให้เราทราบอีกว่า เจ้าไอออนิก Electric คันนี้ ถ้าชาร์จไฟเต็ม จะวิ่งได้ 280 กิโลเมตร ขึ้นอยู่กับสภาพการจราจร และความเร็วที่ผู้ขับขี่ได้ใช้งาน โดยความเร็วที่ทำสถิติออกมา จะอยู่ที่ความเร็ว 80 ถึง 100 KM มากไปกว่านั้น รถคันนี้ มีกำหนดการเช็คระยะที่ 1 5,000 กิโลเมตร ค่าใช้จ่ายจะอยู่ที่ประมาณ 1,500 บาท

ราคาค่าตัว ของฮุนไดไอออนิกอีเล็คทริกอยู่ที่ 1,749,000 บาท ถือว่าสมเหตุสมผล ถ้าคิดว่าเราจะเลือกใช้รถไฟฟ้า 100% กับราคานี้ และเป็นรถที่ สามารถนำมาใช้งานได้จริงในชีวิตประจำวันเพียงแต่ ท่านต้องศึกษาทำความเข้าใจ การใช้งานอย่างถูกวิธี การชาร์จไฟ เพียงเท่านี้ท่านก็สามารถที่จะใช้รถไฟฟ้า 100% กันได้ โดยไม่มีปัญหาให้มาหงุดหงิดใจ การรับประกัน ในส่วนของตัวรถ 3 ปีหรือ 100,000 กม. ในส่วนของแบตเตอรี่ รับประกัน 8 ปี ไม่จำกัดระยะทาง ทุกท่านคงไม่ต้องกังวลใจเพราะการการันตีขนาดนี้ แสดงให้เห็นว่าทางผู้ผลิตรถฮุนได ได้มีการทดสอบ การใช้งานมาแล้ว ถึงกล้าที่จะยืนยันขนาดนี้ ต้องขอฝากรถไฟฟ้า 100% ของค่าย เกาหลีเอาไว้ด้วย เปิดใจยอมรับ กับสิ่งดีๆ ที่ไม่ต้องไปยึดติดค่ายใหญ่ ค่ายโต ที่มัวแต่รอจนไม่รู้ว่าจะได้ใช้เมื่อไหร่ แต่ฮุนไดแม้จะเป็นค่ายเล็กๆในตลาดบ้านเรา แต่ใจถึง ที่จะกล้าแตกต่างและนำเสนอสิ่งดีๆให้กับผู้บริโภคชาวไทยได้มาสัมผัสกัน กับรถไฟฟ้า100% ฮุนได ไอออนิคอิเล็คทริก มาเงียบๆแต่ขายแล้วนะใช้งานจริงๆแล้วด้วยอีกสักพักคงจะเห็นมากขึ้นบนถนนเมืองไทย

 

Powered by MakeWebEasy.com
เว็บไซต์นี้มีการใช้งานคุกกี้ เพื่อเพิ่มประสิทธิภาพและประสบการณ์ที่ดีในการใช้งานเว็บไซต์ของท่าน ท่านสามารถอ่านรายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ นโยบายความเป็นส่วนตัว  และ  นโยบายคุกกี้