1329 จำนวนผู้เข้าชม |
ภาพ : Automobili Lamborghini S.p.A.
เรียบเรียง : Pitak Boon
LAMBORGHINI ผู้ผลิตรถสปอร์ตตลอดกาลจากดินแดนมักโรนี บริษัทรถยนต์ค่ายนี้ถือกำเนิดขึ้นมาจากความขุ่นเคือง ผู้ผลิตรถสปอร์ตรายใหญ่สัญชาติเดียวกัน อย่าง FERRARI จนเป็นแรงผลักดันให้ลูกค้าคนสำคัญของค่ายม้าลำพองนาม Mr. Ferruccio Lamborghini ตั้งปณิธานที่จะทำรถสปอร์ตขึ้นใช้เอง และผลิตรถสปอร์ตสมรรถนะสูงขายแข่งกับ FERRARI เลยทีเดียว
ในที่สุด LAMBO ก็เปิดตัวรถสปอร์ตขึ้นทาบรัศมี FERRARI ในอดีตตัวแรงๆ ของค่ายนี้สร้างชื่อจนทำให้วงการรถแรงต้องสั่นสะท้านมาแล้วหลายรุ่น จากความดิบ ความเถื่อน และความแรง ที่อัดแน่นอยู่ในรถ LAMBO ทุกคัน จนมาถึงยุคที่ค่ายกระทิงโดนพายุทางเศรษฐกิจโหมกระหน่ำ จึงต้องเปลี่ยนมือผู้ครองครองมาหลายรอบ กระทั่งตกอยู่เครือ VW Group เมื่อแบ็คอัพดี เทคโนโลยีเด่น กระทิงจึงแข็งแกร่งขึ้น และพร้อมกลับมาไล่ขวิดใครต่อใครได้อีกครั้ง
ซูเปอร์คาร์โมเดลแรก ภายใต้ร่มเงาเยอรมัน คือ Murcielago คาเร็กเตอร์ของรถยังคงเดิม สิ่งที่เปลี่ยนไป คือ สารพัดเทคโนโลยีที่จะช่วยอำนวยความสะดวกในการขับขี่ และการควบคุมรถ LAMBO ปล่อยให้ Murcielago ทำตลาดอย่างโดดเดี่ยวได้ไม่นาน ก็คลอด Baby LAMBO ออกมาช่วยเพิ่มสีสันอีกหนึ่งรุ่น ภายใต้ชื่อ Gallardo ด้วยขนาดมิติที่ย่อมกว่า พร้อมเครื่องยนต์บล็อกใหม่แกะกล่อง จึงทำให้ Gallardo โดดเด่นไม่เป็นรองพี่ใหญ่แม้แต่น้อย Gallardo สะสมยอดจำหน่ายรวม 14,022 คัน ก่อนถึงเวลาปลดระวางอย่างเป็นทางการ เพื่อส่ง Huracan LP610-4 กระทิงหนุ่มที่สดกว่า แกร่งกว่า ขึ้นแทนที่เพื่อรับมือกับคู่แข่งฝีเท้าจัดทั้งมวล
ทีมออกแบบ Huracan สามารถบรรลุวัตถุประสงค์ทุกข้อ ในขั้นตอนการออกแบบ อันได้แก่ ใช้ดีไซน์ที่ดูสะอาดหมดจด และมีเอกลักษณ์เฉพาะตัว เพื่อให้ได้รถสปอร์ตที่อัดแน่นไปด้วยความไฮคลาส และไฮเทค Huracan จึงมาพร้อมความคมในทุกมุมมอง แต่ละองค์ประกอบบนตัวถัง สื่อสารถึงความพร้อมในการพุ่งทะยานไปข้างหน้า พอร์ตต่างๆ ในกันชนหน้าต่อเนื่องไปจนถึงกันชนหลัง บ่งบอกถึงความใส่ใจในรายละเอียดด้านแอร์โร่ไดนามิค Huracan จึงเป็นซูเปอร์คาร์ที่งดงามที่สุดเท่าที่ LAMBO ผลิตรถสมรรถนะสูงมา
จาก Huracan เวอร์ชั่นแรกซึ่งเป็นรถปี 2014 ได้ถูกอัพเกรดเพิ่มความแรงมาทุกปี กระทั่งมาเป็น Huracan EVO ซึ่งเป็นรถโมเดลปี 2019 นับเป็น Huracan เวอร์ชั่นถนนรองรับการใช้งานในชีวิตปะจำวันที่สมบูรณ์แบบที่สุด ประสิทธิภาพด้านแอร์โร่ไดนามิคดีขึ้นถึง 5 เท่า เมื่อเทียบกับ Huracan สมัยเปิดตัวครั้งแรก
ในส่วนของแชสซีเพิ่มระบบ Rear-wheel Steering หรือระบบช่วยเลี้ยวในล้อหลัง และระบบ Torque Vectoring รวมทั้งช่วงล่างแบบ MagneRide ปรับการตอบสนองได้ตามความเร็วรถ หรือโหมดที่ผู้ขับเลือก จะถูกควบคุมด้วยซอฟต์แวร์ LPI (Lamborghini Piattaforma Inerziale) เวอร์ชั่น 2.0 ที่จะตรวจสอบรูปแบบการเคลื่อนที่ของรถแบบ real-time เพื่อปรับแต่งทุกระบบ ให้ Huracan EVO มีเสถียรภาพในการขับเคลื่อนสูงสุด ในทุกรูปแบบการขับขี่
เครื่องยนต์และระบบขับเคลื่อน Huracan EVO ยกชุดมาจาก Huracan Performante ซึ่งเป็น Huracan ตัวแรงสุดในปี 2018 อดีตเจ้าของสถิติโปรดักชั่นคาร์ที่เร็วที่สุดในสนามแข่ง Nurburgring Nordschleife ประเทศเยอรมนี บล็อก V10 สูบ NA ปริมาตรกระบอกสูบ 5,204 ซีซี เครื่องยนต์แบบตัว V วางทำมุมกัน 90 องศา ช่วยลดความสูงของเครื่องลง (และลดความสูงของตัวรถ) เพื่อให้ได้จุดศูนย์ถ่วงของรถทั้งคันที่ต่ำ เมื่อให้ความสำคัญกับความสูงของเครื่องยนต์เป็นพิเศษ จึงเลือกใช้ระบบหล่อลื่นแบบ Dry Sump แบบเดียวกับรถแข่ง ส่วนระบบหล่อเย็นใช้น้ำหล่อเย็นหมุนเวียนในระบบ และระบายความร้อนผ่านหม้อน้ำ 2 ตัว ที่ติดตั้งทั้ง 2 ฝั่ง ด้านหน้ารถ
ระบบฉีดน้ำมันเชื้อเพลิงเป็นแบบผสมผสานระหว่าง Direct กับ Indirect Injection ใช้ชื่อระบบว่า IDS+MPI Duel Injection การป้อนอากาศเข้าสู่ห้องเผาไหม้ ใช้ระบบวาล์วแปรผันทั้งฝั่งไอดีและไอเสีย วาล์วทั้ง 40 ตัว จึงสามารถปรับเปลี่ยนองศาการทำงาน (Timing) ให้เหมาะสมกับรอบเครื่องยนต์ได้มากที่สุด เป็นที่มาของพละกำลัง 640 hp ที่ 8,000 รอบ/นาที แรงบิดสุงสุด 600 Nm ที่ 6,500 รอบ/นาที โดยแรงม้าและแรงบิดจะมาผ่านเกียร์คลัตช์คู่ 7 สปีด ก่อนส่งลงสู่ผิวถนนผ่านล้อทั้งสี่ Huracan EVO ทำอัตราเร่ง 0-100 กม./ชม. ด้วยเวลา 2.9 วินาที กดคันเร่งต่อผ่านหลัก 200 กม./ชม. ใช้เวลา 9.0 วินาที กระทั่งถึงความเร็วสูงสุดที่ LAMBO เคลมไว้กว่า 325 กม./ชม.