บีเอ็มดับเบิลยู ประเทศไทย เปิดประสบการณ์ยานยนต์หลากอารมณ์ ทั้งบีเอ็มดับเบิลยู ซีรี่ส์ 2 ซีรี่ส์ 3 และ X5 ที่มาในสไตล์ M Sport

800 จำนวนผู้เข้าชม  | 

โดยอัฐฒา นายเรือ


บีเอ็มดับเบิลยู ประเทศไทย นำสื่อมวลชนมาทดลองขับขี่ยนตรกรรมใหม่หลากสไตล์ ทั้งบีเอ็มดับเบิลยู 218i Gran Coupe M Sport , บีเอ็มดับเบิลยู 330e M Sport  และบีเอ็มดับเบิลยู X5 xDrive45e M Sport  ได้สัมผัสกับสมรรถนะจากรถยนต์ปลั๊กอินไฮบริดถึงสองรุ่น รวมทั้งประสิทธิภาพของระบบขับเคลื่อนและระบบช่วงล่างตามแบบฉบับ Sports Activity Vehicle (SAV) บนพื้นผิวต่างๆ ณ สนามเอ็นดูโร พาร์ค จังหวัดชลบุรี

 

ในครั้งนี้ ผู้เข้าร่วมกิจกรรมได้ลองสมรรถนะการขับขี่บีเอ็มดับเบิลยู 218i Gran Coupe M Sport และบีเอ็มดับเบิลยู 330e M Sport บนถนนจริงเพื่อสัมผัสถึงประสบการณ์การขับขี่ในชีวิตประจำวัน นอกจากนี้ ยังได้ทดสอบความคล่องตัวและความปราดเปรียวในการขับขี่แบบ Gymkhana ด้วยบีเอ็มดับเบิลยู X5 xDrive45e M Sport พร้อมทดสอบระบบขับเคลื่อนสี่ล้อ xDrive และประสิทธิภาพของระบบช่วงล่างแบบถุงลมที่สามารถปรับระดับอัตโนมัติทั้งในแบบออฟโรดและออนโรด

 

ผมได้ลองขับ 330e M Sport เป็นรุ่นแรก ออกจากตึกออลซีซัน ถ.วิทยุ มุ่งหน้าสู่ เอ็นดูโร พาร์ค ใกล้ๆ เขาเขียว จ.ชลบุรี เป็นระยะทางสั้นๆ ราว 100 กม. บีเอ็มฯ รหัส G20 มีความแตกต่าง ล้ำสมัยขึ้นมากกว่า F30 รุ่นก่อนหน้านี้เยอะทีเดียว โดยเฉพาะภายในห้องโดยสาร แผงหน้าปัดแบบจอกราฟิค อุปกรณ์ต่างๆ เพิ่มขึ้นมามากมาย การตกแต่งภายในหรูหรามากขึ้น การเก็บเสียงในห้องโดยสารทำได้ดีในมาตรฐานของบีเอมฯ



ระบบรองรับเซทมาแบบสปอร์ทที่ค่อนข้างแข็งแต่ไม่กระด้าง ยังให้ความสบายในการนั่ง โดยสามารถรองรับพละกำลังทั้งระบบที่รวมเอาเครื่องยนต์เบนซินเทอร์โบและมอเตอร์ไฟฟ้าไว้ถึง 292 แรงม้า ได้อย่างสบายๆ เป็นรถที่แรงและให้การขับขี่ที่คล่องตัวพอสมควร อัตราเร่ง 0-100 กม. ทำได้ใน 5.9 วินาที การเพิ่มความเร็วทำได้อย่างเร้าใจมากๆ นอกจากนี้ยังสามารถเพิ่มกำลังส่งในการเร่งความเร็วได้มากยิ่งขึ้นในโหมด SPORT เพียงเหยียบคันเร่งเพื่อกระตุ้นการทำงานของ XtraBoost และปลดปล่อยพละกำลังเสริมมากถึง 30 กิโลวัตต์ / 40 แรงม้า ภายในเวลาเพียง 10 วินาที โดยมีทอพสปีดอยู่ที่ 230 กม./ชม.

 

ในโหมดการขับขี่แบบ HYBRID ของบีเอ็มดับเบิลยู 330e M Sport ใหม่ สามารถเร่งความเร็วสูงสุดได้ถึง 110 กม./ชม. มากกว่ารุ่นก่อนหน้า 30 กม./ชม. โดยใช้เพียงพลังงานไฟฟ้าก่อนสลับไปเป็นการใช้พลังงานเครื่องยนต์ ขณะเดียวกันในโหมด ELECTRIC ซึ่งเป็นโหมดการขับขี่ด้วยพลังไฟฟ้าล้วนแบบไร้มลพิษ สามารถเร่งความเร็วสูงสุดได้ถึง 140 กม./ชม. มากกว่ารุ่นเดิมที่ทำได้ 120 กม./ชม. บีเอ็มดับเบิลยู 330e M Sport ยังได้ปรับปรุงอัตราการขับขี่ด้วยพลังงานไฟฟ้าปลอดมลพิษให้มากกว่ารุ่นก่อน 50 เปอร์เซ็นต์ ในระยะทางขับขี่สูงสุดที่  55-68 กิโลเมตร ในขณะเดียวกันยังลดการใช้อัตราการสิ้นเปลืองและการปล่อยมลพิษในโหมดขับขี่อื่นๆ ได้มากกว่า 15 เปอร์เซ็นต์ ระบบสร้างเสียงจำลองเพื่อให้ผู้ใช้ทางเท้าได้ยินจะถูกเปิดใช้ในขณะขับขี่ด้วยระบบพลังงานไฟฟ้าเพื่อส่งเสียงเตือนผู้ใช้ทางเท้าผ่านระบบลำโพงติดตั้งภายนอก

 

บีเอ็มดับเบิลยู 330e M Sport ใหม่ มาพร้อมระบบช่วยเหลือผู้ขับขี่ล้ำสมัย เช่น ระบบ Parking Assistant Plus ที่มาพร้อมกับระบบช่วยถอยรถในทิศทางเดิมแบบอัตโนมัติ ช่วยให้ตัวรถสามารถจดจำทิศทางที่ขับตรงไปข้างหน้าในระยะ 50 เมตรสุดท้าย ด้วยความเร็วไม่เกิน 36 กิโลเมตรต่อชั่วโมงได้ และสามารถถอยออกในทิศทางเดิมแบบอัตโนมัติ ทั้งนี้ Parking Assistant Plus มาพร้อมกับกล้องมองรอบทิศทาง Surround View Camera รวมทั้งวิวด้านบน วิวพาโนรามิค และรีโมท 3D วิวที่ช่วยให้ผู้ขับขี่สามารถเชื่อมต่อเพื่อดูภาพของรถที่จอดทางโทรศัพท์สมาร์ทโฟนได้ ผ่านระบบ BMW ConnectedDrive

 

บีเอ็มดับเบิลยู 330e M Sport ใหม่ (ประกอบภายในประเทศ)

ราคาจำหน่าย: 2,799,000 บาท (พร้อมโปรแกรมบำรุงรักษา BSI Standard)

 

เราใช้เวลา ชม.เศษๆ ก็มาถึง เอ็นดูโร พาร์ค เพื่อมาใช้พื้นที่แห่งนี้เป็นสถานที่ทดลองสมรรถนะของ X5 xDrive45e M Sport ใหม่ ซึ่งเป็นเจเนอเรชั่นที่ 4 ในตระกูล X5 ในรูปแบบปลั๊กอินไฮบริดผสานขุมพลังการขับเคลื่อนระบบไฟฟ้าเข้ากับความคล่องตัวในแบบฉบับรถยนต์ Sports Activity Vehicle (SAV) 

 

 

เจ้าหน้าที่พาเราวนรอบสนามออฟโรดซึ่งจำลองสถานการณ์ต่างๆ ที่จะเป็นอุปสรรคตามธรรมชาติที่เราอาจพบเจอในการขับขี่เพื่อเรียนรู้ฟังค์ชันที่ติดตั้งมาช่วยให้เราขับขี่ได้ง่ายขึ้นและเต็มไปด้วยความปลอดภัย เช่น ระบบกล้องหน้ารถที่จะส่งภาพมายังจอที่แผงหน้าปัด ช่วยเพิ่มทัศนวิสัยในการมองภาพเบื้องหน้ารถให้ชัดเจนโดยเฉพาะในขณะขึ้นลงเนินที่มีความลาดชันซึ่งจะช่วยให้เราขับได้อย่างปลอดภัย ไม่ชนเข้ากับอุปสรรคเบื้องหน้าที่เราอาจมองไม่เห็น หรือจะเป็นระบบ Hill Descent Control ที่จะมาช่วยลดความเร็วขณะลงทางลาดชันโดยที่เราไม่ต้องเหยียบเบรกเลย เพียงแค่ประคองพวงมาลัยและกดคันเร่งถ้าต้องการเพิ่มความเร็ว นอกจากนี้เรายังได้ทดลองการเบรกแบบกะทันหันบนพื้นกรวดเพื่อเรียนรู้เทคนิคการหยุดรถได้อย่างมีประสิทธิภาพบนพื้นผิวที่ลื่น โดยการค่อยๆ เพิ่มแรงเหยียบเบรกแบบกดลงไปจังหวะเดียวหรือนวดเบรค จะให้การหยุดรถที่มั่งคงและรวดเร็วกว่าการที่กดแป้นเบรคลงไปเต็มที่แบบกระทืบเบรคที่เรามักใช้กับระบบเบรคเอบีเอสบนพื้นผิวปกติยามที่เราต้องการหยุดรถแบบกะทันหัน



 

หลังจากที่ได้รู้จักกับ X5 ได้ดีพอสมควร และคุ้นเคยกับรถที่มีขนาดตัวค่อนข้างใหญ่แต่พอมานั่งขับกลับไม่รู้สึกว่าขับยากในการกะระยะต่างๆ ให้ความคล่องตัวดีทีเดียว เราก็เริ่มออกเดินทางเป็นขบวนคาราวานไปบนพื้นที่จริงที่มีทั้งออนโรดและออฟโรด X5 เป็นรถที่ควบคุมง่าย สบายทั้งผู้ขับและผู้นั่ง ความกว้างขวางภายในห้องโดยสารมีอยู่อย่างเหลือเฟือ เครื่องยนต์แรงดีมาก ขับสนุก นั่งนุ่มสบายจากระบบรองรับแบบถุงลมที่สามารถปรับความสูงของตัวรถจากพื้นได้มากถึง 4 ซม. และเมื่อวิ่งด้วยความเร็วตัวรถก็จะปรับลดความสูงลงเพื่อการยึดเกาะถนนที่ดียิ่งขึ้น   



 



บีเอ็มดับเบิลยู X5 xDrive45e M Sport ใหม่ ขับเคลื่อนด้วยขุมพลังเครื่องยนต์เบนซิน 6 สูบเรียง 3.0 ลิตร TwinPower Turbo ที่มอบพลังถึง 210 กิโลวัตต์ / 286 แรงม้า ควบคู่ไปกับความปราดเปรียวที่ได้จากเทคโนโลยีบีเอ็มดับเบิลยู EfficientDynamics และเจเนอเรชั่นที่ 4 ของเทคโนโลยีบีเอ็มดับเบิลยู eDrive สุดล้ำ มอเตอร์ไฟฟ้าส่งกำลังสูงสุดที่ 83 กิโลวัตต์ / 113 แรงม้า ตัวแบตเตอรี่ลิเธียมไอออนจุพลังงานไฟฟ้าได้กว่า 24 กิโลวัตต์ชั่วโมง โดยระบบไฟฟ้าทั้งหมดได้รับการพัฒนามาเพื่อให้มีการจัดการพลังงานอย่างมีประสิทธิภาพยิ่งขึ้น ซึ่งส่งผลให้ระบบปลั๊กอินไฮบริดของบีเอ็มดับเบิลยู X5 xDrive45e M Sport ประหยัดพลังงานและเชื้อเพลิงสูงสุด


 



เมื่อมอเตอร์ไฟฟ้าและเครื่องยนต์ทำงานร่วมกัน จะมอบพละกำลังสูงสุดที่ 290 กิโลวัตต์ / 394 แรงม้า พร้อมแรงบิด 600 นิวตันเมตร ส่งกำลังโดยตรงไปที่เกียร์อัตโนมัติ 8 สปีด Steptronic เจเนอเรชั่นล่าสุดและระบบขับเคลื่อนสี่ล้อ xDrive ที่มอบสมรรถนะบนถนนในสไตล์สปอร์ต พร้อมกับสมรรถนะแบบออฟโรดที่เหนือชั้น ให้อัตราเร่งจาก 0 ถึง 100 กิโลเมตรภายใน 5.6 วินาที ทำความเร็วได้ดีกว่ารุ่นก่อนหน้ากว่า 1.2 วินาที ด้วยความเร็วสูงสุดที่ 235 กิโลเมตรต่อชั่วโมง



บีเอ็มดับเบิลยู X5 xDrive45e M Sport ใหม่ มีอัตราการสิ้นเปลืองเชื้อเพลิงที่ 43.5 กิโลเมตรต่อลิตร ตาม ECO Sticker โดยเมื่อขับเคลื่อนด้วยไฟฟ้าเพียงอย่างเดียว จะสามารถทำความเร็วสูงสุดที่ 135 กิโลเมตรต่อชั่วโมง จากเดิมสูงสุดที่ 120 กิโลเมตรต่อชั่วโมง และวิ่งด้วยไฟฟ้าได้ไกลสูงสุด 67-87 กิโลเมตรตามมาตรฐานการทดสอบ WLTP ของยุโรป


บีเอ็มดับเบิลยู X5 xDrive45e M Sport ใหม่ มาพร้อมช่วงล่างแบบถุงลมที่สามารถปรับระดับอัตโนมัติและระบบควบคุมความนุ่มนวลโช้กอัพแบบแปรผัน นอกเหนือไปจากระบบการเชื่อมต่อครบวงจร ยังติดตั้งบริการดิจิทัลรูปแบบใหม่ที่สอดรับกับรถยนต์ปลั๊กอินไฮบริด ระบบช่วยเหลือผู้ขับขี่ยังได้รับการพัฒนามาเพื่อให้เข้ากับรถยนต์ในสไตล์ SAV เพื่อยกระดับความสะดวกสบายและความปลอดภัยที่เหนือชั้นให้แก่ผู้ขับขี่ นอกจากนี้ระบบ Parking Assistant Plus ที่มาพร้อมกับระบบช่วยถอยรถในทิศทางเดิมแบบอัตโนมัติ ช่วยให้ตัวรถสามารถจดจำทิศทางที่ขับตรงไปข้างหน้าในระยะ 50 เมตรสุดท้าย ด้วยความเร็วไม่เกิน 36 กิโลเมตรต่อชั่วโมงได้ และสามารถถอยออกในทิศทางเดิมแบบอัตโนมัติ นอกจากนี้ บีเอ็มดับเบิลยู X5 xDrive45e M Sport ใหม่ ยังมาพร้อมกับ Parking Assistant Plus ทีมีกล้องมองรอบทิศทาง Surround View Camera รวมทั้งวิวด้านบน วิวพาโนรามิค และรีโมท 3D วิวที่ช่วยให้ผู้ขับขี่สามารถเชื่อมต่อเพื่อดูภาพของรถที่จอดทางโทรศัพท์สมาร์ทโฟนได้ ผ่านระบบ BMW ConnectedDrive

 



ในส่วนของระบบความบันเทิงและการสื่อสาร บีเอ็มดับเบิลยู X5 xDrive45e M Sport ใหม่ มาพร้อมระบบเครื่องเสียงรอบทิศทาง Harman Kardon ที่ระบบชาร์จโทรศัพท์แบบไร้สาย ที่วางแก้วบริเวณคอนโซลกลาง พร้อมฟังก์ชันควบคุมอุณหภูมิ และระบบสั่งงาน iDrive ด้วยการเคลื่อนไหวมือ (BMW Gesture Control)

 



หลังจากที่ขับรถกันมานานพอสมควร เราก็เดินทางมาถึงสถานที่ซึ่งทีมงานได้จัดเตรียมในการทดลองขับแบบจิมคานาจับเวลาแข่งขันชิงรางวัลกัน เพื่อดูการควบคุมบังคับรถในขณะใช้ความเร็วบนพื้นทางลูกรังที่ลื่นมากทีเดียว การเปลี่ยนทิศทางทำได้อย่างแม่นยำ ระบบ XDrive ขับเคลื่อน 4 ล้อ และตัวช่วยต่างๆ ช่วยลดอาการล้อหมุนฟรีที่จะทำให้รถเสียหลักได้เป็นอย่างดี เราขับ X5 ได้ราวกับเป็นรถเล็กๆ ที่ให้ความคล่องตัวสูง เป็นรถที่ขับสนุกต่างจากรูปลักษณ์ภายนอกที่แลดูใหญ่โต

 



เราใช้เวลาขับ X5 อยู่ประมาณ 1 ชม.ก็กลับเข้ามาสู่ เอ็นดูโร พาร์ค เพื่อมาเปลี่ยนยานพาหนะเป็น   บีเอ็มดับเบิลยู 218i Gran Coupe M Sport ใหม่ น้องเล็กคันสุดท้ายที่จะพาเราเดินทางกลับไปยัง กทม.

 
บีเอ็มดับเบิลยู X5 xDrive45e M Sport ใหม่
ราคาจำหน่าย: 4,999,000 บาท (รวมภาษีมูลค่าเพิ่ม และโปรแกรมบำรุงรักษา BSI Standard)

 


บีเอ็มดับเบิลยู 218i Gran Coupe M Sport รุ่นแรกในประวัติศาสตร์ มาพร้อมกับคอนเซปต์คูเป้ 4 ประตู ที่อวดโฉมมาแล้วในรถยนต์บีเอ็มดับเบิลยู ซีรี่ส์ 6, ซีรี่ส์ 4, และ ซีรี่ส์ 8

 

บีเอ็มดับเบิลยู 218i Gran Coupe M Sport มีเค้าโครงที่โฉบเฉี่ยวด้วยดีไซน์ที่ได้แรงบันดาลใจมาจากรถยนต์คูเป้รุ่นคลาสสิค เช่น กระจกประตูข้างแบบไร้กรอบทั้ง 4 ประตู ด้านรูปลักษณ์สปอร์ตที่มีแนวหลังคาลาดต่ำและระยะฐานล้อทรงกว้างเปี่ยมไปด้วยความมั่นใจ

 

ที่เก็บของท้ายรถซึ่งรองรับปริมาตรการบรรจุได้ถึง 430 ลิตร ทั้งยังสามารถปรับขยายได้หลากหลายรูปแบบ มาพร้อมกับล้ออัลลอยน้ำหนักเบาขนาด 18 นิ้ว และหลังคาพาโนรามิคขนาดใหญ่ที่สามารถเปิดออกด้านนอกได้ไม่จำกัดระดับ พร้อมโหมดระบายอากาศไฟฟ้า



บีเอ็มดับเบิลยู 218i Gran Coupe M Sport เป็นรถเก๋งขนาดคอมแพคที่ให้ความคล่องตัวสูง ขับง่าย เหมาะอย่างยิ่งกับสุภาพสตรี เราใช้เวลาปรับตัวไม่นานก็สามารถพาไปโลดแล่นบนมอเตอเวย์สาย 7 บนระยะทางราว 100 กม. ก็จะถึงที่หมาย อัตราเร่งจี๊ดจ๊าดทีเดียว ทัศนวิสัยรอบคันในขณะขับขี่ทำได้ดี ระบบรองรับค่อนข้างนุ่มนวลแต่ก็มั่นคงดี

 

ขุมพลังจากเครื่องยนต์เบนซิน 3 สูบ ขนาด 1.5 ลิตร และเทคโนโลยี BMW TwinPower Turbo ทำงานควบคู่เกียร์อัตโนมัติ 7 จังหวะ Steptronic แบบคลัทช์คู่ ด้านเครื่องยนต์ให้กำลังสูงสุด 140 แรงม้า / 103 กิโลวัตต์ มอบแรงบิดสูงสุด 220 นิวตันเมตร ที่ 1,480-4,200 รอบต่อนาที ส่งพลังให้เร่งความเร็วจาก 0 ถึง 100 กิโลเมตรต่อชั่วโมงภายใน 8.7 วินาที และความเร็วสูงสุดที่ 215 กิโลเมตรต่อชั่วโมง

 

 
ภายในห้องโดยสารของบีเอ็มดับเบิลยู 218i Gran Coupe M Sport ผสมผสานความหรูหราด้วยวัสดุชั้นดีและพื้นที่ใช้สอย ส่วนภายในห้องโดยสารฝั่งคนขับ ส่งมอบข้อมูลสำคัญในการขับขี่ให้ผู้ขับได้อย่างมีประสิทธิภาพโดยไม่จำเป็นต้องละสายตาจากถนนด้วยหน้าจอ และแผงหน้าปัด Instrument Cluster ขนาด 5.1 นิ้ว รวมไปถึงจอสัมผัส Control Display ขนาด 8.8 นิ้ว ที่ตั้งอยู่กลางคอนโซลทำมุมเข้าหาคนขับเล็กน้อยตามแบบฉบับของบีเอ็มดับเบิลยู นอกจากนี้ บีเอ็มดับเบิลยู 218i Gran Coupe M Sport มาพร้อมกับระบบ Parking Assistant ช่วยถอยหลังเข้าช่องจอด 90 องศาหรือจอดแบบขนานอัตโนมัติ พร้อมกล้องมองหลัง

 

การออกแบบที่เน้นผู้ขับยังถูกเสริมด้วยแถบสีที่พาดผ่านตรงเข้าสู่ที่นั่งคนขับ และรายละเอียด graining effects แบบต่างๆ รวมไปถึงพื้นผิวที่หลากหลายของแผงหน้าปัดและบริเวณหลังพวงมาลัย โดยแถบสีบริเวณแผงหน้าปัดและกรอบประตูมาในลาย 'Illuminated Boston’ ด้านพวงมาลัย M Sport และเบาะที่นั่งตอนหน้าดีไซน์สปอร์ตหุ้มหนังแท้ Dakota พร้อมรูระบายอากาศ

เราเดินทางมาถึงจุดหมายด้วยความรวดเร็วจากการจราจรที่ไม่หนาแน่น และความแรงบวกกับความคล่องตัวของซีรีส์ 2 ตัวใหม่นี้ ระยะทางร่วม 100 กม. เราใช้เวลาประมาณ 1 ชม. ก็มาถึงตึกออลซีซัน ด้วยความปลอดภัย 

 
บีเอ็มดับเบิลยู 218i Gran Coupe M Sport ใหม่ (ประกอบนอก) 
ราคาจำหน่าย: 2,399,000 บาท (รวมภาษีมูลค่าเพิ่ม และโปรแกรมบำรุงรักษา BSI Standard)





ขอขอบคุณ บีเอ็มดับเบิลยู ประเทศไทย ที่อำนวยความสะดวกในการทดลองขับครั้งนี้เป็นอย่างดี

Powered by MakeWebEasy.com
เว็บไซต์นี้มีการใช้งานคุกกี้ เพื่อเพิ่มประสิทธิภาพและประสบการณ์ที่ดีในการใช้งานเว็บไซต์ของท่าน ท่านสามารถอ่านรายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ นโยบายความเป็นส่วนตัว  และ  นโยบายคุกกี้