New MG ZS EV ปรับใหม่..ขับได้นานขึ้น

1395 จำนวนผู้เข้าชม  | 

ค่าย MG เจ้าแรกที่เริ่มทำการตลาดรถไฟฟ้าแบบ EV 100% เจ้าแรกในเมืองไทย หลังจากเปิดไลน์อัพของรถไฟฟ้าออกมาหลายรุ่น และก็ได้รับความนิยมจากผู้ใช้รถชาวไทย จนโกยยอดขายไปเพียบ และเพื่อเป็นการตอกย้ำความสำเร็จในการเป็นเจ้าตลาดรถไฟฟ้า EV 100% ด้วยการเผยโฉมรถ MG ZS EV เวอร์ชั่นปรับปรุงใหม่


ZS EV เผยโฉมครั้งแรกในเมืองไทยเมื่อปี 2019 โดยใช้พื้นฐานของ ZS เวอร์ชั่นน้ำมันปกติ แต่มีการปรับเปลี่ยนพื้นรถเพื่อให้ทำการติดตั้งแบตเตอรี่เข้าไป พร้อมมอเตอร์ไฟฟ้า ซึ่ง ณ เวลานั่นในเมืองไทยรถที่เป็นไฟฟ้า EV 100% มีเพียง NISSAN Leaf แต่ก็ต้องแป็กไปเพราะด้วยราคาเปิดตัวจำหน่ายที่แตะ 2 ล้านบาท กลับกัน ZS EV รุ่นแรก สามารถทำราคาได้เพียง 1.19 ล้านบาท เลยโกยยอดขายเป็นกอบเป็นกำ และคราวนี้ MG ทำการปรับโฉม ZS EV อีกครั้งในรูปแบบของ ไมเนอร์เชนจ์ พร้อมปรับเปลี่ยนในเรื่องของมอเตอร์ขับเคลื่อน และแบตเตอรี่เพื่อให้ใช้งานได้ทนทาน และขับขี่ได้ไกลขึ้น

ปรับหน้าตาให้ดูโฉบเฉี่ยวทันสมัย

MG ZS EV ตัวเดิม มาในรูปแบบของรถในกลุ่ม B-SUV ซึ่งรูปลักษณ์หน้าตาออกแบบให้มีความหรูหรา มีเอกลักษณ์ที่แตกต่าง  และเมื่อวันที่ 11 มีนาคม 2565 ที่ผ่านมา MG ได้เผยโฉมรุ่น ไมเนอร์เชนจ์ การปรับเปลี่ยนที่ชัดเจนคงจะหนีไม่พ้น กระจังหน้าดีไซน์ใหม่ รวมไปถึงกันชนหน้าที่ออกแบบสะท้อนภาพลักษณ์ของรถยนต์ไฟฟ้า 100% มากยิ่งขึ้นแบบ Grille-Less Desigh ลดพื้นที่ช่องดักลมออกเหลือไว้เท่าที่จำเป็นเช่นเดียวกับดีไซน์ของชุดไฟหน้าแบบ LED ที่ดูโฉบเฉี่ยวมากยิ่งขึ้น ซึ่งมาคู่กับไฟ Daytime Running Light

เส้นสายด้านข้างไม่ได้มีการปรับเปลี่ยนแต่อย่างใด Roof Rack ทาง MG บอกว่าสามารถรับน้ำหนักได้สูงถึง 75 กิโลกรัม ทางด้านท้ายมีการออกแบบ ชุดไฟท้าย และเบรกดวงที่ 3 แบบ LED สปอยเลอร์ฝาท้ายที่เน้นความลู่ลม กันชนท้ายออกแบบใหม่เน้นความเป็นสปอร์ตสอดรับกับดีไซน์ทางด้านหน้า


เปลี่ยนคอนโซลใหม่ พร้อมหน้าจอมัลติมีเดียที่ใหญ่ขึ้น
ภายในห้องโดยสารของ MG ZS EV ไมเนอร์เชนจ์ ได้รับการออกแบบ คอนโซลหน้าใหม่ เน้นความหรูหรามากยิ่งขึ้น พร้อมเลือกใช้วัสดุแบบ Soft Touch ชุดเรือนไมล์แบบ TFT ขนาด 7 นิ้ว ที่อัดแน่นไปด้วยดิสเพลย์การทำงานของตัวรถ อาทิเช่น ดูรอบการทำงานของมอเตอร์ขับเคลื่อน พลังงานของแบตเตอรี่ ดูแรงดันลมยางทั้ง 4 ล้อ ฯลฯ พวงมาลัยแบบ 3 ก้าน พร้อมปุ่มมัลติฟังก์ชั่น


จอมัลติมีเดียขนาดใหญ่ซึ่งยกมาจากพี่ใหญ่ HS ขนาด 10 นิ้ว แบบ ทัชสกรีน เชื่อมต่อ Apple Car Play, Andriod Auto สามารถเชื่อมต่อ Bluetooth และยังมาพร้อมกับระบบปฎิบัติการอัจฉริยะ i-Smart ถัดลงมาเป็นชุดควบรคุมระบบปรับอากาศ และช่องชาร์จไฟ รวมไปถึงช่องชาร์จไฟแบบ USB Type A และ Type C รวมไปถึงแท่นชาร์จมือถือไร้สาย Wireless Changer แถมช่องชาร์จไฟแบบ USB ยังมีทางด้านหลังให้อีก 2 ช่องเป็นแบบ Type A และ Type C บริเวณคอนโซลกลางใต้ช่องแอร์สำหรับผู้โดยสารด้านหลัง



ต่ำลงมาเป็นชุดควบคุมระบบขับเคลื่อน เลือกใช้แบบ ปุ่มหมุน ซึ่งต้องคุ้นเคยสักเล็กน้อยไม่ใช้หมุนปุ๊บจะเปลี่ยนตำแหน่งการขับเคลื่อน ต้องหมุนปุ่มให้มีเสียงดังคลิ๊กก่อน รถถึงจะเคลื่อนตัวออกไปได้ ทางด้านบนจะมีปุ่มของการเลือกโมหดการขับขี่, Kers, และแบตเตอรี่  ห้องโดยสารของ ZS EV ที่ดูโปร่งโล่งสบายส่วนนึงเกิดมาจากการใช้หลังคาแบบ Panoramic Roof นั่นเอง เบาะผู้ขับขี่เป็นแบบปรับไฟฟ้าได้ 6 ทิศทาง นั่งสบายดีไม่น้อย ส่วนเบาะผู้โดยสารตอนหน้าเป็นแบบปรับอัตโนมือ 4 ทิศทาง เบาะนั่งผู้โดยสารตอนหลังสามารถพับแยก 60:40 ได้ เพื่อเพิ่มพื้นที่ในการเก็บสัมภาระได้หลากหลายรูปแบบ เบาะนั่งตอนหลังนั่งสบายพนักพิงไม่ตั้งชันจนเกินไป และส่วนรองต้นขาถือว่ากำลังดี

 

มอเตอร์เพิ่มแรงม้า..แรงบิดลดลง แบตใหญ่ขึ้น

ด้านขุมพลังในการขับเคลื่อนของ ZS EV จะมาพร้อมกับ มอเตอร์ไฟฟ้าแบบ Permanent Magnet Synchronous Motor ที่ออกแบบใหม่ใช้ชื่อ Hairpin Winding Design Technology จุดเด่นคือ น้ำหนักที่เบาลง ให้กำลังที่ดี ลดเสียงขณะมอเตอร์ทำงาน ส่งกำลังได้ดีขึ้น และระบายความร้อนได้ดีกว่าเดิม

โดยมอเตอร์ลูกนี้ให้แรงม้าสูงถึง 177 แรงม้า(รุ่นเดิม 150 แรงม้า) มากกว่าเดิม 27 ตัว แต่แรงบิดกลับลดลงเหลือเพียง 280 นิวตัน-ม. (เดิม 350 นิวตัน-ม.) ลดลง 70 นิวตัน-ม. ส่วนทางด้านแบตเตอรี่เป็นแบบ ลิเธียม-ฟอตเฟต ความจุ 50.3 kW(ของเดิม 44.5 kW) เพิ่มขึ้น 5.8 kW การชาร์จไฟ 1 ครั้งวิ่งได้ระยะทาง 403 กม. ตามาตรฐาน NEDC (ของเดิมวิ่งได้ 337 กม.) ได้ระยะทางเพิ่มขึ้น 66 กม. ซึ่งการชาร์จไฟด้วย MG Home Changer 0-100% ใช้เวลา 7 ชม. 15 นาที และถ้าชาร์จแบบ Quick Change ปริมาณไฟ 30-80% ใช้เวลาประมาณ 30 นาที ในส่วนของอัตราเร่ง 0-100 กม./ชม. เจ้า ZS EV ใช้เวลาเพียง 8.6 วินาที

ซึ่งแน่นอนเราแอบได้ไปทดลองขับสั้นๆ ในลานทดสอบของงาน Bangkok International Motor Show 2022 ที่ผ่านมา โดยในช่วงของอัตราเร่ง ถือว่าปรู๊ดปร๊าดดีไม่น้อย แต่ก็ไม่ขนาดดึงหลังติดเบาะขนาดนั่น ส่วนหนึ่งน่าจะมาจากแรงบิดของมอเตอร์ที่ลดลงจากเดิม แต่ก็ถือว่าเพียงพอต่อการใช้งาน และการเร่งแซงแล้วล่ะครับ

 

ระบบกันสะเทือนของเดิมดีอยู่แล้ว
ทางด้านระบบกันสะเทือนของ ZS EV ยังคงเหมือนเดิมคือ ด้านหน้าเลือกใช้แบบ อิสระ แม็คเฟอร์สันสตรัท คอยล์สปริงพร้อมเหล็กกันโคลง และด้านหลังแบบ ทอร์ชั่นบีม ซึ่งในตัวใหม่นี้ ยังคงไม่ได้มีการเซ็ทอัพใหม่แต่อย่างใด เพราะของเดิมถือว่าทำได้ดีอยู่แล้วในเรื่องของการเกาะถนน โดยเฉพาะช่วงที่ลองขับเข้าสลาลอม อาการของรถถือว่าดี คุมรถง่าย แต่ถ้าเข้าสลาลอมเร็วๆ อาการหน้าดื้อมีอยู่นิดๆ แต่ก็คุมได้แบบสบายๆ

ระบบบังคับเลี้ยวเป็นแบบ แร็คแอนด์พิเนี่ยน พร้อมเพาเวอร์ไฟฟ้าช่วยผ่อนแรง ฟิลลิ่งของพวงมาลัย ถ้าโดยส่วนตัวถือว่าน้ำหนักกำลังดี แต่ถ้าสาวๆ เอวบางร่างน้อย ถือว่าหนักไปนิด แต่ความแม่นยำถือว่าดีในระดับที่ไหว้วาน หรือขับแบบสนุกๆ ได้

ระบบเบรกเลือกใช้ดิสค์เบรกทั้ง 4 ล้อ ฟิลลิ่งของเบรกถือว่าโอเค น้ำหนักของแป้นเบรกมีฟิลลิ่งที่ใกล้เคียงกับรถยนต์ที่ใช้เครื่องยนต์ปกติ(โดยปกติรถไฟฟ้าฟิลลิ่งของแป้นเบรกของรถไฟฟ้าหรือไฮบริดจะหยุ่นๆ เท้าหน่อย แล้วฟิลลิ่งจะคล้ายๆ เหมือนรถเบรกไม่ค่อยอยู่) ล้อแม็กลายใหม่ขอบ 17 นิ้ว รัดไว้ด้วยยางยี่ห้อ Michelin ไซส์ 215/55 R17



ทางด้านระบบความปลอดภัยของ New ZS EV ยังคงเต็มพิกัดตามสไตล์รถค่ายนี้ ไม่ว่าจะเป็น ระบบช่วยเบรกฉุกเฉินอัตโนมัติ AEB, ระบบช่วยควบคุมรถให้อยู่ในเลนพร้อมปรับองศาหากรถออกนอกเลน ELK(Emergency Lane Keeping System) ถือเป็นระบบใหม่ที่เพิ่มเติมเข้ามาเป็นครั้งแรก โดยผสานรวมระบบ LDP(Lane Departure Prevention) และ LEA(Lane Keep Assist) เข้าไว้ร่วมกัน



ระบบช่วยเตือนเมื่อรถออกนอกเลน LDW, ระบบช่วยเตือนแจ้งมุมอับสายตา BSD, ระบบช่วยเตือนขณะถอยหลัง RCTA, ระบบช่วยเตือนเมื่อต้องการเปลี่ยนเลน LCA, ระบบควบคุมความเร็วอัตโนมัติเมื่อความเร็วต่ำ TJA(Traffic Jam Assist), ระบบช่วยเตือนเมื่อเสี่ยงต่อการชนรถยนต์คันหน้าขณะขับขี่ FCW, ระบบเปิด-ปิดไฟสูงอัตโนมัติ IHC, นอกจากนี้ก็จะมีระบบกล้องมองภาพรอบทิศทางแบบ 3 มิติ พร้อมสัญญาณเตือนขณะถอยหลัง



นอกจากนี้ระบบ i-Smart ยังสามารถตรวจสอบสถานะรถยนต์ และระบบเตือนความผิดปกติของรถยนต์, ระบบขอบเขตอิเล็คทรอนิคส์, ระบบสั่งการ และระบบค้นหารถ Find My Car, ระบบตรวจสอบสถานะของแบตเตอรี่ การชาร์จ และสถานีชาร์จ นอกจากนี้ยังมีฟังก์ชั่นอื่นๆ อีกมากมาย รวมไปถึงการอัพเกรดระบบต่างๆ ผ่านออนไลน์ FOTA



New MG ZS EV เปิดตัวด้วยราคา 9.49 แสนบาท ในรุ่น D และ 1.023 ล้านบาท รุ่น X นอกจากนี้ยังมีโปรโมชั่นดอกเบี้ยพิเศษ 1.99% ฟรีชุดสายชาร์จ VL 1 ชุด และ ฟรี Home Changer และค่าติดตั้ง พร้อมการรับประกันแบตเตอรี่ 8 ปี หรือระยะทาง 180,000 กม. ผู้อ่าน Lifestyle 224 ท่านใดสนใจรถยนต์พลังงานไฟฟ้ามาเป็นทางเลือกในการใช้งาน สามารถไปทดลองขับได้แล้ว ณ โชว์รูม MG ทั่วประเทศ
           

 

Powered by MakeWebEasy.com
เว็บไซต์นี้มีการใช้งานคุกกี้ เพื่อเพิ่มประสิทธิภาพและประสบการณ์ที่ดีในการใช้งานเว็บไซต์ของท่าน ท่านสามารถอ่านรายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ นโยบายความเป็นส่วนตัว  และ  นโยบายคุกกี้