Audi Press Trip “Never Follow”

900 จำนวนผู้เข้าชม  | 

โดย: อัฐฒา นายเรือ

กิจกรรม Audi Press Trip “Never Follow” จัดขึ้นเพื่อให้สื่อมวลชนได้ร่วมเดินทางพิสูจน์สุดยอดสมรรถนะ เทคโนโลยี และการออกแบบของยนตรกรรมอาวดี้ในแต่ละเซกเมนต์ โดยเลือกเส้นทางท่องเที่ยว คือ กรุงเทพฯ-จ.ประจวบคีรีขันธ์



ไฮไลท์เด่นของทริป Audi Press Trip “Never Follow” เส้นทาง กรุงเทพฯ-จ.ประจวบคีรีขันธ์ คือ การสัมผัสกับความสุดยอดของเทคโนโลยีที่มีความลงตัวสมบูรณ์แบบทุกมิติอย่างใกล้ชิด ซึ่งตลอดทริปสื่อมวลชนจะได้ทดลองขับยนตรกรรมอาวดี้ บนสภาพเส้นทางและการจราจรหลากหลาย ที่สะท้อนการใช้งานจริงมากที่สุด สามารถทำความรู้จักกับฟังก์ชั่นการทำงาน โหมดการขับขี่ต่างๆ เทคโนโลยีความปลอดภัย ระบบขับเคลื่อนสี่ล้ออัจฉริยะ quattro ตลอดจนการเปิดใช้งานระบบความบันเทิง ความสะดวกสบายต่างๆ ที่มีมาให้ รวมถึงการออกแบบมาอย่างปราณีตพิถีพิถันในทุกรุ่น ซึ่งในครั้งนี้ ทางอาวดี้ได้นำกองทัพยนตรกรรมอาวดี้ครบทุกตระกูล รวม 60 คัน มาให้สื่อมวลชนได้ทดลองขับ  ได้แก่

Audi A3 Sportback 35 TFSI S line รถพรีเมียมคอมแพ็ค มาพร้อมล้ออัลลอยขอบ 18 นิ้ว กระจังหน้าแบบ Single frame ขนาดใหญ่ บริเวณหลังด้านท้ายและสปอยเลอร์ถูกออกแบบให้มีความลงตัว การออกแบบภายในเน้นความสปอร์ตและทันสมัยเช่นกัน นอกจากนี้ยังมีจอสัมผัสขนาด 10.1 นิ้ว และจอแสดงข้อมูลการขับขี่แบบสี virtual cockpit ขนาด 12.3 นิ้ว ที่สามารถปรับแต่งการแสดงข้อมูลให้เหมาะสมกับการใช้งานได้ Audi A3 35 TFSI S line ใช้เครื่องยนต์ 4 สูบขนาด 1.4 ลิตร ให้แรงม้าสูงสุด 150 แรงม้า จับคู่กับเกียร์อัตโนมัติ 8 จังหวะ ช่วงล่างด้านหน้าแบบแมคเฟอร์สัน สตรัท สปริงโช้คอัพและกันโคลง ส่วนด้านหลังยังใช้แบบ 4-link 



Audi A4 Avant 45 TFSI quattro S line Black Edition ดีไซน์รอบคันให้ดูทันสมัยและสปอร์ตมากขึ้น รวมไปถึงกันชนหน้าและหลังดีไซน์ใหม่ A4 Avant รุ่นที่นำเข้ามาจำหน่ายในประเทศไทย มีชุดแต่ง S Line Black Edition ซึ่งเป็นการตกแต่งจุดต่างๆ ของรถให้เป็นสีดำ จอแสดงข้อมูลการขับขี่แบบ Virtual cockpit plus ขนาด 12.3 นิ้ว และจอกลางระบบ MMI Radio plus ขนาด 8.8 นิ้ว ระบบสัมผัสที่รองรับการเชื่อมต่อสมาร์ทโฟน ชุดเครื่องเสียง Bang & Olufsen พร้อมระบบเสียง 3 มิติ เบาะนั่งปรับไฟฟ้าแบบ S Sports หุ้มหนัง Fine Nappa ที่ตัดเย็บแบบลาย Diamond Cut ที่มาพร้อมกับระบบนวดผ่อนคลาย และยังมีหลังคาพาโนรามิค ที่ช่วยให้ห้องโดยสารโปร่งสบายมากขึ้นอีกด้วย A4 Avant 45 TFSI quattro S line Black Edition มาพร้อมกับเครื่องยนต์เบนซิน mild hybrid (MHEV) 4 สูบขนาด 2.0 ลิตร ให้กำลังสูงสุด 249 แรงม้า แรงบิดสูงสุด 370 นิวตันเมตร ส่งกำลังผ่านเกียร์อัตโนมัติ S tronic 7 จังหวะ ที่เปลี่ยนเกียร์ได้อย่างฉับไว ทำงานคู่กับระบบขับเคลื่อนสี่ล้อ quattro with ultra-technology

Audi A5 45 TFSI quattro S line Black Edition ในเจนเนอเรชั่นล่าสุดนี้มีให้เลือกถึง 2 รูปทรง ได้แก่  Coupé  และ Sportback ที่เพิ่มความอเนกประสงค์ในการใช้งานมากยิ่งขึ้น แต่ยังคงความเป็นสปอร์ตไว้ และในโฉม facelift นี้ได้มีการออกแบบภายนอกใหม่ ด้วยการตกแต่ง S line Black Edition ซึ่งเป็นตกแต่งจุดต่างๆของรถให้เป็นสีดำ ดีไซน์กันชนหน้าและท้ายใหม่ ช่องดักอากาศที่มีขนาดใหญ่ขึ้น และปลายท่อทรงสี่หลี่ยมคางหมู ไฟหน้าดีไซน์ใหม่ที่มีความเฉียบคม ซึ่งเป็นแบบ Matrix LED ปรับการส่องสว่างแบบอัจฉริยะ โดยจะไม่รบกวนสายตารถที่วิ่งสวนมา พร้อมไฟเลี้ยวแบบ Dynamic อันเป็นเอกลักษณ์ของอาวดี้ ภายในก็ได้มีการปรับเพื่อให้ดูทันสมัยมากยิ่งขึ้น ด้วยจอแสดงข้อมูลการขับขี่แบบ Virtual cockpit plus ขนาด 12.3 นิ้ว และจอกลางระบบ MMI Radio plus ขนาด 10.1 นิ้ว ระบบสัมผัสที่รองรับการเชื่อมต่อสมาร์ทโฟน ชุดเครื่องเสียง Bang & Olufsen พร้อมระบบเสียง 3 มิติ เบาะนั่งปรับไฟฟ้าแบบ S Sports หุ้มหนัง Fine Nappa ที่ตับเย็บแบบลาย Diamond Cut ที่มาพร้อมกับระบบนวดผ่อนคลาย และยังมีหลังคาพาโนรามิค  A5 45 TFSI มาพร้อมกับเครื่องยนต์เบนซิน mild hybrid (MHEV) 4 สูบ ขนาด 2.0 ลิตร ให้กำลังสูงสุด 249 แรงม้า แรงบิดสูงสุด 370 นิวตันเมตร ส่งกำลังผ่านเกียร์อัตโนมัติ S tronic 7 จังหวะ ที่เปลี่ยนเกียร์ได้อย่างฉับไว ทำงานคู่กับระบบขับเคลื่อนสี่ล้อ quattro with ultra-technology



Audi A5 40 TFSI S line ในเจนเนอเรชั่นล่าสุดนี้ มีให้เลือกถึง 2 รูปทรง ได้แก่ Coupé และ Sportback  และในโฉม facelift นี้ได้ มีการออกแบบภายนอกใหม่ ด้วยการตกแต่ง S line ดีไซน์กันชนหน้าและท้ายใหม่ ไฟหน้าดีไซน์ใหม่ได้รับการอัพเกรดชุดไฟเป็นแบบ Matrix LED ปรับการส่องสว่างแบบอัจฉริยะ โดยจะไม่รบกวนสายตารถที่วิ่งสวนมาพร้อมไฟเลี้ยวแบบ Dynamic  ภายในได้มีการปรับเพื่อให้ดูทันสมัยมากยิ่งขึ้นเช่นกันด้วยจอแสดงข้อมูลการขับขี่แบบ Virtual cockpit plus ขนาด 12.3 นิ้ว และจอกลางระบบ MMI Radio plus ขนาด 10.1 นิ้วระบบสัมผัสที่รองรับการเชื่อมต่อสมาร์ทโฟน และเบาะนั่งปรับไฟฟ้า A5 40 TFSI มาพร้อมกับเครื่องยนต์เบนซิน mild hybrid (MHEV) 4 สูบ ขนาด 2.0 ลิตร ให้กำลังสูงสุด 190 แรงม้า แรงบิดสูงสุด 320 นิวตันเมตร ส่งกำลังผ่านเกียร์อัตโนมัติ S tronic 7 จังหวะ ที่เปลี่ยนเกียร์ได้อย่างฉับไว



Audi A6 40 TFSI S line ในเจนเนอเรชั่นล่าสุด ได้มีการออกแบบภายนอกใหม่เพื่อให้รถมีความโฉบเฉี่ยวมากยิ่งขึ้นโดยที่ยังคงความหรูหรา ด้วยการตกแต่ง S line ดีไซน์กันชนหน้าและท้ายใหม่ ปลายท่อไอเสียทรงสี่เหลี่ยมคางหมู อัพเกรดชุดไฟเป็นแบบ Matrix LED ปรับการส่องสว่างแบบอัจฉริยะ โดยจะไม่รบกวนสายตารถที่วิ่งสวนมาพร้อมไฟเลี้ยวแบบ Dynamic  ภายในได้มีการปรับเพื่อให้ดูทันสมัยมากยิ่งขึ้นเช่นกันด้วยจอแสดงข้อมูลการขับขี่แบบ Virtual cockpit plus ขนาด 12.3 นิ้ว และจอกลางระบบ MMI Navigation plus ขนาด 10.1 นิ้ว ระบบสัมผัสที่รองรับการเชื่อมต่อสมาร์ทโฟน และยังมีหน้าจอควบคุม Multifunction แบบสัมผัส พร้อมตอบสนองการสั่งงาน (haptic feedback) ขนาด 8.6 นิ้ว A6 40 TFSI มาพร้อมกับเครื่องยนต์เบนซิน mild hybrid (MHEV) 4 สูบ ขนาด 2.0 ลิตร ให้กำลังสูงสุด 190 แรงม้า แรงบิดสูงสุด 320 นิวตันเมตร ส่งกำลังผ่านเกียร์อัตโนมัติ S tronic 7 จังหวะ ที่เปลี่ยนเกียร์ได้อย่างฉับไว


Audi Q3 35 TFSI S line ครอสโอเวอร์ไซส์กะทัดรัด ซึ่งมีให้เลือกถึง 2 body type คือ ทรง SUV ได้ที่เก็บสัมภาระมากขึ้น และทรง Sportback ที่ให้ความสปอร์ต ภายในห้องโดยสารถูกออกแบบใหม่ อัพเกรดด้วยวัสดุรูปแบบใหม่สไตล์อาวดี้ การจัดวางอุปกรณ์เน้นไปที่คนขับเป็นจุดศูนย์กลาง เบาะหนังคู่หน้าแบบ Sports พร้อมสัญลักษณ์ S line จอแสดงผลข้อมูลการขับขี่ Virtual cockpit ขนาด 10.25 นิ้ว ระบบ MMI Radio plus พร้อมหน้าจอมอนิเตอร์สั่งงานด้วยระบบสัมผัส (MMI touch) ขนาด 8.8 นิ้ว เชื่อมต่อ Apple CarPlay และ Android Auto ผ่านระบบ Audi smartphone interface เบาะที่นั่งด้านหลังทั้ง 3 ตำแหน่ง สามารถเลื่อนไปด้านหน้าได้ โดยมีที่เก็บสัมภาระความจุสูงเมื่อพับเบาะหลัง 1,525 ลิตร ในรุ่น SUV และ1,400 ลิตร Sportback โดย Audi Q3 35 TFSI ใช้เครื่องยนต์ 1.4 ลิตร เทอร์โบ ให้กำลังสูงสุด 150 แรงม้า แรงบิด 250 นิวตันเมตร ส่งกำลังผ่านเกียร์อัตโนมัติ S tronic 6 สปีด



Audi Q3 40 TFSI quattro S line Black Edition ครอสโอเวอร์ไซส์กะทัดรัด ซึ่งมีให้เลือกถึง 2 body type คือทรง SUV ได้ที่เก็บสัมภาระมากขึ้น และทรง Sportback ที่ให้ความสปอร์ต หล่อเข้มด้วยชุดแต่งภายนอก Black Edition เช่น กระจกมองข้าง ขอบกระจกประตู ราวหลังคา กระจังหน้า และกันชนหลัง ตกแต่งกันชนหน้าหลัง ตกแต่งด้วยสีดำเงา ภายในห้องโดยสารถูกออกแบบใหม่อัพเกรดด้วยวัสดุรูปแบบใหม่ การจัดวางอุปกรณ์เน้นไปที่คนขับเป็นจุดศูนย์กลาง ห้องโดยสารเรียบง่ายแต่ทันสมัย เบาะหนังคู่หน้าแบบ Sports พร้อมสัญลักษณ์ S line จอแสดงผลข้อมูลการขับขี่ Virtual cockpit ขนาด 10.25 นิ้ว ระบบ MMI Radio plus พร้อมหน้าจอมอนิเตอร์สั่งงานด้วยระบบสัมผัส (MMI touch) ขนาด 8.8 นิ้ว เชื่อมต่อ Apple CarPlay และ Android Auto ผ่านระบบ Audi smartphone interface เบาะที่นั่งด้านหลังทั้ง 3 ตำแหน่ง สามารถเลื่อนไปด้านหน้าได้ ปรับเอนพับพนักพิงหลังได้ โดยมีที่เก็บสัมภาระความจุสูงเมื่อพับเบาะหลัง 1,525 ลิตรในรุ่น SUV และ 1400 ลิตร ในรุ่น Sportback โดย Audi Q3 40 TFSI  ใช้เครื่องยนต์ 2.0 ลิตร เทอร์โบ ให้กำลังสูงสุด 180 แรงม้า แรงบิด 320 นิวตันเมตร ส่งกำลังผ่านเกียร์อัตโนมัติ S tronic 7 สปีด พร้อมระบบขับเคลื่อนสี่ล้อ quattro ตัวเลขสมรรถนะ มีอัตราเร่ง 0-100 กิโลเมตร/ชั่วโมง ใน 7.8 วินาที



Audi Q7 60 TFSI e quattro S line Black Edition รถ Plug-in Hybrid รุ่นล่าสุดที่ทาง Audi Thailand ได้นำมาเปิดตัว เป็นการพัฒนาศักยภาพระบบขับเคลื่อนแบบผสมผสานการใช้เครื่องยนต์สันดาปกับมอเตอร์ไฟฟ้าได้อย่างลงตัว โดยเครื่องยนต์ของ Q7 60 TFSI e ใช้เครื่องยนต์ V6 ขนาด 3.0 ลิตร และมอเตอร์ไฟฟ้าแบบซิงโครนัสถาวร เมื่อทั้ง 2 ระบบ ทำงานร่วมกัน ทำให้มีกำลังรวมสูงสุดถึง 462 แรงม้า และ แรงบิดรวมสูงสุด 700 นิวตันเมตร เร่งจาก 0-100 กิโลเมตร/ชั่วโมง ได้ในเวลาเพียง 5.4 วินาที และความเร็วสูงสุด ถูกควบคุมด้วยระบบอิเล็กทรอนิคไว้ที่ 240 กิโลเมตร/ชั่วโมง แบตเตอรี่ของ Audi Q7 60 TFSI e สามารถชาร์จให้เต็มได้ภายในเวลาเพียง 2 ชั่วโมง 30 นาที และเมื่อแบตเตอรี่เต็มสามารถวิ่งด้วยไฟฟ้าล้วนได้ไกลถึง 40.7 กิโลเมตร ตามมาตรฐาน WLTP โหมดการขับขี่ของ Audi Q7 60 TFSI e มีให้เลือกถึง 7 โหมด Comfort, efficiency, auto, dynamic, individual, offroad, และ allroad. เช่นเดียวกับยานยนต์ปลั๊กอินไฮบริดทั้งหมด Audi Q7 60 TFSI e quattro สร้างความประทับใจในการขับเคลื่อน ด้วยความสามารถในการใช้งานในชีวิตประจำวัน มีพื้นที่กว้างขวางสำหรับสี่หรือห้าคน ช่องเก็บสัมภาระมีพื้นที่มากง่ายต่อการใช้งาน Audi Q7 60 TFSI e quattro เน้นสมรรถนะแบบสปอร์ตเอสยูวี แพ็กเกจอุปกรณ์ตกแต่งภายนอก S line Black Edition ที่ตกแต่งด้วยสีดำ ทำให้รูปลักษณ์ดูโฉบเฉี่ยว ด้วยรายละเอียดการออกแบบที่โดดเด่นทั้งด้านหน้า ด้านข้าง และด้านหลัง ระบบกันสะเทือนแบบถุงลม Adaptive Air Suspension แบบปรับระดับได้ ล้อขนาด 21 นิ้ว และคาลิปเปอร์เบรกสีแดง ห้องโดยสารตกแต่งด้วยสีดำ ประกอบด้วยเบาะนั่งแบบสปอร์ต พร้อมสัญลักษณ์ S line แป้นเหยียบและที่พักเท้าทำจากสเตนเลส ส่วนชิ้นงานตกแต่งที่แดชบอร์ดและแผงประตูตกแต่งด้วยลาย Matte Brushed Aluminium


Audi Q8 60 TFSI e quattro S line Black Edition รถ Plug-in Hybrid รุ่นล่าสุดที่ทาง อาวดี้ ประเทศไทย ได้นำมาเปิดตัว เป็นการพัฒนาศักยภาพระบบขับเคลื่อนแบบผสมผสานการใช้เครื่องยนต์สันดาปกับมอเตอร์ไฟฟ้าได้อย่างลงตัว โดยเครื่องยนต์ของ Q8 60 TFSI e ใช้เครื่องยนต์ V6 ขนาด 3.0 ลิตร และ มอเตอร์ไฟฟ้าแบบซิงโครนัสถาวร เมื่อทั้ง 2 ระบบ ทำงานร่วมกัน ทำให้มีกำลังรวมสูงสุดถึง 462 แรงม้า และ แรงบิดสูงสุด 700 นิวตันเมตร อัตราเร่งจาก 0-100 กิโลเมตร/ชั่วโมง ในเวลาเพียง 5.4 วินาที และความเร็วสูงสุดถูกควบคุมด้วยระบบอิเล็กทรอนิคไว้ที่ 240 กิโลเมตร/ชั่วโมง แบตเตอรี่ของ Audi Q8 60 TFSI e สามารถชาร์จให้เต็มได้ภายในเวลาเพียง 2 ชั่วโมง 30 นาที และเมื่อแบตเตอรี่เต็มสามารถวิ่งด้วยไฟฟ้าล้วนได้ไกลถึง 40.7 กิโลเมตร ตามมาตรฐาน WLTP โหมดการขับขี่ของ Audi Q8 60 TFSI e มีให้เลือกถึง 7 โหมด Comfort, efficiency, auto, dynamic, individual, offroad, และ allroad. เช่นเดียวกับยานยนต์ปลั๊กอินไฮบริดทั้งหมด Audi Q8 60 TFSI e quattro  มีพื้นที่กว้างขวางสำหรับสี่หรือห้าคน ช่องเก็บสัมภาระมีพื้นง่ายต่อการโหลด ให้ปริมาตร 505 ลิตร เมื่อยังไม่ได้พับเบาะหลัง และเพิ่มเป็น 1,625 ลิตร เมื่อพับเบาะนั่งด้านหลังลง Audi Q8 60 TFSI e quattro เน้นสมรรถนะแบบสปอร์ตเอสยูวี แพ็กเกจอุปกรณ์ตกแต่งภายนอก S line Black Edition ที่ตกแต่งด้วยสีดำ ทำให้รูปลักษณ์ดูโฉบเฉี่ยว ด้วยรายละเอียดการออกแบบที่โดดเด่นทั้งด้านหน้า ด้านข้าง และด้านหลัง ไฟหน้า HD Matrix LED เป็นอุปกรณ์มาตรฐาน ระบบกันสะเทือนแบบถุงลม Sport Adaptive Air Suspension แบบปรับระดับได้ ล้อขนาด 21 นิ้ว และคาลิปเปอร์เบรกสีแดง ห้องโดยสารตกแต่งด้วยสีดำ ประกอบด้วยเบาะนั่งแบบ S Sports ตกแต่งแบบ diamond cut พร้อมสัญลักษณ์ S line แป้นเหยียบและที่พักเท้าทำจากสเตนเลส ส่วนชิ้นงานตกแต่งที่แดชบอร์ดและแผงประตูตกแต่งด้วยลาย Grey Oak



Audi TT Coupé 45 TFSI quattro S line รถสปอร์ตขนาดเล็กที่มีความคล่องตัวสูง ซึ่งปัจจุบันเป็นเจนเนอเรชั่นที่ 3 แล้ว ซึ่งในปี 2021 ได้มีการปรับเปลี่ยนให้รถมีความทันสมัยมากขึ้นดีไซน์ภายนอกได้ถูกออกแบบดูสปอร์ต ด้วยชุดแต่ง S line เปลี่ยนล้อลายใหม่ขนาด 18 นิ้ว และเบรกหน้าใหม่ เครื่องยนต์ 2.0 ลิตร ให้กำลังมากขึ้นเป็น 245 แรงม้า แรงบิดสูงสุด 370 นิวตันเมตร ส่งกำลังผ่าน เกียร์ 7 สปีด ลูกใหม่ พร้อมระบบขับเคลื่อนสีล้อ quattro มีอัตราเร่งจาก 0-100 กิโลเมตร/ชั่วโมง ใน 5.2 วินาที โดยมีความเร็วสูงสุด 250 กิโลเมตร/ชั่วโมง เพิ่มระบบ smart Phone Interface ที่รองรับ Apple CarPlay/Android Auto ซึ่งสามารถใช้งานผ่าน Virtual cockpit ขนาด 12.3 นิ้ว ได้ และยังมีระบบควบคุมการขับขี่ Audi Drive Select ที่สามารถเลือกได้หลากหลาย

TT RS Coupé  โดดเด่นพิเศษด้วยเครื่องยนต์สันดาปรุ่นสุดท้าย ก่อนที่เข้าสู่เทคโนโลยียานยนต์ไฟฟ้า เป็นเครื่องยนต์แถวเรียง 5 สูบ TFSI ให้กำลังสูงสุด 400 แรงม้า แรงบิดสูงสุด 480 นิวตันเมตร สามารถเร่งจาก 0-100 กิโลเมตร/ชั่วโมง ได้ในเวลาเพียง 3.7 วินาที ช่วงล่างแบบสปอร์ตพร้อมระบบ Audi magnetic ride ท่อไอเสีย RS sports ผ่านการออกแบบเป็นพิเศษ เพื่อถ่ายทอดเสียงของเครื่องยนต์ได้อย่างเร้าใจ และนอกจากนี้ TT RS Coupé ยังมีอุปกรณ์มาตรฐานครบถ้วน เช่น ไฟหน้า Matrix LED พร้อมไฟท้ายแบบ OLED ภายในเบาะนั่งคู่หน้าแบบ RS Sports ตกแต่งแบบ honeycomb หุ้มด้วยหนัง Fine Nappa, จอ Virtual cockpit 12.3 นิ้ว รองรับ Smartphone interface และเครื่องเสียงระดับพรีเมี่ยม Bang & Olufsen 



RS 4 Avant quattro ยนตรกรรม Avant ที่ถูกสร้างมาด้วย DNA ของรถแข่ง และนับเป็นสเตชั่นแวกอนที่มีสมรรถนะสูง เร้าใจเป็นที่สุด ด้วยเครื่องยนต์ V6 สมรรถนะสูงถึง 2,894 ซีซี มาพร้อมระบบขับเคลื่อนสี่ล้ออัจฉริยะ quattro all-wheel drive ให้กำลังสูงสุด 450 แรงม้า และแรงบิด 600 นิวตันเมตร ทำงานควบคู่กับเกียร์อัตโนมัติ tiptronic 8 จังหวะ อัตราเร่งจาก 0-100 กิโลเมตร/ชั่วโมง ได้ในเวลาเพียง 4.1 วินาที ระบบเบรกแบบ RS ตกแต่งคาลิปเปอร์เบรกสีแดงหน้า-หลัง และให้ฟิลลิ่งเหมือนขับขี่อยู่ในสนามแข่งมากยิ่งขึ้น ด้วยระบบกันสะเทือนแบบสปอร์ต (RS Sports suspension) เมื่อเข้าโค้งด้วยความเร็วสูง ระบบจะช่วยเสริมทำให้เกาะถนนมากยิ่งขึ้น ทำให้ผู้ขับขี่มั่นใจในทุกช่วงความเร็วและทุกสภาพถนน และ ยังมีระบบท่อไอเสียแบบ RS sports ทำให้เสียงท่อไอเสียมีความกังวานมากขึ้น และ เพิ่มอรรถรสในการขับขี่ได้อีกด้วย

RS Q3 Sportback quattro อีกหนึ่งความภาคภูมิใจที่สะท้อนความสำเร็จของ Audi Sport GmbH ที่เข้าข่ายเป็น สปอร์ตคูเป้สุดโหดแห่ง พ.ศ.นี้ กับ Optimum power delivery ให้เสียงคำรามสุดดุดัน ซึ่งเกิดจากการปรับแต่งระบบท่อไอเสียใหม่ ช่วงล่างแบบ RS sports ถูกตั้งค่าให้มีคาแรคเตอร์ของการขับขี่แบบสปอร์ต ให้พละกำลังสูงถึง 400 แรงม้า แรงบิดสูงสุด 480 นิวตันเมตร จับคู่กับเกียร์ S tronic 7 จังหวะ ระบบขับเคลื่อนสี่ล้อ quattro และนอกจากนี้ RS Q3 Sportback quattro ยังมีอุปกรณ์มาตรฐานครบถ้วน เช่น ไฟหน้า Matrix LED ภายในเบาะนั่งคู่หน้าแบบ RS Sports ตกแต่งแบบ honeycomb หุ้มด้วยหนัง Fine Nappa และ MMI Navigation plus รองรับ Smartphone interface



RS 5 Coupé quattro สปอร์ตคูเป้ตัวแรง สะท้อนความสำเร็จกว่า 27 ปี ของทีม Audi Sport ที่ให้ประสบการณ์สนุกสุดเหวี่ยงกับพละกำลังที่เร้าใจ จากขุมพลังเครื่องยนต์เบนซินแบบ V6 2.9 ลิตร เทอร์โบชาร์จ เกียร์ tiptronic 8 จังหวะ พร้อมประสิทธิภาพอันยอดเยี่ยมของระบบขับเคลื่อนสี่ล้ออัจฉริยะ quattro ระบบจ่ายน้ำมันเชื้อเพลิงแบบฉีดตรง (direct injection) ให้พละกำลังสูงสุด 450 แรงม้า และแรงบิดมหาศาลสูงถึง 600 นิวตันเมตร ที่รอบเครื่องต่ำ และสามารถทำได้ในช่วงกว้าง ส่งผลให้การออกตัวดี ขับขี่สนุก เร้าใจ ด้วยอัตราเร่ง 0-100 กิโลเมตร/ชั่วโมง ที่สามารถทำได้ เพียง 3.9 วินาที ระบบเบรกแบบ RS ตกแต่งคาลิปเปอร์เบรกสีแดงหน้า-หลัง และให้ฟิลลิ่งเหมือนขับขี่อยู่ในสนามแข่งมากยิ่งขึ้น ด้วยระบบกันสะเทือนแบบสปอร์ต (RS Sports suspension) เมื่อเข้าโค้งด้วยความเร็วสูง ระบบจะช่วยเสริมทำให้เกาะถนนมากยิ่งขึ้น ทำให้ผู้ขับขี่มั่นใจในทุกช่วงความเร็วและทุกสภาพถนน ยังมีระบบท่อไอเสียแบบ RS sports ทำให้เสียงท่อไอเสียมีความกังวานมากขึ้น และเพิ่มอรรถรสในการขับขี่ได้อีกด้วย

RS 6 Avant quattro รถสปอร์ตสมรรถนะสูง ดีไซน์เฉียบคม พละกำลังมหาศาลให้ความแรงยิ่งกว่าใจสั่ง มาพร้อมเครื่องยนต์เบนซิน Mild hybrid (MHEV) แบบ V8 Twin-Turbo ระบบจ่ายน้ำมันเชื้อเพลิงแบบฉีดตรง เกียร์อัตโนมัติ Tiptronic 8 จังหวะ อัดแน่นด้วยแรงม้า 600 ตัว และแรงบิด 800 นิวตันเมตร 0-100 กิโลเมตร/ชั่วโมง ใน 3.6 วินาที พร้อมระบบขับเคลื่อนสี่ล้อ quattro with sports differential ติดตั้ง ระบบ All-wheel steering ซึ่งช่วยเพิ่มการทรงตัวขณะเข้าโค้งด้วยความเร็วและลดรัศมีวงเลี้ยวในขณะใช้ความเร็วต่ำ ระบบเบรก RS พร้อมตกแต่งคาลิปเปอร์เบรกสีแดง ช่วงล่างสมรรถนะสูง RS Sports พร้อมระบบ Dynamic Ride Control (DRC) ที่เข้ามาช่วยเพิ่มประสิทธิภาพในการควบคุมรถให้คมชัดมากยิ่งขึ้น เหมาะอย่างยิ่งสำหรับการขับขี่แบบไดนามิก ช่วยในการยึดเกาะถนนที่ดีเยี่ยมแม้เข้าโค้งอย่างรวดเร็ว มาพร้อมกับ Audi drive select เลือกปรับโหมดการขับขี่ได้ทั้งแบบอัตโนมัติ หรือจะซิ่งสนุกกับ “RS MODE” ก็ทำได้ง่ายดาย และอีกความเร้าใจที่พิสูจน์ ได้ใน Audi RS 6 Avant quattro คือ ท่อไอเสีย RS Sport ขนาดใหญ่รูปทรงวงรีที่พร้อมเสียงคำรามจากเครื่อง V8 Twin-Turbo 



Audi เป็นรถยนต์นำเข้ามาตรฐานเยอรมัน ลูกค้าที่ออกรถใหม่จะได้รับการดูแลจาก Audi Protection การรับประกันรถใหม่ 5 ปี หรือระยะทาง 150,000 กิโลเมตร แล้วแต่ระยะใดถึงก่อน รถยนต์ไฟฟ้า 100% และรถยนต์ Plug-in Hybrid TFSI e ใหม่ ทุกรุ่นรับประกันแบตเตอรี่แรงดันสูง 8 ปี หรือ 160,000 กิโลเมตร แล้วแต่ระยะใดถึงก่อน และบริการช่วยเหลือฉุกเฉิน Roadside Assistance ทั่วประเทศ 24 ชั่วโมง นาน 5 ปี ลูกค้าอาวดี้สามารถมั่นใจกับงานบริการหลังการขาย ซึ่งมีมาตรฐานคุณภาพเดียวกันทุกสาขา

Powered by MakeWebEasy.com
เว็บไซต์นี้มีการใช้งานคุกกี้ เพื่อเพิ่มประสิทธิภาพและประสบการณ์ที่ดีในการใช้งานเว็บไซต์ของท่าน ท่านสามารถอ่านรายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ นโยบายความเป็นส่วนตัว  และ  นโยบายคุกกี้