MAZDA CX8 รถครอบครัวหรู เน้นความสบาย

โดย: อัฐฒา นายเรือ

หลังจากที่ทางมาสด้าได้เปิดตัว ซีเอกซ์8 เอมพีวีหรูในประเทศไทยมาตั้งแต่ในช่วงปลายปี 2562 ก็ถึงเวลาที่จะต้องมีการปรับโฉมและปรับในเรื่องของอุปกรณ์ต่างๆ มาในรุ่นไมเนอร์เชนจ์ ซึ่งเบาะที่นั่งยังคงเป็นแบบ 3 แถว ที่มีให้เลือกทั้ง 6 และ 7 ที่นั่ง มีการปรับความสวยงามและประโยชน์ใช้สอยทั้งภายในและภายนอกห้องโดยสาร รวมไปถึงติดตั้งอุปกรณ์อำนวยความสะดวกและความปลอดภัยมาให้เพียบพร้อมตามความต้องการของลูกค้าในแต่ละรุ่นย่อยซึ่งมีทั้งหมดถึง 5 ตัวเลือกด้วยกัน ส่วนในด้านเครื่องยนต์ยังคงมี 2 แบบให้เลือกใช้งานเช่นเดิม คือ เบนซิน 2.5 ลิตร และ ดีเซล 2.2 ลิตร ที่เพียงพอต่อการขับเคลื่อนตัวรถและผู้โดยสารที่มีน้ำหนักรวมเกือบ 2 ตัน

หลังจากเปิดตัว ซีเอกซ์8 รุ่นปรับโฉมใหม่ ก็สามารถทำยอดจองไปทั้งสิ้นราว 1,000 คัน ขณะนี้ได้ทำการส่งมอบไปแล้วกว่า 300 คัน  ทางมาสด้าได้เปิดโอกาสให้ทางผู้สื่อข่าวมีโอกาสสัมผัสและทดลองขับใช้งานกันอย่างจริงจังบนถนนแถบจังหวัดชายแดนภาคใต้ ที่มีความงดงามและมีจุดแวะชมระหว่างทางที่น่าสนใจ โดยเส้นทางของพวกเราเริ่มจาก หาดใหญ่-ปัตตานี-ยะลา-เบตง-หาดใหญ่ เป็นระยะทางกว่า 600 กม. ซึ่งเราได้มีโอกาสทั้งเป็นผู้ขับขี่และผู้โดยสารในสภาพการใช้งานจริง เพื่อที่จะได้รับทราบถึงข้อมูลการใช้งาน สมรรถนะของเครื่องยนต์ ระบบรองรับ ระบบถ่ายทอดกำลัง ความสะดวกสบายทั้งในฐานะผู้ขับขี่และผู้โดยสาร อัตราการสิ้นเปลืองเชื้อเพลิง ฯลฯ ซึ่งผมจะค่อยๆ บรรยายให้ผู้อ่านรับทราบไปทีละส่วนนะครับ 

นายธีร์ เพิ่มพงศ์พันธ์ รองประธานบริหารอาวุโส               

ทริพการเดินทางเราเริ่มต้นกันที่โชว์รูมมาสด้า ชูเกียรติยนต์ หาดใหญ่ หลังจากที่ได้รับฟังการบรรยายสรุปข้อมูล มาสด้า ซีเอกซ์8 กันเป็นที่เรียบร้อย เราก็ออกเดินทางกันเป็นขบวนคาราวานโดยมีรถนำขบวน เราได้รถหมายเลข 5 ใช้เครื่องยนต์เบนซิน 2.5 SP 7 ที่นั่ง เป็นพาหนะที่จะอยู่กับเราตลอดการเดินทางถึง 2 วันเต็ม มีผู้โดยสารรวม 4 ท่านด้วยกัน ที่จะมาสลับกันขับและนั่งโดยสาร

จุดหมายแรกที่เราจะไปแวะพักชมกันคือ มัสยิดกรือเซะ ที่เก่าแก่กว่า 200 ปี และมีประวัติความเป็นมาอันยาวนาน ผมได้มีโอกาสเป็นผู้โดยสารในช่วงนี้ สัมผัสแรกคือความสบายในการนั่งขณะวิ่งบนไฮเวย์ รถได้รับการเซทมาเน้นให้มีความนุ่มนวลของระบบรองรับแม้ว่ารถรุ่นนี้จะใช้ล้อ 19 นิ้ว พร้อมยางซีรีส์ต่ำขนาด 225/55-19 ก็ตาม ซึ่งในช่วงแรกที่ขับกันจะมีความรู้สึกว่ามีการให้ตัวของระบบรองรับค่อนข้างมาก แต่เมื่อขับไปนานๆ และเริ่มคุ้นชิน จะรู้สึกว่าไม่ถึงกับย้วยหรือนุ่นจนเกินไปจนทำให้ขาดความมั่นใจในการขับขี่ แต่ออกแนวนุ่มนวลที่ไว้ใจได้มากกว่าหนึบแน่นสไตล์สปอร์ท เน้นความสบายในการนั่งโดยสารเป็นหลัก แอร์เย็นมากในทุกตำแหน่งที่นั่ง แถวหลังมีช่องแอร์ที่บริเวณคอนโซลกลางมาให้พร้อม ต้องยอมรับว่าภายในห้องโดยสารของ ซีเอกซ์8 ออกแบบมาได้อย่างสวยงาม ใช้วัสดุที่ดีในระดับพรีเมียม แผงหน้าปัดมีความทันสมัย มาพร้อมอินโฟร์เทนเมนต์ที่ครบเครื่อง แถมบริเวณคอนโซลกลางที่มีชาร์จมือถือแบบไร้สาย (Wireless Charger) มาให้อีกด้วย และเมื่อพับเบาะสองแถวด้านหลังลงจะมีพื้นที่กว้างขวางถึง 1,727 ลิตร ใส่จักรยาน 2 คันโดยไม่ต้องพับหรือถอดล้อออกได้อย่างสบายๆ

ระหว่างทางซึ่งในช่วงนั้นมีเหตุการณ์วางระเบิดในแถบนั้นค่อนข้างเยอะ ทำให้มีด่านตรวจของเจ้าหน้าที่อยู่มากทีเดียว ทำให้เราต้องมีการหักหลบ ซ้าย-ขวา ตามเครื่องกีดขวางที่วางไว้เพื่อชะลอความเร็วคล้ายกับการที่เราต้องขับซิกแซกเป็นการทดสอบการควบคุมบังคับไปให้ตัว ซีเอกซ์ 8 ของเราก็ยังขับผ่านอย่างสบายๆ เราใช้เวลาไม่นานก็ถึงจุดหมายแรก เพื่อเยี่ยมชมมัสยิดที่เก่าแก่แห่งปัตตานีกัน หลังจากนั้นก็แวะไปสักการะเจ้าแม่ลิ้มกอเหนี่ยว ซึ่งเป็นที่เคารพนับถือของชาวใต้และชาวไทยโดยทั่วไป ก่อนจะไปรับประทานอาหารกลางวันกันในปัตตานี

ช่วงบ่ายการเดินทางจากปัตตานีผ่านจังหวัดยะลาเข้าสู่ อ.เบตง สุดเขตชายแดนไทย จะมีเส้นทางที่ท้าทายการขับขี่เป็นระยะเกือบ 200 กม. เลยทีเดียว ผิวถนนเรียบ ทางโค้งที่มีทั้งโค้งกว้างและแคบ สลับกับช่วงทางตรง การจราจรไม่หนาแน่นนัก มีรถสัญจรไม่มากมาย ข้างทางแวดล้อมไปด้วยต้นไม่ร่มรื่นเขียวชอุ่ม ในช่วงนี้ผมได้สลับมาเป็นผู้ขับ อัตราเร่งของเครื่องยนต์เบนซิน 2.5 ลิตร 194 แรงม้า ที่ 6,000 รอบต่อนาที แรงบิด 258 นิวตันเมตร ที่ 4,000 รอบต่อนาที แม้ว่าจะมีแรงบิดเป็นรองเครื่องยนต์ดีเซล 2.2 ลิตร ที่มีมาให้ถึง 450 นิวตันเมตรที่รอบต่ำเพียงแค่ 2,000 รอบต่อนาที แต่เครื่องเบนซินตัวนี้ถือว่าตอบสนองการใช้งานได้เป็นอย่างดี เพียงพอต่อการลากน้ำหนักตัวรถรวมผู้โดยสาร 4 ท่าน ไปด้วยความเร็วที่ใช้กันอยู่ที่ช่วง 90-110 กม./ชม. ได้อย่างสบายโดยไม่รู้สึกว่าอืดหรือเร่งไม่ทันใจเลย บางช่วงเราลองใช้ความเร็วในช่วง 140 กม./ชม. การยึดเกาะถนนและการควบคุมบังคับรถก็ยังคงเป็นไปด้วยดี การเก็บเสียงรบกวนจากภายนอกทำได้ดี เป็นรถที่นั่งสบายทั้งการใช้งานในเมืองและขับท่องเที่ยวตามหัวเมืองต่างจังหวัด การขับทางไกลบนไฮเวย์ มีผู้โดยสาร 4 ท่านพร้อมสัมภาระ น้ำหนักรวมราวๆ 2 ตัน ในรุ่นเบนซิน 2.5 ลิตร เราทำอัตราสิ้นเปลืองโดยเฉลี่ยอยู่ที่ราวๆ 10 กม./ลิตร ถือว่าไม่ได้อยู่ในเกณฑ์ที่ประหยัด แต่จากภาพโดยรวมในการใช้งานผมถือว่าอยู่ในระดับที่รับได้ ไม่กินน้ำมันมากมายจนเกินไปนัก ขณะที่วิ่งอยู่ด้วยความเร็ว 110 กม./ชม. ใช้รอบเครื่อง 1,500 รตน.ผลจากการที่เกียร์มีอัตราทดถึง 6 จังหวะ ทำให้ช่วยลดการทำงานของเครื่องยนต์ลง ไม่ต้องใช้รอบเครื่องที่สูง

เส้นทางเริ่มมีโค้งมากขึ้นเรื่อยๆ ในช่วง ยะลา-เบตง การขับเข้าโค้งยังคงเป็นไปด้วยดี เทคโนโลยี Skyactive-Vehicle Dynamics ที่ประกอบไปด้วย GVC Plus ซึ่งติดตั้งมาให้ในทุกรุ่นย่อย ช่วยเพิ่มความสมดุลในขณะขับขี่โดยเฉพาะช่วงเข้าโค้ง จะช่วยลดแรงเหวี่ยงและอาการโคลงของตัวรถลงไปได้มาก ทำให้นั่งสบาย ลดอาการวิงเวียนเมื่อเจอช่วงที่มีโค้งเยอะๆ ในบางช่วงที่ต้องเร่งแซงรถช้าช่วงขับขึ้นลงเขาที่เต็มไปด้วยโค้ง เราต้องทำเวลาเพื่อไม่ให้ถึงจุดหมายก่อนมืด การเร่งแซงยังทำได้ดี บางครั้งเราก็ใช้โหมด Sport เข้ามาช่วย เพื่อให้มีอัตราเร่งที่รวดเร็วยิ่งขึ้นและไม่ต้องลุ้นกันมากนัก การแซงผ่านพ้นไปด้วยดีและปลอดภัย ซีเอกซ์8 เป็นรถเอมพีวีขนาดใหญ่ที่ให้การขับขี่ทางไกลที่ไว้ใจได้ทั้งบนทางตรงและทางโค้ง อุปกรณ์ตัวช่วยต่างๆ มีมาให้ครบครัน มีระบบควบคุมความเร็วรถอัตโนมัติแบบ Stop & Go มาให้ด้วยในรุ่นนี้, ขณะที่เราจะเปลี่ยนเลนเร่งแซงรถด้านหน้า ถ้ามีรถด้านขวาวิ่งอยู่ข้างๆ หรือในระยะใกล้ๆ ซึ่งอาจไม่ปลอดภัย ระบบจะเตือนให้เราได้รับทราบ รวมไปถึงระบบการควบคุมให้รถเราวิ่งอยู่ในเลน ฯลฯ พวงมาลัยมีความแม่นยำและตอบสนองในขณะเข้าโค้งทำได้ดี ในเรื่องของเบรก ทำงานได้ดี ไม่มีปัญหาในการหยุดรถ แต่ในช่วงแรกๆ ที่ขับเราอาจจะไม่คุ้นชินกับการกะน้ำหนักที่ต้องเหยียบลงไปบนแป้นเบรกเพื่อที่จะลดความเร็วตามต้องการ ซึ่งทางมาสด้าต้องการเซทมาแบบนั้นเพื่อให้เกิดความนุ่มนวล นั่งสบายในขณะที่ผู้ขับเหยียบเบรคเช่นเดียวกับในรุ่นอื่นๆ ของมาสด้า ซึ่งเราเคยพบใน ซีเอกซ์ 5  

ระหว่างการเดินทาง เราได้แวะเที่ยวชม อุโมงค์ปิยะมิตร ซึ่งมีพิพิธภัณฑ์ประวัติศาสตร์ รวบรวมของเก่าในยุคสมัยนั้นให้เราได้ชมกัน อุโมงค์แห่งนี้ใช้คน 40-50 คน ขุดกันเป็นเวลา 3 เดือน มีเส้นทางเข้าออก 9 ทาง แต่ปัจจุบันเหลือแค่ 6 ทาง มีความกว้าง 50-60 ฟุต ยาวประมาณ 1 กม. จุคนได้เกือบ 200 คนเลยทีเดียว ภายในแบ่งซอยเป็นห้องเล็กๆ เพื่อใช้งานต่างๆ กันไป นอกจากนี้ใกล้ๆ บริเวณอุโมงค์ยังมีต้นไทรยักษ์ ขนาดใหญ่ที่วัดโดยรอบได้ 60.8 ม. และมีความสูงถึง 40 ม. ซึ่งถูกจัดให้เป็นรุกขมรดกของแผ่นดินใต้ร่มพระบารมีอีกด้วย

หลังจากนั้นเราก็ขับรถไปยังชายแดน ไทย-มาเลเซีย ที่ อ.เบตง ในช่วงก่อนมืด ถ่ายภาพเป็นที่ระลึกกันก่อนจะเดินทางต่อไปยัง รร.ที่พักคืนนี้กัน ก่อนเข้า รร. เราได้ขับรถลอดอุโมงค์เบตงที่เจาะรอดใต้ภูเขาทำเป็นถนนอย่างดีให้รถวิ่งผ่าน ด้านข้างมีทางเท้าให้คนเดินชมได้อย่างสะดวกและปลอดภัย นับเป็นอีกหนึ่งไฮไลท์ของ อ.เบตง ในช่วงกลางคืนเปิดไฟสว่างจะสวยงามมาก แม้จะเป็นยามค่ำคืนก็มีผู้คนมาถ่ายรูปเป็นที่ระลึกกันอย่างคึกคักทีเดียว  

เช้าวันรุ่งขึ้น เราได้เดินทางกันต่อไปยังไฮไลท์อีกจุดหนึ่งของ อ.เบตง ที่ไม่ควรพลาด คือ อัยเยอร์เวง Sky Walk จุดชมวิวซึ่งเป็นหุบเขาที่มีทิวทัศน์อันงดงาม แวดล้อมไปด้วยทะเลหมอก ตัวสกายวอล์คทำดีมาก มีมาตรฐานสูงไม่แพ้ต่างชาติ เราใช้เวลาเดินชมและถ่ายภาพกันพักใหญ่ ก่อนจะเดินทางต่อไปเพื่อสักการะสิ่งศักดิ์สิทธ์ใน จ.ปัตตานี ซึ่งเป็นที่นับถือของชาวไทย คือ หลวงปู่ทวด วัดช้างไห้ ซึ่งในอดีตมีเรื่องราว ความปาฎิหารย์ มากมายได้เล่าขานมาจนถึงในยุคปัจจุบัน นับเป็นสิริมงคลกับพวกเราที่ได้มาสักการะและแวะเยี่ยมชมสถานที่ศักดิ์สิทธิ์แห่งนี้

หลังจากที่ได้รับประทานอาหารกลางวันอันเอร็ดอร่อยจากร้านดังในปัตตานี หลังจากอิ่มหนำสำราญ เราก็วิ่งบนไฮเวย์เรียบๆ ทางตรงยาวๆ มุ่งสู่โชว์รูมมาสด้า ชูเกียรติยนต์ หาดใหญ่ ที่เราออกเดินทางกันมาเมื่อวานนี้ พอหนังท้องตึงแล้วมาเจอแอร์เย็นๆ ในซีเอกซ์8 เข้าไป ผู้โดยสาร 3 ท่าน ในรถของเราถึงกับง่วงหลับสลบไสลไปกับความนุ่มสบาย เหลือผมคอยควบคุมรถวิ่งไปตามขบวนแต่เพียงผู้เดียว เราขับกันไปเรื่อยๆ สบายๆ ใช้เวลาไม่นานนักก็ถึงจุดหมายปลายทางของทริพอันน่าประทับใจในครั้งนี้อย่างปลอดภัย

ขอขอบคุณ : บริษัท มาสด้า เซลส์ (ประเทศไทย) จำกัด และทีมงานทุกท่าน ที่ได้เชื้อเชิญและอำนวยความสะดวกให้กับเราตลอดการเดินทางในทริพอันน่าประทับใจตลอด 2 วันเต็มกับ มาสด้า ซีเอกซ์8 ในครั้งนี้นะครับ