ฮอนด้า แอคคอร์ด ใหม่ ปราดเปรียว ให้ความรู้สึกที่สปอร์ทกว่ารุ่นเดิม ครบครันด้วยเทคโนโลยีและฟังก์ชันการใช้งานเพื่อความสะดวกสบาย

852 จำนวนผู้เข้าชม  | 

โดย: นายอัฐฒา นายเรือ

 

ฮอนด้า แอคคอร์ด ใหม่ เดินทางมาถึงเจนเนอเรชันที่ 11 มาพร้อมรูปทรงอันปราดเปรียว ให้ความรู้สึกที่สปอร์ทกว่ารุ่นเดิม ดีไซน์ภายนอกเป็นการผสานความหรูหราและความสปอร์ตเข้าไว้ด้วยกันอย่างลงตัว ภายในห้องโดยสารกว้างขวาง ครบครันด้วยเทคโนโลยีและฟังก์ชันการใช้งานเพื่อความสะดวกสบาย  อาทิ Google built-in  ปุ่ม Experience Selection Dial ที่เลือกปรับได้   ไฟสร้างบรรยากาศภายในห้องโดยสารแบบปรับเฉดสีได้ (Multi-color Ambient Light)  ระบบกล้องมองภาพรอบทิศทาง ระบบเครื่องเสียงพร้อมลำโพง BOSE 12 ตำแหน่ง  

ระบบแสดงข้อมูลบนกระจกหน้า (Head-up Display: HUD) ขนาด 11.5 นิ้ว  ระบบเครื่องเสียงหน้าจอสัมผัสขนาด 12.3 นิ้ว แบบ Advanced Touch รองรับ Apple CarPlay และ Android Auto แบบไร้สาย และรองรับระบบสั่งการด้วยเสียง Siri และ Android Auto 

มาตรวัดพร้อมหน้าจอแสดงข้อมูลการขับขี่แบบ TFT ขนาด 10.2 นิ้ว  ช่องเชื่อมต่อ USB Type C 4 ตำแหน่ง  อุปกรณ์ชาร์จไฟแบบไร้สาย (Wireless Charger) เป็นต้น  ครั้งแรกในโลกกับรุ่น e:HEV RS ที่เสริมความสปอร์ตพรีเมียมอีกขั้นในดีไซน์เอกซ์คลูซีฟรอบคัน มาพร้อมหลังคาซันรูฟไฟฟ้าแบบพาโนรามา (Panoramic Sunroof)  ไฟเลี้ยวด้านหน้าและด้านหลังแบบ LED Sequential และระบบควบคุมประตูอัจฉริยะ (Honda Smart Key System)  พร้อม Honda Smart Key Card เป็นต้น

ความรู้สึกจาการได้ทดลองขับและนั่งโดยสาร ฮอนด้า แอคคอร์ด ใหม่

เราออกเดินทางจาก รร. แถบหาดไม้ขาวทางตอนเหนือของเกาะภูเก็ต ข้ามสะพานสารสินมุ่งสู่ พังงา กระบี่ วันนี้เราจะทดลองขับ ฮอนด้า แอคคอร์ด ใหม่ กันถึง 3 จังหวัดเป็นระยะทางร่วม 300 กม. กันเลยทีเดียว

ผมเป็นผู้ขับไม้ที่หนึ่ง การขับขี่ในช่วงแรก ความรู้สึกที่ได้รับจากการขับ แอคคอร์ด ใหม่ เป็นรถระดับพรีเมียมหรู ตัวรถเมื่อมองจากภายนอกจะมีขนาดตัวที่ใหญ่และยาว แต่พอมานั่งในตำแหน่งผู้ขับขี่จะรู้สึกว่าไม่ใหญ่โตนัก หน้ารถที่ค่อนข้างยาว แต่จากการที่แผงหน้าปัดด้านหน้าถูกปรับมาอยู่ในระดับที่ไม่สูงมาก ทำให้มีทัศนวิสัยทางด้านหน้าค่อนข้างชัดเจน ไม่อึดอัด พวงมาลัยแม่นยำดี มีน้ำหนักที่ไม่เบาจนเกินไปในขณะใช้ความเร็วสูง อาจจะหนักไปหน่อยด้วยซ้ำในบางจังหวะ การควบคุมบังคับเป็นไปด้วยดี ขับง่าย และขับสบาย


ฮอนด้า แอคคอร์ด อี:เอชอีวี ใหม่ ขับเคลื่อนด้วยระบบฟูลไฮบริด e:HEV ในทุกรุ่นย่อย ตอบสนองอย่างทันใจและทรงพลัง มอบแรงบิดสูงสุด 335 นิวตัน-เมตร โดยสามารถปรับเปลี่ยนโหมดการทำงานให้เหมาะสมกับทุกสถานการณ์การขับขี่ได้อย่างชาญฉลาด (Intelligent Multi-mode drive) ประกอบไปด้วยการทำงานของโหมดการขับขี่ 3 โหมด ได้แก่ โหมดการขับขี่ด้วยมอเตอร์ไฟฟ้า (EV Drive Mode) โหมดการขับขี่ด้วยระบบไฮบริด (Hybrid Drive Mode) และโหมดการขับขี่ด้วยเครื่องยนต์ (Engine Drive Mode) นอกจากนี้ในขณะลดความเร็ว ระบบจะเปลี่ยนพลังงานที่เกิดขึ้นจากการลดความเร็วนั้นให้เป็นพลังงานไฟฟ้า และชาร์จกลับไปยังแบตเตอรี่ (Regeneration) นอกจากนี้ผู้ขับขี่ยังสามารถเข้าถึงอารมณ์การขับขี่ด้วยไฟฟ้า กับสวิตช์ควบคุมโหมดการขับขี่ด้วยมอเตอร์ไฟฟ้า (EV Switch) ซึ่งติดตั้งอยู่บริเวณคอนโซลกลาง ที่ได้รับการพัฒนาโดยเพิ่ม Charge Mode เข้ามาเป็นครั้งแรก ในแอคคอร์ด

อัตราเร่งจากพลังฟูลไฮบริดตอบสนองได้รวดเร็วทันใจมากๆ แม้ว่าตัวรถจะมีขนาดใหญ่ น้ำหนักตัวราว 1,500 กก. แต่อัตราเร่ง การเร่งแซงทำได้ง่ายดายราวกับรถขนาดเล็ก พละกำลังจากเครื่องยนต์เบนซินฟูลไฮบริดแบบ 4 สูบ 2.0 ลิตร 16 วาล์ว ทำงานผสานกับมอเตอร์ไฟฟ้าให้การตอบสนองการเร่งที่ดีในอารมณ์คล้ายๆ รถไฟฟ้า อัตราเร่ง 0-100 กม./ชม. ที่ทางวิศวกรฮอนด้าวัดค่าไว้อย่างไม่เป็นทางการอยู่ที่ราวๆ 8 วินาที ในช่วงออกตัวและช่วงที่ใช้ความเร็วต่ำเช่นการใช้งานในเมืองจะขับเคลื่อนด้วยมอเตอร์ที่ใช้พลังงานไฟฟ้าจากแบทเตอรีเป็นหลัก เมื่อมีการเร่งแซงที่ต้องการพลังอย่างรวดเร็วก็จะใช้ทั้งเครื่องยนต์และมอเตอร์ และในขณะที่ใช้ความเร็วคงที่เช่นการเดินทางไกลยาวๆ จะใช้พลังจากเครื่องยนต์เพียงอย่างเดียวเพราะเป็นช่วงที่ใช้น้ำมันเชื้อเพลิงน้อย โดยในขณะรถวิ่งโดยน้ำมันก็จะปั่นกระแสไฟกลับไปยังแบทเตอรีเพื่อสำรองไว้ใช้งานต่อไป การทำงานจะสลับแบบนี้ไปเรื่อยๆ โดยมีคอมพิวเตอร์ควบคุมตัดต่อการทำงานอย่างละเอียด นุ่มนวลโดยในขณะขับขี่เพลินๆ ผู้ขับแทบไม่รู้สึกเลยว่าช่วงนี้ขับเคลื่อนด้วยพลังงานจากแหล่งใด ในทริพนี้เราทดลองขับกันด้วยความเร็วค่อนข้างสูงแทบจะตลอดเส้นทางเพราะเวลาค่อนข้างจำกัด ใช้ความเร็วส่วนใหญ่เกิน 100 กม./ชม. แต่อัตราสิ้นเปลืองโดยเฉลี่ยอยู่ที่ 15-18 กม./ลิตร ซึ่งถือว่าอยู่ในเกณฑ์ที่ดี ถ้าขับแบบปกติโดยทั่วไปตัวเลข 20 กม./ลิตร มีให้เห็นอย่างแน่นอน       

การเก็บเสียงภายในห้องโดยสารทำได้ดีมากๆ จากการซีลตามตัวรถด้วยขอบยางมาเป็นอย่างดี นอกจากนี้ยังมีเทคโนโลยีที่จะตัดเสียงรบกวนอีกด้วย ในหัวข้อการเก็บเสียงทำได้ดีมากๆ บรรยากาศภายในรถเต็มไปด้วยความเงียบ บางช่วงเราลองใช้ความเร็วกันที่ 130 กม./ชม. เสียงลมและเสียงรบกวนต่างๆ จากภายนอกเข้ามาน้อยมากๆ ต่างกับรถส่วนใหญ่ที่เราเจอมา ซึ่งทางฮอนด้าให้ความสำคัญในเรื่องนี้มากทีเดียว นอกเหนือจากนี้ ระบบเครื่องเสียงที่ได้รับการพัฒนามาร่วมกับทาง BOSE ให้มิติของเสียงเพลงที่สุดยอดมาก พลังเสียงทุ้ม กลาง แหลม มาครบราวกับเรากำลังนั่งอยู่ในห้องฟังเพลงเคลื่อนที่กันเลยทีเดียว หัวข้อนี้เราต้องให้คะแนน 10 เต็ม เรียกได้ว่าดีที่สุดในบรรดารถยนต์ระดับ 2 ล้านบาท ไม่ว่าจะยุโรป ญี่ปุ่น หรือจีน เลยทีเดียว


ระบบรองรับด้านหน้าแบบ แม็คเฟอร์สัน สตรัท ส่วนด้านหลังแบบมัลทิลิงค์ พร้อมเหล็กกันโคลงทั้งที่ด้านหน้าและหลัง การเซทระบบรองรับทั้งโช๊คอัพและสปริงเน้นความนุ่มนวลในสไตล์รถครอบครัว และก็ยังเกาะถนน เข้าโค้งได้หนึบแน่นพอสมควร นุ่มแต่ไม่ถึงกับย้วยจนอันตรายหรือควบคุมรถยาก เราได้ลองระบบช่วงล่างกันในช่วงถนนที่เต็มไปด้วยโค้งรูปแบบต่างๆ แถบจังหวัดพังงา การขับยังให้ความมั่นใจที่ดี และมีความนุ่มนวล ไม่กระด้าง แม้จะไม่เซทรถที่หนึบแน่นสไตล์สปอร์ทเหมือนกับในซีวิครุ่นน้อง แต่การเข้าโค้งเร็วๆ ก็ยังมั่นใจได้ในขณะเดินทางไกลในความเร็วที่ค่อนข้างสูง

ผมได้ลองย้ายไปนั่งเป็นผู้โดยสารที่เบาะหลัง พื้นที่วางขาเหลือเฟือ นั่งสบายสุดๆ ห้องโดยสารมีความโปร่งโล่ง ไม่อึดอัด วัสดุที่ใช้ตกแต่งภายในทำได้ดีทีเดียวทั้งในแง่สวยงามและหรูหรา



ฮอนด้า แอคคอร์ด อี:เอชอีวี ใหม่ ทุกรุ่นย่อยมาพร้อมเทคโนโลยีความปลอดภัยอัจฉริยะ Honda SENSING ที่ผสานการทำงานของกล้องมุมกว้างด้านหน้าและเรดาร์ ในการตรวจจับรถยนต์ รถจักรยานยนต์ จักรยาน และคนเดินถนนได้อย่างมีประสิทธิภาพ โดยมีฟังก์ชันการทำงานหลัก ๆ ดังนี้

   ระบบเตือนการชนพร้อมระบบช่วยเบรก (Collision Mitigation Braking System: CMBS)

   ระบบช่วยควบคุมรถให้อยู่ในช่องทางเดินรถ (Lane Keeping Assist System: LKAS)

   ระบบเตือนและช่วยควบคุมเมื่อรถออกนอกช่องทางเดินรถ (Road Departure Mitigation System with Lane Departure Warning : RDM with LDW)

   ระบบควบคุมความเร็วอัตโนมัติแบบแปรผัน พร้อมระบบปรับความเร็วตามรถยนต์คันหน้าที่ความเร็วต่ำ (Adaptive Cruise Control with Low-Speed Follow: ACC with LSF)

   ระบบปรับไฟสูงอัตโนมัติ (Auto High-Beam: AHB) หรือ ใหม่ ครั้งแรกใน แอคคอร์ด กับระบบไฟหน้า LED อัจฉริยะ (Adaptive Driving Beam: ADB) (เฉพาะรุ่น e:HEV RS) ช่วยเพิ่มทัศนวิสัยในเวลากลางคืนและปรับองศาของแสงไฟเพื่อลดการรบกวนรถด้านหน้าและคนเดินถนน

   ใหม่ ครั้งแรกใน แอคคอร์ด กับ ระบบเตือนเมื่อรถคันหน้าเคลื่อนที่ (Lead Car Departure Notification System: LCDN)

 

 

พร้อมด้วยเทคโนโลยีเพื่อความปลอดภัยล้ำสมัยและเทคโนโลยีเพื่อการขับขี่อื่น ๆ* อาทิ ระบบกล้องมองภาพรอบทิศทาง (Multi-view Camera System: MVCS)  ไฟส่องสว่างด้านข้างอัตโนมัติขณะเลี้ยว (ACL)  ระบบเพิ่มความเสถียรและความคล่องตัวในการขับขี่ (Motion Management System: MMS)  ถุงลม 8 ตำแหน่ง ในทุกรุ่นย่อย  เซนเซอร์กะระยะหน้า 4 จุด และหลัง 4 จุด  ระบบช่วยชะลอความเร็วรถที่พวงมาลัย (Deceleration Paddle Selectors)  ไฟเตือนเบาะนั่งด้านหลัง (Rear Seat Reminder) ระบบเตือนคาดเข็มขัดนิรภัยผู้โดยสารด้านหน้า และระบบเตือนคาดเข็มขัดนิรภัยผู้โดยสารด้านหลัง ระบบควบคุมเสียงรบกวนเข้าห้องโดยสาร (ANC)  และเซนเซอร์ตรวจจับเสียงรบกวนจากพื้นถนน (Road noise ANC)  อีกทั้งเทคโนโลยีเพื่อการเชื่อมต่ออันล้ำสมัยที่เชื่อมผู้ใช้งานกับรถให้เป็นหนึ่งเดียว อาทิ ใหม่ ครั้งแรกของรถยนต์ฮอนด้า กับฟังก์ชันการอัปเดตซอฟต์แวร์ Over-The-Air (OTA) ช่วยให้ผู้ใช้รถไม่เพียงสามารถอัปเดตระบบ Infotainment แต่ยังสามารถอัปเดตการทำงานของ ECU จากทางไกลได้ และระบบเชื่อมต่อ Honda CONNECT มาพร้อมเทคโนโลยี Digital Key เป็นครั้งแรกของรถยนต์ฮอนด้า

 

ฮอนด้า แอคคอร์ด อี:เอชอีวี ใหม่ ราคาจำหน่าย รุ่น e:HEV E 1,529,000 บาท  รุ่น e:HEV EL ราคา 1,669,000 บาท และรุ่น e:HEV RS ราคา 1,799,000 บาท

มาพร้อมสีภายนอกให้เลือก 4 สี ได้แก่ สีขาวแพลทินัม (มุก)  สีเงินลูนาร์ (เมทัลลิก)  สีเทาเมทิเออรอยด์ (เมทัลลิก)  และสีดำคริสตัล (มุก) พร้อมภายในสีดำ และสีดำตกแต่งด้วยด้ายสีแดง (เฉพาะรุ่น e:HEV RS)

เมื่อจองและรับรถภายใน 31 ธ.ค. 2566 รับ “Honda Exclusive Care” ประกอบด้วย ฟรีประกันภัย 1 ปี ฟรีรับประกันอายุการใช้งานแบตเตอรี่ไฮบริดถึง 10 ปี และรับประกันระบบไฮบริดทั้งระบบ 5 ปี ไม่จำกัดระยะทาง อีกทั้งฟรีแพ็กเกจเช็กระยะ ค่าแรง ค่าอะไหล่ 5 ปี หรือ 100,000 กม. และฟรี Honda Ultimate Care ขยายการรับประกันคุณภาพรถยนต์ใหม่และบริการช่วยเหลือฉุกเฉินบนท้องถนน 24 ชั่วโมง อีก 2 ปี หรือ 40,000 กม. รวมเป็น 5 ปี 140,000 กม.

Powered by MakeWebEasy.com
เว็บไซต์นี้มีการใช้งานคุกกี้ เพื่อเพิ่มประสิทธิภาพและประสบการณ์ที่ดีในการใช้งานเว็บไซต์ของท่าน ท่านสามารถอ่านรายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ นโยบายความเป็นส่วนตัว  และ  นโยบายคุกกี้