เปิดซิง BYD Seal5 DM-i ขับดีกว่าที่คิดไว้

222 จำนวนผู้เข้าชม  | 

หลังจากแง้มๆ เผยโฉมในงานโรงงาน BYD Thailand ที่ระยอง ผลิตรถยนต์ไฟฟ้าครบ 90,000 คัน ทาง BYD แบบเผยโฉมรถยนต์ซีดานในกลุ่ม B-Segment ในรูปแบบของ ไฮบริด ที่ออกมาสู้ตลาดรถยนต์ในกลุ่มนี้ที่มียอดจำหน่ายดีอย่างต่อเนื่อง โดย BYD เลือกรถรุ่น Seal5 DM-i มาต่อกรคู่แข่งในตลาดบ้านเรา ซึ่ง ณ เวลานี้มี Honda City PHEV ครองตลาดอยู่ จนเมื่อช่วงวันที่ 8 สิงหาคมที่ผ่านมา ทาง BYD ชิงเปิดตัว Seal5 DM-I ต่อหน้าสาธารณชนอย่างเป็นทางการ ก่อนที่เจ้าตลาด Toyota จะเปิดตัว Yaris ATIV HEV ในช่วงปลายเดือนนี้


ก่อนหน้างานเปิดตัว ทาง Rever Automotive ได้เชิญสื่อมวลชนสายยานยนต์เข้าร่วมพิสูจน์สมรรถนะเจ้า Seal5 DM-i โดยเลือกใช้เส้นทางจาก ศูนย์ BYD Academy ศรีนครินทร์ มุ่งหน้าไปยังอำเภอ อัมพวา จังหวัดสมุทรสงครามกับระยะทางไปกลับ 200 กม. โดยรถที่นำมาให้สื่อมวลชนได้ทดสอบกันในครั้งนี้ทาง Rever เลือกใช้รถสีขาว และเป็นรุ่นPremium ทั้งหมด



ในเรื่องของรูปลักษณ์ภายนอก ภายใน หรือสเปกของตัวรถทั้งหมด ทางเราเคยเขียนลงไปก่อนหน้านี้ ลองย้อนหาอ่านในเว็ปไซด์ของเราก็แล้วกันครับ รูปโฉมภายนอกเมื่อแรกเห็นจะพบกับมิติตัวรถที่ใหญ่ระดับน้องๆ C-Segment ใหญ่กว่า City และ Yaris ATIV พอควร มิติตัวรถยาว 4,780 มม., กว้าง 1,837 มม., สูง 1,495 มม. ความยาวฐานล้อ 2,718 มม. เส้นสายของตัวรถออกแนวสปอร์ตนิดๆ ไฟหน้าดีไซน์โฉบเฉี่ยวสอดรับกับดีไซน์ของชุดกระจังหน้าขนาดใหญ่ ซึ่งผสมผสานเส้นสายของโครเมี่ยมเติมความหรูหรานิดๆ ด้านท้ายดีไซน์เน้นควมเรียบหรู ไฟท้าย LED วางพาดยาวตลอด 2 ฝั่งของท้ายรถ  สอดรับกับเส้นสายของกันชนท้ายที่ออกแบบให้มีช่องระบายลมจากล้อคู่หลังได้อย่างกลมกลืน



เปิดประตูเข้าไปนั่งภายในห้องโดยสาร สิ่งแรกที่สัมผัสคือ ตำแหน่งของเบาะนั่งวางตำแหน่งไว้ต่ำ และส่วนรองนั่งดันเอนลาดไปทางด้านหน้า เวลาขับใช้งานตัวจะไหลลงเรื่อยๆ อันนี้ไม่ค่อยโอเคเท่าไหร่นัก ตัวเบาะนั่งขนาดใหญ่นั่งสบาย พนักพิงมาในสไตล์ของ BYD คือ หัวหมอนออกแบบเป็นส่วนเดียวกับพนักพิง ทำให้ตำแหน่งท่านั่งขับ ต้องปรับพนักพิงเอนไปด้านหลังเล็กน้อย ไม่งั้นจะเหมือนก้มหน้าขับตลอดเวลา เบาะคนขับปรับไฟฟ้า 6 ทิศทาง ผู้โดยสารตอนหน้าปรับไฟฟ้า 4 ทิศทาง



ทัศนวิสัยในการมองเห็นด้านหน้าถือว่าโปร่งชัดเจน เสา A-Pillar มีบดบังสายตาบ้างเล็กน้อย ทัศนวิสัยในการมองเห็นด้านหลังจากมุมมองกระจกมองหลัง ไม่ถือว่าแคบ มีแค่เสา C-Pillar มีขนาดใหญ่บดบังสายตาขณะถอยหลังอยู่บ้าง(แต่จะกลัวอะไร Seal 5 DM-i มีกล้องมองรอบคัน 360 องศา เป็นอุปกรณ์มาตรฐาน)



พวงมาลัยปรับได้ 4 ทิศทาง พวงมาลัย 3 ก้าน พร้อมปุ่มมัลติฟังก์ชั่นจับถนัดมือ จอเรือนไมล์ดิจิตอลขนาดใหญ่มองเห็นชัดเจน ตำแหน่งการวางสวิทช์เกียร์ และปุ่มต่างๆ ใช้งานง่ายถนัดมือ จออินโฟเทนเม้นท์กลางขนาดใหญ่ 12.8 นิ้ว(รุ่น Premium, 10.1 นิ้ว รุ่น Standard) ใช้งานสะดวกทัชสกรีนเร็ว



โยกย้ายมานั่งตำแหน่งผู้โดยสารตอนหลังกันบ้าง ตัวเบาะนั่งขนาดใหญ่ ส่วนรองนั่งยาวรองรับต้นขาได้ดีทีเดียว พื้นที่วางขามีอย่างเหลือเฟือ พนักพิงเอนไปด้านหลังระดับที่กำลังนั่งเดินทางไสบายไม่เมื่อยล้า แต่ถ้าคนสูงระดับ 175 ซม. ขึ้นไป ศีรษะอาจติดเพดานหลังคาได้ ตัวพนังพิงสามารถพับแยก 60:40 เพื่อเพิ่มเนื้อที่เก็บสัมภาระท้ายรถที่มีชิ้นยาวๆ ได้สบายๆ ตัวเบาะนั่งหลังติดตั้ง ISOFIX ไว้ทั้ง 2 ฝั่งที่นั่ง การเก็บเสียงใจห้องโดยสารถือว่าทำได้ค่อนข้างดี อาจมีเสียงของเครื่องยนต์ และช่วงล่างเล็ดลอดเข้ามาบ้างแต่ก็จัดอยู่ในระดับที่รับได้

ย้ายจากที่นั่งด้านหลัง ออกมาเปิดฝากระโปรงหน้าชมเครื่องยนต์ เบ็นซิน แถวเรียง 4 สูบ ความจุ 1.5 ลิตร Atkinson Cycle กำลัง 98 แรงม้า แรงบิด 122 นิวตัน-ม. +มอเตอร์ไฟฟ้า ให้แรงม้าสูงถึง 218 ตัว แรงบิด 300 นิวตัน-ม.(ยกชุดมาจากรถ SUV Sealion6) แบตเตอรี่ Lithium-ion(LFP) Blade Battery ขนาดความจุ 18.3 kWh(รุ่น Premium, รุ่น Standard ความจุ 13.08 kWh) รองรับการชาร์จไฟ AC Type2 สูงสุด 6.6 kW ชาร์จไฟเต็ม 100% วิ่งได้ระยะทาง 120 กม.(รุ่น Premium, รุ่น Standard วิ่งได้ 80 กม.) ตามมาตรฐาน NEDC อัตราเร่ง 0-100 กม./ชม. ใช้เวลาเพียง 7.5 วินาที ความเร็วสูงสุดที่ 185 กม./ชม. อัตราสิ้นเปลืองเชื้อเพลิงเคลมไว้ที่ 26.3 กม./ลิตร



คันที่เราได้ทดลองขับในครั้งนี้เป็นรุ่น Premium การขับขี่ในช่วงแรกวิ่งในเมืองที่รถติดๆ มอเตอร์ไฟฟ้าให้อัตราเร่งที่ดีมากๆ ตามสไตล์รถไฟฟ้า ลื่นไหล แรงบิดดี ทำให้การขับขี่ในเมืองเป็นเรื่องที่สนุกสนาน พอเข้าสู่ช่วงถนนปราบเซียน พระราม 2 จังหวะที่กดคันเร่งเพิ่อแซงรถคันที่ช้ากว่า เครื่องยนต์จะสตาร์ทขึ้นมาเพื่อทำการส่งกำลังสำรองมาช่วยมอเตอร์ทำให้อัตราเร่งดียิ่งขึ้น พร้อมกับปั่นไฟส่วนที่เหลือไปเก็บที่แบตเตอรี่ด้วย



ในวันที่ทดสอบสภาพการจราจรค่อนข้างติดขัด ความเร็วทำได้อยู่ในช่วง 60-100 กม./ชม. สลับไปมานั่น ทั้งตัวมอเตอร์ขับเคลื่อนหลักกับเครื่องยนต์จะทำงานสอดรับในเรื่องของการชาร์จไฟ และส่งพลังไปยังมอเตอร์ได้อย่างดี เสียงของเครื่องยนต์ในขณะชาร์จไฟก็ไม่ได้ดังเล็ดลอดเข้ามาในห้องโดยสารระดับที่รำคาญใจ อัตราสิ้นเปลืองเชื้อเพลิงโดยเฉลี่ยทำได้ในระดับเฉียด 40 กม/ลิตร(มีช่วงชาเรนจ์ และเติมน้ำมันกลับจนเต็ม) ถือว่าดีกว่าที่คิดเอาไว้เยอะเลย


ระบบกันสะเทือนทางด้านหน้าเลือกใช้แบบ อิสระ แม็คเฟอร์สันสตรัท คอยล์สปริง พร้อมเหล็กกันโคลง และทางด้านหลังแบบ มัลติลิงค์ ระบบบังคับเลี้ยวแบบ แร็คแอนด์พิเนี่ยน EPS ระบบเบรคเป็นดิสค์เบรคทั้ง 4 ล้อ ตามปกติการเซ็ทอัพระบบกันสะเทือนของรถไฟฟ้า หรือรถแนวไฮบริดจากทางจีน ส่วนใหญ่จะเน้นความนุ่มนวล นุ่มจนบางทีมีย้วย มีโยน กันแทบจะทุกค่าย แต่สำหรับ Seal5 DM-i ครั้งนี้กลับผิดคาด



เพราะการเซ็ทติ้งระบบกันสะเทือนออกมาได้ดีแนวสปอร์ตนิดๆ เวลาวิ่งช้าๆ ในเมือง ผ่านรอยต่อถนน หรือเจอถนนที่ขุรขระ ผู้ขับ และผู้โดยสารสามารถสัมผัสถึงการสะเทือนเล็กๆ เข้ามาในห้องโดยสาร กลับกันจังหวะวิ่งด้วยความเร็วสูง กลับให้ความมั่นใจค่อนข้างดี เส้นพระราม2 ทุกท่านจะรู้ดีว่า สภาพพื้นผิวถนน และคอสะพานนั่นจัดว่าสุดมาก Seal5 DM-i เมื่อต้องโยนตัวขึ้นคอสะพานในแต่ล่ะครั้ง ตัวรถให้อาการที่นิ่ง ไม่ย้วยโยน ให้เวียนหัว หรือผู้ขับต้องเกร็งพวงมาลัยแต่อย่างใด
  
เช่นเดียวกับการเซ็ทอัตราทดพวงมาลัยมาได้ดี ให้การตอบสนองที่ฉับไว และเฉียบคม ส่งผลให้การขับขี่เป็นเรื่องสนุกสนานในระดับที่น่าประทับใจแม้จะสัมผัสเป็นครั้งแรก ฟิลลิ่งของแป้นเบรคยังคงตามสไตล์รถไฟฟ้า(เพราะใช้แวคคั่มสร้างแรงดันเบรคแบบไฟฟ้า) แตะครั้งแรกตัวรถเหมือนมีอาการเบรคหัวทิ่ม แต่พอขับสักพักรับจูนน้ำหนักเท้าในการกดแป้นเบรคให้สมูทได้แล้ว ทีนี่ก็ขับได้สบายยิ่งขึ้น การทำงานของระบบเบรคถือว่าดีเหมาะสมกับน้ำหนัก และพละกำลังของเครื่องยนต์กับมอเตอร์ไฟฟ้า ให้ความวางใจได้ในระดับที่ควรจะเป็น



BYD Seal5 DM-i มาในสไตล์ Plug in Hybrid จุดเด่นยังคงเป็นรถที่ขับเคลื่อนด้วยมอเตอร์ไฟฟ้า ให้อัตราเร่งที่ดี ขับสนุก มิติตัวรถมีขนาดใหญ่กว่าเพื่อนร่วมคลาส อุปกรณ์ต่างๆ ก็ให้มาแบบจัดเต็ม แม้ในอีกไม่กี่วันเจ้าตลาดอย่าง Toyota จะเปิดตัว Yaris ATIV HEV ออกมาชนกันตรงๆ ก็ตาม แต่จุดเด่นของ Seal5 DM-i ก็ยังคงเป็นเรื่องของการชาร์จไฟบ้านได้ ตรงนี้ทำให้อัตราสิ้นเปลืองน้ำมันเชื้อเพลิงต่ำกว่าคู่แข่ง รวมถึงห้องโดยสารขนาดใหญ่นั่งสบาย ส่วน Honda City PHEV ถ้าไม่รีบขยับตัว อาจโดน Seal5 DM-I, Toyota Yaris ATIV HEV ค่อยๆ กินยอดส่วนแบ่งการตลาดเยอะพอควรแน่ๆ



BYD Seal5 DM-i(รุ่นประกอบในประเทศ) เปิดราคาเฉพาะรุ่น Premium ช่วงนี้จนถึงวันที่ 30 กันยายน 2568 ราคาพิเศษที่ 6.999 แสนบาท หลังจากนั่นจะปรับราคาขึ้นไปอยู่ที่ 7.699 แสนบาท พร้อมกับการรับประกันตัวรถ 6 ปี หรือ 150,000 กม. รับประกันแบตเตอรี่ High Voltage นาน 8 ปี หรือ 160,000 กม. พร้อมบริการช่วยเหลือฉุกเฉิน 24 ชม. นาน 8 ปี ฟรีฟิลม์กรองแสงเซรามิค XUV Max II และดอกเบี้ย 1.98% นาน 48 เดือน สนใจชม และทดลองขับ Seal5 DM-i ได้แล้วที่โชว์รูม BYD ทั่วประเทศ       

Powered by MakeWebEasy.com
เว็บไซต์นี้มีการใช้งานคุกกี้ เพื่อเพิ่มประสิทธิภาพและประสบการณ์ที่ดีในการใช้งานเว็บไซต์ของท่าน ท่านสามารถอ่านรายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ นโยบายความเป็นส่วนตัว  และ  นโยบายคุกกี้